น้ำใบเตย คือเครื่องดื่มที่ทำจากใบของไม้พุ่มขนาดเล็กที่เรียกว่า เตย หรือเตยหอม หรือที่มักเรียกว่า ใบเตย ลักษณะเป็นใบเดี่ยวสีเขียว ยาว ปลายเรียว มีกลิ่นหอม น้ำใบเตยนิยมนำมาใช้เป็นส่วนประกอบที่ช่วยเพิ่มกลิ่นและรสชาติในเมนูอาหารและขนมไทยหลายชนิด นอกจากนี้ ในใบเตยและน้ำใบเตยยังใบเตยมีสารอาหารหลายชนิดที่อาจช่วยบำรุงสุขภาพ เช่น ช่วยป้องกันโรคข้ออักเสบ ช่วยลดความเสี่ยงโรคหัวใจ ช่วยควบคุมน้ำตาลในเลือด
[embed-health-tool-bmi]
คุณค่าโภชนาการของใบเตย
ใบเตย 100 กรัม ให้พลังงาน 85 กิโลแคลอรี่ และมีสารอาหาร ดังตัวอย่างต่อไปนี้
- คาร์โบไฮเดรต 17 กรัม
- โปรตีน 1.3 กรัม
- ไขมัน 0.7 กรัม
- ไฟเบอร์ 13% ของปริมาณที่แนะนำต่อวัน
นอกจากนี้ ใบเตยยังอุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่ดีต่อสุขภาพ เช่น วิตามินบี 1 หรือไทอะมีน (Thiamine) วิตามินบี 2 หรือไรโบฟลาวิน (Riboflavin) วิตามินบี 3 หรือไนอะซิน (Niacin) วิตามินซี เบต้าแคโรทีน (Beta-carotene) ที่อาจช่วยชะลอการเสื่อมสภาพของเซลล์ ช่วยต้านการอักเสบ และช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคเรื้อรัง เช่น โรคเบาหวาน โรคมะเร็ง โรคหลอดเลือดหัวใจ
น้ำใบเตย สรรพคุณ มีอะไรบ้าง
ในใบเตยซึ่งเป็นส่วนประกอบหลักของน้ำใบเตยมีสารอาหารและสารพฤกษเคมีหลายชนิดที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ โดยมีงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ที่สนับสนุนประโยชน์ในการป้องกันและรักษาโรคและส่งเสริมสุขภาพของใบเตยหรือน้ำใบเตย ดังนี้
- ลดความเสี่ยงโรคหัวใจ
ใบเตยมีแคโรทีนอยด์ (Carotenoids) ซึ่งเป็นสารสร้างเม็ดสีที่พบได้ในพืช มีส่วนช่วยต้านอนุมูลอิสระ ช่วยซ่อมแซมเนื้อเยื่อที่เสียหายจากอนุมูลอิสระ การติดเชื้อ สารเคมี และควันบุหรี่ที่อาจส่งผลต่อหลอดเลือดหัวใจ เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจได้
งานวิจัยชิ้นหนึ่งที่ตีพิมพ์ในวารสาร Nutrition ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อเดือนพฤษภาคม พ.ศ. 2564 ทำการวิจัยเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างระดับแคโรทีนในเลือดและความแปรผันของอัตราการเต้นของหัวใจ โดยการศึกษาข้อมูลมที่ได้จากงานวิจัยระยะยาวเกี่ยวกับสุขภาพและการมีสุขภาวะที่ดีของประชากรในประเทศสหรัฐอเมริกา ที่ชื่อว่า The Midlife in the United States (MIDUS) Series
โดยมีกลุ่มตัวอย่างวัยผู้ใหญ่ อายุ 34-84 ปี จำนวน 1,074 คน ผลงานวิจัยพบว่า การรับประทานผักผลไม้ทุกวันอาจช่วยเพิ่มสารต้านอนุมูลอิสระในเลือด ซึ่งมีส่วนช่วยปรับปรุงความแปรผันของอัตราการเต้นของหัวใจ ลดความเสี่ยงในการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจได้ อย่างไรก็ตาม ยังต้องทำการศึกษาวิจัยเรื่องนี้เพิ่มเติม เพื่อให้ได้ข้อมูลที่แน่ชัดขึ้น
- ช่วยลดระดับไขมันในเลือด
วิตามินบี 3 หรือไนอะซินในใบเตย มีส่วนช่วยเปลี่ยนสารอาหารเป็นพลังงาน และอาจช่วยซ่อมแซมความเสียหายของ DNA จากการถูกอนุมูลอิสระทำลายได้ งานวิจัยชิ้นหนึ่งของคณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยหนานจิง ประเทศจีน ที่ตีพิมพ์ในวารสาร Medicine® เมื่อเดือนกรกฏาคม พ.ศ. 2564 ทำการศึกษาเกี่ยวกับประสิทธิภาพของอาหารเสริมไนอะซินในผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2
โดยการรวบรวมและทบทวนข้อมูลงานวิจัย 8 ฉบับที่เกี่ยวข้องกับประสิทธิภาพของอาหารเสริมไนอะซินต่อการควบคุมระดับไขมันและน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยโรคเบาหวานชนิดที่ 2 จำนวน 2,110 คน พบว่า ไนอะซินอาจช่วยลดคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี (LDL) และไตรกลีเซอไรด์ ในผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 ได้ แต่อาจไม่ได้ส่งผลต่อการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดจึงอาจต้องมีการศึกษาวิจัยในประเด็นนี้ต่อไป
- อาจช่วยบรรเทาอาการโรคข้ออักเสบและข้ออักเสบรูมาตอยด์
ใบเตยมีสารไฟโตเคมิคอล หรือไฟโตนิวเทรียนท์ ซึ่งเป็นสารประกอบตามธรรมชาติในพืช เช่น แคโรทีนอยด์ ซึ่งร่างกายมนุษย์สร้างเองไม่ได้ ต้องได้รับจากการบริโภคพืชเท่านั้น สารเหล่านี้มีฤทธิ์เป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ทั้งยังอาจช่วยป้องกันภาวะข้ออักเสบ จากโรคข้ออักเสบ และโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ได้
งานวิจัยชิ้นหนึ่งที่ตีพิมพ์ในวารสาร 3 Biotech เมื่อเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2560 ทำการวิจัยเกี่ยวกับประสิทธิภาพในการใช้สารไฟโตเคมิคอลเป็นยาต้านพิษนิวเคลียร์แฟคเตอร์แคปป้าบี (Nuclear Factor Kappa B หรือ NF-κB) ในผู้ป่วยโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ โดยนิวเคลียร์แฟคเตอร์แคปป้าบีเป็นโปรตีนที่เกี่ยวข้องกับการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ระบบประสาท รวมถึงการอักเสบในร่างกาย
ผลการศึกษาพบว่าโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์เกิดจากภูมิคุ้มกันในร่างกายทำลายตัวเอง ส่งผลให้ NF-κB ทำงานผิดปกติ จนเกิดการอักเสบบริเวณกระดูก และอาจมีอาการปวดข้อต่ออย่างรุนแรง โรคนี้พบมากในคนวัย 40-70 ปี และการรักษาด้วยยาที่นิยมใช้กันอาจส่งผลให้เกิดอาการข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์หรือทำให้อาการของโรคแย่ลงได้
แต่การใช้สารไฟโตเคมีคัลในการรักษา อาจช่วยยับยั้งการทำงานของ NF-κB และช่วยต้านการอักเสบได้อย่างมีประสิทธิภาพ ทั้งยังอาจช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียงจากการรักษา จึงอาจช่วยให้ผู้ป่วยใช้ชีวิตได้สะดวกและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้
- รักษาบาดแผลบนผิวหนัง
ใบเตยมีกรดแทนนิก (Tannic acid) ซึ่งเป็นสารในกลุ่มโพลีฟีนอลที่มีส่วนช่วยรักษาอาการผิดปกติทางผิวหนัง เช่น ผิวหนังไหม้ บาดแผลที่ผิวหนัง งานวิจัยชิ้นหนึ่งที่ตีพิมพ์ในวารสาร ACS Applied Materials & Interfaces เมื่อเดือนตุลาคม พ.ศ. 2559 ทำการวิจัยเกี่ยวกับประสิทธิภาพในการรักษาแผลของไฮโดรเจลที่มีกรดแทนนิกเป็นส่วนประกอบ พบว่า กรดไฮโดรเจลที่มีสารสกัดจากกรดแทนนิกเป็นส่วนประกอบ อาจช่วยต้านการอักเสบ ต้านแบคทีเรีย และช่วยให้บาดแผลสมานได้ไวขึ้น
ข้อควรระวังในการบริโภคน้ำใบเตย
น้ำใบเตย อาจมีฤทธิ์เป็นยาระบายอ่อน ๆ และส่งผลให้เกิดอาการท้องร่วงได้หากรับประทานในปริมาณมาก และถึงแม้ใบเตยจะมีสารประกอบมากมายที่ส่งผลดีต่อสุขภาพ แต่หากนำมาประกอบอาหาร ขนมหวาน หรือเครื่องดื่ม แล้วเติมเครื่องปรุงรส เช่น น้ำตาล น้ำปลา ก็อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพได้หากรับประทานมากเกินไป เช่น อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดภาวะน้ำตาลในเลือดสูงจนนำไปสู่โรคเบาหวาน หรือโซเดียมอาจทำให้ไตทำงานหนักจนไตเสื่อม มีอาการบวมน้ำ ความดันโลหิตสูงขึ้น เป็นต้น
วิธีทำน้ำใบเตยง่าย ๆ
ส่วนผสม
- ใบเตย 2-3 ใบ
- น้ำสะอาด
- เกลือและน้ำตาลเล็กน้อย
วิธีทำ
- ล้างใบเตยให้สะอาด แล้วหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ
- ต้มน้ำให้เดือด ใส่ใบเตยลงไป ต้มประมาณ 5 นาที
- เติมเกลือหรือน้ำตาลเล็กน้อยเพื่อเพิ่มรสชาติ หรือหากอยากให้ดีต่อสุขภาพมากขึ้น สามารถใช้สารให้ความหวานแทนน้ำตาล หรืองดปรุงรสน้ำใบเตย
- คนให้เข้ากัน ปิดเตา รอให้น้ำใบเตยเย็น แล้วเทใส่ภาชนะแช่เย็น หรือเทใส่แก้วดื่มได้ทันที