backup og meta

ฟันปลอม กับเรื่องที่คุณควรใส่ใจ และวิธีการดูแลอย่างถูกวิธี

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย ทีม Hello คุณหมอ


เขียนโดย Sopista Kongchon · แก้ไขล่าสุด 08/05/2020

    ฟันปลอม กับเรื่องที่คุณควรใส่ใจ และวิธีการดูแลอย่างถูกวิธี

    ฟันปลอม เป็นอุปกรณ์ที่ช่วยแก้ปัญหาการพูดและการกินอาหาร แถมยังช่วยเพิ่มความมั่นใจเวลาที่คุณยิ้มอีกด้วย สำหรับผู้ที่เพิ่งใส่ฟันปลอมครั้งแรก วันนี้ Hello คุณหมอ มีคำแนะนำในการดูแลฟันปลอมมาฝากกันค่ะ

    ฟันปลอม คืออะไร

    ฟันปลอม คือ ฟันเทียมที่สามารถถอดออกได้ ทำมาจากวัสดุที่เป็นพลาสติกอะคริลิค ไนลอน หรือเหล็ก มีขนาดพอดีกับเหงือกเพื่อแทนที่บริเวณที่ไม่มีฟัน และช่วยลดปัญหาที่จะเกิดขึ้น เช่น ปัญหาการกินและการพูด ปัญหาฟันซี่ที่อยู่ด้านข้างของฟันที่ถอนออกจะเอียงล้มไปทางช่องว่าง จนอาจส่งผลให้ฟันล้มได้ นอกจากนี้ สำหรับผู้ที่ต้องถอดฟันทุกซี่ก็จำเป็นต้องแทนที่ด้วยการใส่ฟันปลอม โดยฟันปลอมมีอยู่ด้วยกัน 2 ประเภท ได้แก่

    • ฟันปลอมทั้งปาก (Complete dentures) สำหรับแทนที่ฟันบนและฟันล่าง
    • ฟันปลอมบางส่วน (Partial dentures) สำหรับแทนที่ฟันบางซี่ที่หายไป

    ฟันปลอมจะช่วยป้องกันปัญหาในการกินอาหารและการพูด นอกจากนี้ การใส่ฟันปลอมยังช่วยทำให้คุณมั่นใจเวลายิ้ม ซึ่งเพิ่มความมั่นใจยิ่งขึ้น

    วิธีการดูแลฟันปลอมอย่างถูกวิธี

    ทำความสะอาดฟันปลอมด้วยน้ำเปล่าหลังรับประทานอาหาร

    หลังรับประทานอาหารควรทำความสะอาดฟันปลอมด้วยน้ำเปล่า เพื่อกำจัดเศษอาหาร นอกจากนี้ คุณอาจนำผ้าเช็ดตัวมาวางบริเวณอ่างล้างมือ หรือเปิดน้ำใส่ในอ่างล้างมือให้เต็ม และจึงค่อยล้างฟันปลอมด้วยน้ำเปล่า เพื่อป้องกันการแตกหักของฟันปลอมในกรณีที่คุณทำหล่นขณะทำความสะอาด

    ถือฟันปลอมอย่างระมัดระวัง

    ขณะที่ทำความสะอาด ไม่ควรงอฟันปลอม หรือสร้างความเสียหายให้พลาสติกหรือตะขอเหล็กของฟันปลอม

    ทำความสะอาดช่องปากหลังจากถอดฟันปลอม

    หลังจากถอดฟันปลอมออก ควรทำความสะอาดช่องปากด้วยแปรงสีฟันที่มีขนแปรงนุ่ม และต้องไม่ลืมทำความสะอาดลิ้น กระพุ้งแก้ม และเพดานปาก นอกจากนี้ในกรณีที่คุณใช้กาวติดฟันปลอม ควรทำความสะอาดกาวติดฟันปลอมที่เหลืออยู่บนเหงือกให้หมด

    ใช้แปรงทำความสะอาด ฟันปลอม

    ฟันปลอมต้องการการทำความสะอาดในทุก ๆ วันเหมือนกับฟันแท้ของคุณ เพื่อขจัดเศษอาหารและคราบจุลินทรีย์ การใช้แปรงสีฟันทำความสะอาดฟันปลอมจะช่วยป้องกันการเกิดคราบถาวร โดยคุณควรใช้แปรงสีฟันที่มีขนแปรงนุ่ม และหลีกเลี่ยงแปรงสีฟันที่มีขนแปรงแข็งเพราะอาจทำให้ฟันปลอมเสียหาย และข้อควรระวังก็คือ ไม่ควรใช้น้ำยาทำความสะอาด หรือยาสีฟันทำความสะอาดฟันปลอมภายในช่องปากของคุณ

    ใช้น้ำยาทำความสะอาด ฟันปลอม

    สบู่ล้างมือหรือน้ำยาล้างจานสูตรอ่อนโยน สามารถใช้เพื่อทำความสะอาดฟันปลอมได้ ส่วนน้ำยาทำความสะอาดภายในบ้าน หรือยาสีฟันหลายๆ ยี่ห้ออาจกัดกร่อนผิวฟันปลอมมากเกินไป จึงไม่ควรใช้เพื่อทำความสะอาดฟันปลอม นอกจากนี้ คุณควรหลีกเลี่ยงการใช้สารฟอกขาว เนื่องจากจะทำให้ส่วนที่เป็นสีชมพูของฟันปลอมกลายเป็นสีขาวได้

    แช่ฟันปลอมไว้ทั้งคืน

    ฟันปลอมส่วนใหญ่ต้องการความชุ่มชื้นเพื่อรักษารูปร่างของฟันปลอม ดังนั้นจึงควรแช่ฟันปลอมในน้ำ หรือสารละลายสำหรับแช่ฟันปลอมตลอดทั้งคืน นอกจากนี้ ควรปรึกษาทันตแพทย์เพิ่มเติม เนื่องจากทันตแพทย์จะแนะนำวิธีที่เหมาะสมในการดูแลฟันปลอมของคุณ

    ก่อนใส่ฟันปลอม ควรล้างทำความสะอาด

    ควรล้างฟันปลอมด้วยน้ำสะอาดก่อนใส่ฟันปลอม โดยเฉพาะหลังจากที่แช่ฟันปลอมในสารละลาย เนื่องจากสารเคมีที่แช่ฟันปลอมอาจทำให้อาเจียน เกิดความเจ็บปวด หรือมีอาการแสบเวลากลืนอาหาร

    จัดเวลาไปพบทันตแพทย์

    ควรไปพบทันตแพทย์ทันทีหากรู้สึกว่าฟันปลอมเริ่มหลวม เนื่องจากอาจเป็นเหตุให้เกิดการระคายเคืองและเกิดการติดเชื้อได้ นอกจากนี้ คุณควรไปพบทันตแพทย์เป็นประจำทุก ๆ 6 เดือนด้วย

    สิ่งที่ควรหลีกเลี่ยงเมื่อคุณใช้ฟันปลอม

    เพื่อป้องกันฟันปลอมเสียหาย คุณควรหลีกเลี่ยงสิ่งต่างๆ เหล่านี้

    • ยาสีฟันที่ทำให้ฟันขาว (Whitening toothpastes) หรือยาสีฟันประเภทไวท์เทนนิง เพราะยาสีฟันประเภทนี้จะมีเปอร์ออกไซด์ ซึ่งอาจส่งผลทำให้ฟันปลอมเปลี่ยนสี
    • ไม่ใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารฟอกขาว การใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสารฟอกขาวสามารถทำให้ฟันปลอมเปลี่ยนสีได้
    • ไม่ใช้สารละลายที่มีคลอรีน ไม่ควรแช่ฟันปลอมในสารละลายที่มีคลอรีน เพราะสามารถกัดกร่อนเหล็กและทำให้ฟันปลอมเปรอะเปื้อน
    • น้ำร้อน ควรหลีกเลี่ยงน้ำร้อนเพราะจะทำให้ฟันปลอมบิดงอจนเสียรูป
    • ไม่ควรปรับขนาดหรือซ่อมฟันปลอมด้วยตนเอง หากฟันปลอมไม่พอดีกับช่องปาก คุณไม่ควรปรับขนาดฟันปลอมด้วยตนเอง และไม่ควรงอตะขอหรือเหล็กของฟันปลอมเองด้วย เนื่องจากอาจทำให้โครงสร้างเสียหาย รวมถึงการซื้อกาวมาซ่อมแซมฟันปลอมอาจมีสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อร่างกาย หากฟันปลอมของคุณมีขนาดไม่พอดีกับเหงือกและฟัน หรือเสียหาย คุณควรปรึกษาทันตแพทย์

    ฟันปลอมมีอายุกี่ปี

    เมื่อเวลาผ่านไปคุณจำเป็นต้องเปลี่ยนฟันปลอม เพราะฟันปลอมอาจเกิดการสึกหรอตามปกติ และใบหน้า กระดูกกราม และเหงือกของคุณอาจเปลี่ยนแปลงตามวัย รวมถึงกรณีที่ฟันปลอมเริ่มหลวมก็อาจต้องเปลี่ยนฟันปลอมเช่นกัน ซึ่งโดยปกติฟันปลอมจะมีอายุ 5-7 ปี แต่ก็ขึ้นอยู่กับการใช้งานและการดูแลรักษาด้วย

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย

    ทีม Hello คุณหมอ


    เขียนโดย Sopista Kongchon · แก้ไขล่าสุด 08/05/2020

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา