backup og meta

การตรวจไวรัสตับอักเสบบี อีกวิธีลดความเสี่ยงมะเร็งตับ พร้อมค่าตรวจเริ่มต้นที่คุณควรรู้

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย ทีม Hello คุณหมอ


เขียนโดย ชลธิชา จันทร์วิบูลย์ · แก้ไขล่าสุด 01/05/2021

    การตรวจไวรัสตับอักเสบบี อีกวิธีลดความเสี่ยงมะเร็งตับ พร้อมค่าตรวจเริ่มต้นที่คุณควรรู้

    ไวรัสตับอักเสบบี (Hepatitis B หรือ HVB) เป็นการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีที่ตับ ซึ่งถือว่ามีความร้ายแรง สำหรับบางคนอาจเกิดการติดเชื้อเรื้อรัง ซึ่งกินเวลานานกว่าหกเดือน สำหรับผู้ที่ติดเชื้อ ไวรัสตับอักเสบบี แบบเรื้อรัง อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดอาการตับวาย ตับแข็ง และ มะเร็งตับ ได้ การป้องกัน ไวรัสตับอับเสบบี สามารถทำได้ด้วยการฉีดวัคซีน แต่หากติดเชื้อแล้วจะไม่สามารถรักษาได้ ต้องรักษาตามอาการ และใช้ชีวิตอย่างระวัดระวัง เพื่อป้องกันไม่ให้แพร่กระจายเชื้อไปยังผู้อื่น ซึ่ง การตรวจ ไวรัสตับอักเสบบี เป็นวิธีที่ช่วยป้องกันไม้ให้ติดเชื้อนาน ติดเรื้อรัง จนพัฒนากลายไปเป็น มะเร็งตับ ได้ วันนี้ Hello คุณหมอ มีข้อมูล การตรวจไวรัสตับอักเสบบี มาให้ได้อ่านกันค่ะ

    ไวรัสตับอักเสบบี เพิ่มความเสี่ยง มะเร็งตับ ได้อย่างไร

    มะเร็งตับ เป็นโรคมะเร็งที่พบมากเป็นอันดับหกของโลก แต่อัตราการเสียชีวิตจาก มะเร็งตับ พบได้บ่อยเป็นอันดับสอง และเมื่อเอ่ยถึงมะเร็งตับ หลายคนอาจจะคิดว่ามีสาเหตุหลักมาจากการดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์ เพียงอย่างเดียว แต่จริง ๆ แล้ว ปัจจัยเสี่ยงในการเกิดมะเร็งตับยังมีปัจจัยอื่นอีก เช่น การเป็นโรคเบาหวาน การได้รับยาบางชนิด รวมถึง การเป็นโรคไวรัสตับอักเสบบีเรื้อรัง ด้วย ไวรัสบางชนิดเมื่อรวมกับ ไวรัสตับอักเสบบี สามารถเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการตับอักเสบ ได้ และเมื่อตับอักเสบ ไวรัสจะโจมตีตับ จนทำให้ความสามารถในการทำงานของตับลดลง เช่น การกรองสารพิษออกจากเลือดและการรักษาระดับน้ำตาลในเลือด

    อาการของ ไวรัสตับอักเสบบี

    สัญญาณและอาการของโรค ไวรัสตับอักเสบบี มีตั้งแต่ระดับที่ไม่รุนแรง ไปจนถึงขั้นรุนแรง อาการของโรคมักจะแสดงออกมาหลังจากติดเชื้อได้ประมาณ 1-4 เดือน สำหรับบางคนอาจจะแสดงอาการเร็ว โดยจะแสดงอาการหลังจากติดเชื้อได้ 2 สัปดาห์ แต่บางคน โดยเฉพาะเด็กเล็ก มักจะไม่มีอาการใด ๆ เลย  สัญญาณและอาการของ ไวรัสตับอักเสบบี มีดังนี้

  • อาการปวดท้อง
  • ปัสสาวะมีสีเข้ม
  • มีไข้
  • ปวดข้อ
  • ไม่รู้สึกกระหายน้ำ
  • คลื่นไส้ อาเจียน
  • รู้สึกอ่อนเพลียและเหนื่อยล้า
  • ผิวเหลืองและตาขาว หรือเป็นดีซ่าน
  • วิธีการตรวจ ไวรัสตับอักเสบบี

    สำหรับผู้ที่มีสัญญาณและอาการของโรค ไวรัสตับอักเสบบี เช่น ผิวเหลืองหรือปวดท้อง แพทย์อาจตรวจหาเชื้อ ไวรัสตับอักเสบบี หรือภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ เพิ่มเติม โดยอาศัยการตรวจทางการแพทย์ดังต่อไปนี้

    การตรวจเลือด การตรวจเลือดเป็นวิธีการตรวจหาเชื้อ ไวรัสตับอักเสบบี โดยแพทย์จะนำเลือดไปตรวจ เพื่อดูว่าเป็นไวรัสตับอักเสบบีแบบเฉียบพลันหรือว่าเรื้อรัง นอกจากนี้ การตรวจเลือดยังสามารถระบุได้อีกด้วยว่า ร่างกายมีระบบภูมิคุ้มกันต่อภาวะนี้หรือไม่

    อัลตราซาวด์ตับ การอัลตราซาวด์ตับ หรือที่เรียกว่า อีลาสโตกราฟี (Elastography) เป็นเทคโนโลยีการตรวจเพื่อหาภาวะพังผืดในตับ หรือเพื่อดูความเสียหายของตับ เป็นวิธีการตรวจที่ง่าย ไม่เจ็บตัว ที่สำคัญไม่จำเป็นต้องทำการเจาะตับด้วย

    การเจาะชิ้นเนื้อตับเพื่อทำการตรวจ เป็นกระบวนการที่แพทย์จะนำตัวอย่างตับปริมาณเล็กน้อยไปทดสอบ หรือนำชิ้นเนื้อตับไปตรวจ เพื่อหาความเสียหายของตับ

    ราคาตรวจไวรัสตับอักเสบบี ราคาเท่าไร

    การตรวจไวรัสตับอักเสบบี เป็นการตรวจเพื่อหาเชื้อไวรัสตับอักเสบบีในร่างกาย นอกจากนี้ยังสามารถบอกได้ด้วยว่าไวรัสตับอักเสบบีที่อยู่ในร่างกายเป็นแบบเฉียบพลันหรือว่าเรื้อรัง การตรวจไวรัสตับอักเสบบี มีส่วนช่วยป้องกัน มะเร็งตับ และช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดโรคตับอื่น ๆ ด้วย ซึ่งราคาในการตรวจไวรัสตับอักเสบบีจะแตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับโรงพยาบาลแต่ละแห่ง บางที่อาจเป็นราคาเหมาจ่ายที่ทำการตรวจสุขภาพตับทั้งหมด ซึ่งราคาในการตรวจไวรัสตับอักเสบบีเริ่มต้นที่ 850-3000 บาท

    หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย

    ทีม Hello คุณหมอ


    เขียนโดย ชลธิชา จันทร์วิบูลย์ · แก้ไขล่าสุด 01/05/2021

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา