นานไป พังผืดเหล่านี้จะกลายเป็นแผลเป็นในตับซึ่งจะคงอยู่ถาวร ไม่สามารถแก้ไขได้ ในระยะแรก การสูญเสียเซลล์ตับไปอาจไม่ส่งผลต่อผู้ป่วยเท่าไหร่นัก ผู้ป่วยจึงไม่แสดงอาการผิดปกติอะไร แต่เมื่อเซลล์ตับถูกทำลายมากขึ้นเรื่อย ๆ แผลเป็นในตับจะเพิ่มมากขึ้น ตัวโรคก็จะเริ่มแสดงอาการ โดยมีอาการเดียวกับโรคตับอักเสบที่กล่าวถึงข้างต้น เพียงแต่จะแตกต่างเล็กน้อยตรงที่โรคตับแข็งจะดำเนินไปอย่างช้า ๆ
ในผู้ป่วยโรคตับแข็งเรื้อรังที่มีอาการหนัก จะมีภาวะหลอดเลือดตับอุดตันร่วมกับอาการท้องมาน (น้ำคั่งในช่องท้อง) สิ่งที่อันตรายที่สุดเกี่ยวกับโรคตับแข็ง ก็คือ โรคตับแข็งนับเป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่นำไปสู่โรคมะเร็งตับนั่นเอง
โรคตับแข็งสามารถเกิดขึ้นได้จากอีกหลายสาเหตุ เช่น จากไวรัส จากโรคทางพันธุกรรม จากการมีระบบเผาผลาญผิดปกติ แต่สาเหตุที่พบมากที่สุด คือ โรคพิษสุราเรื้อรังที่เป็นเกินกว่า 10 ปีขึ้นไป ซึ่งมีอัตราความเสี่ยงเฉลี่ยอยู่ที่ร้อยละ 10 เลยทีเดียว
นอกจากอาการตามที่กล่าวมาข้างต้นแล้ว ก็ยังมีการตรวจที่ช่วยวินิจฉัยโรค เช่น การตรวจเลือดเพื่อหาระดับของเอนไซม์ ALT และ ALP รวมถึงการตรวจจำนวนของอัลบูมิน การตรวจดูภาวะการมีบิลิรูบินมากเกินไป รวมถึงการทำอัลตร้าซาวด์เพื่อดูความเสียหายของตับ ตลอดจนการตัดตัวอย่างเนื้อเยื่อตับมาวิเคราะห์ดูว่า อาการที่ผู้ป่วยเป็นนั้น จัดเป็นโครงสร้างของโรคตับแข็ง หรือเป็นโรคตับอักเสบชนิดทั่วไปกันแน่
การรักษาและการป้องกันโรคเกี่ยวกับตับ
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย