หมากฝรั่ง เป็นผลิตภัณฑ์สำหรับเคี้ยวที่ผลิตขึ้นจากยางสังเคราะห์ (Gum) ถูกเติมแต่งด้วยสารให้ความหวาน สารเติมแต่งกลิ่นและรสชาติ ซึ่งอาจช่วยบรรเทาความเครียด ปรังปรุงความจำ ลดกลิ่นปาก ป้องกันฟันผุ ช่วยให้ตื่นตัว และอาจช่วยเลิกบุหรี่ได้ อย่างไรก็ตาม ควรเคี้ยวหมากฝรั่งในปริมาณที่พอเหมาะ เพื่อป้องกันปัญกรามที่อาจเกิดขึ้น
[embed-health-tool-bmi]
ประโยชน์ของการเคี้ยว หมากฝรั่ง
หมากฝรั่งหลายชนิดมีส่วนประกอบที่แตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับสูตรและจุดประสงค์การขายของผู้ผลิต โดยส่วนผสมพื้นฐานของหมากฝรั่งที่อาจพบได้บ่อย ได้แก่ ยางสังเคราะห์ สารให้ความแข็งแรงและความคงตัวของหมากฝรั่ง (Resin) สารปรุงแต่งเนื้อสัมผัส (Fillers) สารทำให้อ่อนตัว (Softeners) สารกันบูด สารให้ความหวาน สารเติมแต่งกลิ่นและรสชาติ
การเคี้ยวหมากฝรั่งอาจมีประโยชน์ต่อสุขภาพ ดังนี้
- อาจช่วยปรับปรุงหน่วยความจำ การเคี้ยวหมากฝรั่งอย่างต่อเนื่องอาจช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดไปยังสมองได้มากขึ้น ซึ่งอาจส่งผลดีต่อการช่วยปรับปรุงหน่วยจำของสมอง
- อาจช่วยให้ตื่นตัว ในขณะที่ร่างกายเหนื่อยล้าหรืออ่อนเพลีย การเคี้ยวหมากฝรั่งอาจช่วยกระตุ้นให้ร่างกายรู้สึกสดชื่นขึ้นได้
- อาจช่วยบรรเทาอาการปากแห้ง การเคี้ยวหมากฝรั่งอาจช่วยเพิ่มการผลิตน้ำลาย ซึ่งช่วยให้ช่องปากชุ่มชื้นและบรรเทาอาการปากแห้งได้
- อาจช่วยบรรเทาอาการคลื่นไส้ โดยเฉพาะผู้ที่มีอาการเมารถหรือแพ้ท้อง การเคี้ยวหมากฝรั่งอาจช่วยผลิตน้ำลายในช่องปากให้เพิ่มมากขึ้น ซึ่งอาจมีส่วนช่วยให้ช่องปากมีความชุ่มชื้น และมีรสชาติภายในปากที่ดีขึ้น รวมถึงอาจช่วยบรรเทาอาการแพ้ท้องได้
- อาจช่วยปกป้องฟันและลดกลิ่นปาก การเคี้ยวหมากฝรั่งที่ไม่มีน้ำตาล อาจช่วยขจัดเศษอาหารตามซอกฟัน ซึ่งช่วยป้องกันปัญหาฟันผุได้ นอกจากนี้ หมากฝรั่งยังมีส่วนผสมของไซลิทอล (Xylitol) ที่มีคุณสมบัติช่วยลดการสะสมของแบคทีเรียในช่องปาก ซึ่งอาจช่วยลดกลิ่นปากได้
- อาจช่วยแก้ปัญหาการสูบบุหรี่ ปัจจุบันมีการผลิตหมากฝรั่งนิโคตินขึ้นมาเพื่อช่วยในการเลิกสูบบุหรี่ โดยในหมากฝรั่งจะมีส่วนผสมของนิโคติน ซึ่งเป็นสารที่ทำให้ผู้ที่สูบบุหรี่มีความสุขและคลายความกังวล การเคี้ยวหมากฝรั่งนิโคตินจึงอาจช่วยทดแทนการรับนิโคตินจากบุหรี่ได้ โดยการค่อย ๆ ลดปริมาณลงทีละน้อยเพื่อป้องกันอาการขาดนิโคติน เช่น หงุดหงิด กระวนกระวาย ซึมเศร้า กังวล นอนไม่หลับ
ข้อควรระวังในการบริโภค หมากฝรั่ง
การเคี้ยวหมากฝรั่งมากเกินไปอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพบางประการ ดังนี้
- อาจส่งผลกระทบต่อกรามและขากรรไกร การเคี้ยวหมากฝรั่งมากเกินไปอาจทำให้ข้อต่อกราม กล้ามเนื้อบริเวณปากและฟันขยับอย่างต่อเนื่องมากเกินไป ซึ่งอาจทำให้เกิดความไม่สมดุล ความเครียด และการจัดแนวกรามที่ไม่ถูกต้อง รวมถึงอาจส่งผลให้เกิดปัญหาฟันแตก ปวดหัว ปวดกราม ข้อต่อกรามแตกหรือข้อต่อมีเสียงได้
- ปัญหาฟันผุ หมากฝรั่งบางชนิดอาจมีปริมาณน้ำตาลจำนวนมาก ซึ่งการเคี้ยวหมากฝรั่งอาจทำให้น้ำตาลตกค้างอยู่ในปาก ซึ่งเป็นอาหารของแบคทีเรียภายในช่องปาก ส่งผลให้เกิดคราบพลัค (Plaque) สะสมบริเวณฟันที่สามารถกัดกร่อนผิวฟันจนก่อให้เกิดปัญหาฟันผุได้
วิธีช่วยลดความเสี่ยงที่เกิดจากการเคี้ยวหมากฝรั่ง
วิธีต่อไปนี้อาจช่วยลดความเสี่ยงปัญหาสุขภาพช่องปากที่เกิดจากการเคี้ยวหมากฝรั่งได้
- ควรเคี้ยวหมากฝรั่งไม่เกิน 15 นาที/วัน เพื่อป้องกันการขยับของกราม กล้ามเนื้อ ข้อต่อและขากรรไกรที่มากเกินไป
- สำหรับผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับกราม เช่น กรามมีเสียงเมื่ออ้าปาก ปวดกราม หรือกรามค้าง ควรหลีกเลี่ยงการเคี้ยวหมากฝรั่ง เนื่องจากอาจทำให้ปัญหากรามแย่ลง
- ควรเลือกเคี้ยวหมากฝรั่งที่ปราศจากน้ำตาล เพื่อป้องกันปัญหาฟันผุที่เกิดจากการสะสมของน้ำตาลในช่องปากมากเกินไป
- แปรงฟันเป็นประจำทุกวัน อย่างน้อย 2 ครั้ง/วัน และหลังรับประทานอาหาร และไม่ควรเลือกเคี้ยวหมากฝรั่งเพื่อขจัดเศษอาหารแทนการแปรงฟันหรือใช้ไหมขัดฟัน