สาเหตุ
สาเหตุของไข้หวัด
มีไวรัสหลายชนิดที่สามารถทำให้เกิดไข้หวัด แต่ไข้หวัดที่พบส่วนมากจะเกิดจากการติดเชื้อไรโนไวรัส (Rhinoviruses)
ไข้หวัดเป็นโรคติดต่อ โดยไวรัสสามารถเข้าสู่ร่างกายได้ผ่านทางปาก ดวงตา หรือจมูก เชื้อโรคนั้นจะอยู่ในอากาศและแพร่กระจายเมื่อมีคนไอ จาม หรือพูด
นอกจากนี้ ไวรัสยังสามารถแพร่กระจายได้ผ่านทางการสัมผัสผู้ที่เป็นไข้หวัด หรือมีการแบ่งปันสิ่งของเครื่องใช้ที่ปนเปื้อนเชื้อโรค เมื่อสัมผัสที่บริเวณดวงตา จมูก หรือปาก หลังจากสัมผัสกับเชื้อแล้วก็อาจทำให้เป็นไข้หวัดได้
ปัจจัยเสี่ยง
ปัจจัยเสี่ยงของไข้หวัด
ปัจจัยเสี่ยงของไข้หวัดอาจมีสาเหตุ ดังนี้
- อายุ เด็กที่อายุต่ำกว่า 6 ปี จะมีความเสี่ยงในการเกิดไข้หวัดสูงมาก โดยเฉพาะเด็กที่อยู่ในศูนย์ดูแลเด็ก
- ระบบภูมิคุ้มกันร่างกายที่อ่อนแอ การมีระบบภูมิคุ้มกันร่างกายอ่อนแอ เนื่องจากโรคเรื้อรังหรืออาการอื่น ๆ อาจเพิ่มความเสี่ยงได้
- ช่วงเวลาของปี ทั้งเด็กและผู้ใหญ่จะมีโอกาสเป็นไข้หวัดได้มากในช่วงฤดูฝนและฤดูหนาว อย่างไรก็ตาม ไข้หวัดสามารถเป็นได้ทุกเวลา
- สูบบุหรี่ ผู้ที่สูบบุหรี่อาจมีความเสี่ยงที่จะเป็นไข้หวัดขั้นรุนแรงสูงขึ้น
- การสัมผัสกับเชื้อโรค หากต้องอยู่กับคนจำนวนมากก็อาจเพิ่มความเสี่ยงที่จะสัมผัสกับเชื้อไวรัสไข้หวัดมากขึ้น
การวินิจฉัยโรคและการรักษาโรค
ข้อมูลที่นำเสนอไม่สามารถใช้แทนข้อแนะนำทางการแพทย์ได้ โปรดปรึกษาคุณหมอสำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
การวินิจฉัยไข้หวัด
ไข้หวัดส่วนใหญ่อาจวินิจฉัยได้ด้วยสัญญาณและอาการ อย่างไรก็ตาม หากคุณหมอสงสัยว่าอาจติดเชื้อแบคทีเรียหรือมีอาการอื่น ๆ คุณหมออาจแนะนำให้เข้ารับการตรวจสอบวิธีอื่น ๆ เพื่อยืนยันอาการ
การรักษาไข้หวัด
ยังไม่มีวิธีรักษาสำหรับไข้หวัดโดยเฉพาะ การรักษาจะทำเพื่อบรรเทาสัญญาณและอาการของโรค ดังนี้
การบรรเทาอาการปวด
สำหรับไข้ เจ็บคอ และปวดศีรษะ คนส่วนใหญ่จะใช้ยาอะเซตามีโนเฟน เช่น ไทลินอล หรือใช้ยาบรรเทาปวดแบบเบาอื่น ๆ การใช้ยาอะเซตามีโนเฟน ควรใช้ในระยะเวลาที่สั้นที่สุดเท่าที่จะทำได้ และใช้ด้วยความระมัดระวังในเด็กและวัยรุ่น
เด็กและวัยรุ่นที่กำลังฟื้นฟูจากโรคอีสุกอีใส หรืออาการที่เหมือนกับไข้หวัดใหญ่ ไม่ควรใช้ยาแอสไพริน เนื่องจากแอสไพรินมีความเกี่ยวข้องกับกลุ่มอาการเรย์ (Reye’s syndrome) ในเด็ก ซึ่งเป็นโรคหายากแต่อันตรายถึงชีวิต ควรพิจารณาให้เด็กใช้ยาที่หาซื้อได้ตามร้านขายยา ซึ่งเป็นยาสำหรับทารกหรือเด็กโดยเฉพาะ เช่น อะเซตามีโนเฟน ไอบูโพรเฟน
ยาพ่นแก้คัดจมูก
ผู้ใหญ่สามารถใช้ยาหยอด หรือยาพ่นแก้คัดจมูก ได้เป็นเวลาสูงสุด 5 วัน การใช้ยานี้ในระยะยาวสามารถทำให้เกิดการกลับมาเป็นซ้ำที่หนักกว่าเดิมได้ เด็กที่อายุต่ำกว่า 6 ปี ไม่ควรใช้หยอดหรือยาพ่นแก้คัดจมูก
ยาไซรัปแก้ไอ
องค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา และสถาบันกุมารเวชศาสตร์แห่งสหรัฐอเมริกา ได้คัดค้านการใช้ยาแก้ไอแก้หวัดที่หาซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไปกับเด็กที่อายุต่ำกว่า 4 ปี และยังไม่มีหลักฐานที่ดีว่า การเยียวยาด้วยตัวเองแบบนี้จะมีประโยชน์และปลอดภัยสำหรับเด็ก
หากใช้ยาแก้ไอหรือยาแก้หวัดกับเด็กโต ควรทำตามคำแนะนำบนฉลากยาอย่างเคร่งครัด อย่าใช้ยา 2 ชนิดที่มีส่วนประกอบสำคัญเหมือนกันในเวลาเดียวกัน เช่น ยาต้านฮิสตามีน (Antihistamine) ยาแก้คัดจมูก และยาบรรเทาอาการปวด ส่วนประกอบชนิดเดียวที่มากเกินไป อาจทำให้ได้รับยาเกินขนาดได้ โปรดปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ยาใด ๆ
การปรับไลฟ์สไตล์และการดูแลตัวเอง
การปรับไลฟ์สไตล์และการดูแลตัวเองที่ช่วยจัดการกับไข้หวัด
การปรับไลฟ์สไตล์บางประการอาจช่วยให้รับมือกับไข้หวัดได้ ดังนี้
- ล้างมือเป็นประจำ เพื่อหลีกเลี่ยงการแพร่เชื้อของไวรัส
- รับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ มีสารอาหารสูง เช่น ผักและผลไม้ที่มีสีเขียวเข้ม สีแดงหรือสีเหลือง และอย่าลืมรับประทานโปรตีนลีน ไขมันดี และคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อน เพื่อให้ระบบภูมิคุ้มกันอยู่ในสภาพที่ดี
- งดสูบบุหรี่ เพราะบุหรี่จะลดความสามารถของร่างกายในการต่อสู้กับไข้หวัด
- งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ในปริมาณที่มากเกิดไปอาจทำให้มีโอกาสเป็นโรคแทรกซ้อนจากโรคหวัดได้
หากมีข้อสงสัยใด ๆ โปรดปรึกษาคุณหมอเพื่อให้เข้าใจวิธีการรักษาเหมาะสมสำหรับแต่ละบุคคล
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย