ในบางกรณี อาการจมูกไม่ได้กลิ่นที่เกิดขึ้นก็อาจเป็นโรคทางพันธุกรรม เรียกว่า ภาวะจมูกไม่ได้กลิ่นแต่กำเนิด (Congenital Anosmia)
อันตรายที่มาพร้อมภาวะ จมูกไม่ได้กลิ่น
กลิ่นเป็นปัจจัยหนึ่งที่ช่วยกระตุ้นความอยากอาหารของเราได้ แต่หากคุณสูญเสียการรับกลิ่น ก็อาจทำให้คุณไม่อยากอาหาร จนนำไปสู่การขาดสารอาหาร หรือน้ำหนักลดผิดปกติ หรือบางครั้ง อาจทำให้คุณเผลอกินอาหารหมดอายุหรืออาหารที่เสียแล้วเข้าไป เพราะไม่ได้กลิ่นบูดเน่าที่โชยออกมา จนส่งผลให้ท้องเสีย อาหารเป็นพิษ หรือร้ายแรงกว่านั้นได้
และไม่ใช่แค่เรื่องอาหารเท่านั้น เพราะเมื่อจมูกของคุณ สูญเสียการรับกลิ่น หากมีเหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้น เช่น แก๊สรั่ว ไฟไหม้ คุณก็จะไม่ได้กลิ่นเหล่านั้น และอาจทำให้ได้รับอันตรายร้ายแรง จนถึงแก่ชีวิตได้
อย่างไรก็ดี คุณสามารถป้องกันอุบัติเหตุเหล่านี้ได้ ด้วยวิธีการดังต่อไปนี้
- ก่อนเก็บอาหารเข้าตู้เย็น ควรติดฉลากระบุวัน เวลา ที่ซื้ออาหารเอาไว้ด้วย จะได้รู้ว่าอาหารชนิดนั้นๆ เก็บไว้นานแค่ไหนแล้ว และยังสามารถกินได้หรือไม่
- ให้ผู้เชี่ยวชาญมาตรวจสอบเตาแก๊สและสายส่งแก๊สเป็นประจำ หากชำรุดต้องรีบเปลี่ยนใหม่ทันที
- ติดตั้งเครื่องตรวจจับควันที่เพดานห้อง โดยเฉพาะในห้องนอน และต้องจดวัน และเวลาในการเปลี่ยนแบตเตอรี่ของเครื่องเอาไว้ด้วย จะได้รู้ว่าควรเปลี่ยนแบตเตอรี่ตอนไหน
- ติดตั้งเครื่องฉีดน้ำที่เพดาน เพราะเมื่อเกิดเหตุไฟไหม้ เครื่องจะได้ฉีดน้ำดับไฟอัตโนมัติ
วิธีรักษาที่ทำได้
การรักษาภาวะจมูกไม่ได้กลิ่นนั้นขึ้นอยู่กับสาเหตุที่พบ หากจมูกของคุณไม่ได้กลิ่นเพราะคุณเป็นหวัด หรือเป็นภูมิแพ้ ส่วนใหญ่ไม่จำเป็นต้องรักษา เพราะอาการมักจะหายไปได้เอง แต่หากคุณอยากให้ปัญหาจมูกไม่ได้กลิ่นดีขึ้นเร็วๆ ก็สามารถใช้ยาหดหลอดเลือด (decongestant) เพื่อบรรเทาอาการคัดจมูก ทำให้หายใจสะดวก และจมูกได้กลิ่นดีขึ้นได้ แต่หากอาการไม่ดีขึ้นภายใน 2-3 วัน หรืออาการยิ่งแย่ลง คุณควรปรึกษาคุณหมอทันที เพราะนั่นอาจหมายถึงจมูกติดเชื้อ ต้องรักษาด้วยยาปฏิชีวนะ หรืออาจหมายถึงคุณมีปัญหาสุขภาพอื่นๆ
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย