มะเร็งโคนลิ้น เป็นมะเร็งปากหรือมะเร็งในช่องปากชนิดหนึ่ง มักเกิดจากสเควมัสเซลล์ (Squamous Cell) ที่อยู่บนผิวลิ้น และอาจทำให้เกิดแผลหรือเนื้องอกที่ลิ้นของคุณได้
ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย ทีม Hello คุณหมอ
มะเร็งโคนลิ้น เป็นมะเร็งปากหรือมะเร็งในช่องปากชนิดหนึ่ง มักเกิดจากสเควมัสเซลล์ (Squamous Cell) ที่อยู่บนผิวลิ้น และอาจทำให้เกิดแผลหรือเนื้องอกที่ลิ้นของคุณได้
โรคมะเร็งโคนลิ้น เป็นมะเร็งปากหรือมะเร็งในช่องปากชนิดหนึ่ง มักเกิดจากสเควมัสเซลล์ (Squamous Cell) ที่อยู่บนผิวลิ้น และอาจทำให้เกิดแผลหรือเนื้องอกที่ลิ้นของคุณ สัญญาณที่เห็นได้ชัดเจนที่สุดของมะเร็งโคนลิ้น คือ อาการเจ็บลิ้นที่ไม่หาย
หากมะเร็งโคนลิ้นเกิดบริเวณด้านหน้าของลิ้นจะเรียกว่า “มะเร็งลิ้นในช่องปาก” แต่หากเกิดที่โคนลิ้นใกล้กับที่ติดกับปากล่างจะเรียกว่า “มะเร็งช่องปาก” มะเร็งผิวหนังชนิดสเควมัสเซลล์ (Squamous Cell Carcinoma) เป็นมะเร็งโคนลิ้นชนิดที่พบบ่อยที่สุด มะเร็งชนิดนี้มักเกิดในบริเวณต่อไปนี้
เนื้องอกที่เกิดขึ้นจาก โรคมะเร็งโคนลิ้น สามารถพัฒนาได้ในต่อมที่ผลิตน้ำลาย ต่อมทอนซิลที่ด้านหลังของปาก และส่วนของลำคอที่เชื่อมต่อปากของคุณกับหลอดลม (คอหอย)
โรคมะเร็งโคนลิ้น เป็นมะเร็งที่พบได้น้อยกว่าชนิดอื่น ๆ และพบได้น้อยในเด็ก นอกจากนั้น โรคมะเร็งโคนลิ้นจะพบได้บ่อยในผู้ชายที่มีอายุมากกว่าในผู้หญิง และมักพบได้บ่อยในผู้ที่มีอายุมากกว่า 55 ปี
อาการของ โรคมะเร็งโคนลิ้น ในระยะแรก มักจะสังเกตได้ค่อนข้างยาก อาการเริ่มต้นที่พบได้บ่อยที่สุดของมะเร็งโคนลิ้น คือ อาการเจ็บที่ลิ้นไม่หาย และเลือดออกง่าย นอกจากนั้น คุณอาจสังเกตเห็นอาการปวดปากหรือลิ้นร่วมด้วย ส่วนอาการอื่น ๆ ของ โรคมะเร็งโคนลิ้น ได้แก่
หากคุณมีอาการเจ็บที่ลิ้นหรือในปากแล้วอาการไม่ดีขึ้นภายใน 2-3 สัปดาห์ คุณควรไปพบคุณหมอ หากปัญหาอยู่ที่โคนลิ้น คุณอาจสังเกตอาการได้ยาก แต่ทันตแพทย์หรือแพทย์ประจำตัวของคุณอาจพบความผิดปกติหรือสัญญาณของ โรคมะเร็งโคนลิ้น ในระหว่างการตรวจสุขภาพทั่วไป หรือการตรวจสุขภาพฟันประจำปีได้
ผู้เชี่ยวชาญยังไม่ทราบสาเหตุที่แท้จริงว่า ทำไมบางคนถึงได้เป็น โรคมะเร็งโคนลิ้น แต่อย่างไรก็ตามปัจจัยเสี่ยงที่เฉพาะเจาะจง สามารถเพิ่มโอกาสเสี่ยงในการเกิดโรคนี่ได้
สำหรับปัจจัยเสี่ยงที่จะทำให้เกิด โรคมะเร็งโคนลิ้น ได้แก่
การมีปัจจัยเสี่ยง หมายความว่า ความเสี่ยงในการเป็น โรคมะเร็งโคนลิ้น ของคุณจะเพิ่มขึ้น แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะต้องเป็นมะเร็งเสมอไป
โรคมะเร็งโคนลิ้น และการรักษาอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อน ซึ่งส่งผลต่อลักษณะปากของคุณ ทำให้เกิดปัญหาในการพูด และกลืนอาหารลำบากขึ้น ซึ่งอาการกลืนอาหารลำบาก อาจเป็นปัญหาร้ายแรง หากอาหารชิ้นเล็ก ๆ เข้าไปในทางเดินหายใจของคุณ เมื่อคุณพยายามกลืนอาหาร แล้วอาหารเข้าไปติดอยู่ในปอดของคุณ อาจทำให้เกิดการติดเชื้อที่หน้าอก หรือที่เรียกว่า “ปอดบวมจากการสำลัก”
ข้อมูลในที่นี้ไม่มีเจตนาให้ใช้ทดแทนคำแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษาแพทย์ทุกครั้งเพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
ในการวินิจฉัย โรคมะเร็งโคนลิ้น คุณหมอของคุณจะซักประวัติทางการแพทย์ก่อน คุณหมอจะถามคุณเกี่ยวกับครอบครัว หรือประวัติส่วนตัวว่าเคยเป็นมะเร็งหรือไม่ หากคุณสูบบุหรี่หรือดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ คุณดื่มในปริมาณเท่าใด คุณเคยตรวจพบเชื้อไวรัส HVP หรือไม่
จากนั้น คุณหมอจะทำการตรวจร่างกายในช่องปากของคุณ เพื่อหาสัญญาณของมะเร็ง เช่น แผลที่ไม่ได้รับการเยียวยา คุณหมอจะตรวจดูต่อมน้ำเหลืองในบริเวณใกล้เคียง เพื่อตรวจหาอาการบวม
หากคุณหมอพบสัญญาณของ โรคมะเร็งที่โคนลิ้น คุณหมอจะตรวจชิ้นเนื้อบริเวณที่สงสัยว่าเป็นมะเร็ง การตรวจชิ้นเนื้อฟันเป็นประเภทของการตรวจชิ้นเนื้อที่ใช้บ่อยที่สุด ในการตรวจชิ้นเนื้อเพื่อวินิจฉัยโรคมะเร็งที่โคนลิ้น
คุณหมออาจทำการตรวจชิ้นเนื้อแบบใหม่ที่เรียกว่า “การตรวจชิ้นเนื้อด้วยแปรงแทนการตัดชิ้นเนื้อ” ในการตรวจชิ้นเนื้อประเภทนี้ คุณหมอจะใช้แปรงเล็ก ๆ แปรงบริเวณที่สงสัยว่าเป็นมะเร็ง สิ่งนี้ทำให้เลือดออกเล็กน้อย จากนั้นคุณหมอก็จะรวบรวมเซลล์ไปทดสอบ
เซลล์จากการตรวจชิ้นเนื้อทั้ง 2 ประเภท จะถูกส่งไปยังห้องปฏิบัติการ เพื่อทำการวิเคราะห์ หากคุณเป็น โรคมะเร็งที่โคนลิ้น คุณหมออาจทำการ CT Scan หรือ MRI เพื่อดูว่ามันอยู่ลึกแค่ไหน และแพร่กระจายไปไกลแค่ไหนแล้ว
การรักษา โรคมะเร็งโคนลิ้น จะขึ้นอยู่กับว่า เนื้องอกของคุณอยู่บริเวณไหนและมีขนาดใหญ่แค่ไหน การผ่าตัดมักเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการเอาเนื้องอกส่วนที่มองเห็นได้ออกจากลิ้นของคุณ คุณหมออาจเอาเนื้อเยื่อที่มีสุขภาพดีและต่อมน้ำเหลืองในบริเวณใกล้เคียงออกไปด้วย เพื่อให้แน่ใจว่า มะเร็งทั้งหมดจะหาย
หากมะเร็งอยู่ที่หลังลิ้น คุณอาจได้รับการรักษาด้วยรังสี เช่น รังสีเอกซเรย์ และรังสีอื่น ๆ บางครั้งการรักษาที่ดีที่สุด คือ การใช้เคมีบำบัดร่วมกับยาต้านมะเร็งและการฉายรังสี คุณอาจต้องได้รับการบำบัดในภายหลัง เพื่อช่วยให้คุณเคี้ยว ขยับลิ้น กลืน และพูดได้ดีขึ้น นอกจากนั้น คุณต้องตรวจสุขภาพเป็นประจำ เพื่อให้แน่ใจว่ามะเร็งจะไม่กลับมา
คุณสามารถลดความเสี่ยงในการเป็น โรคมะเร็งโคนลิ้น ได้โดยการหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่อาจทำไปสู่ โรคมะเร็งโคนลิ้น และด้วยการดูแลช่องปากของคุณ เพื่อลดความเสี่ยงของคุณ ดังนี้
หมายเหตุ
Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด
ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย
ทีม Hello คุณหมอ
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย