นอกจากอุปนิสัย และการใช้ชีวิตประจำวันของลูกรัก ที่คุณพ่อคุณแม่ทราบดีแล้ว การรู้จักสังเกตพัฒนาการของลูกก็ย่อมเป็นสิ่งสำคัญเช่นกันที่ผู้ปกครองทุกคนควรมีการจดบันทึกถึงการเจริญเติบโตเด็ก ๆ เอาไว้ร่วมด้วย โดยเฉพาะ พัฒนาการเด็กวัยก่อนเข้าเรียน เพื่อดูแลลูกน้อยให้สามารถเริ่มใช้ชีวิตอีกขั้นในสังคมแห่งการเรียนรู้ภายนอกได้อย่างเหมาะสม
[embed-health-tool-vaccination-tool]
การเปลี่ยนแปลง พัฒนาการเด็กวัยก่อนเข้าเรียน
ในช่วงอายุของเด็กวัยก่อนเข้าเรียน (3-5 ปี) มักมีพัฒนาการเปลี่ยนแปลงหลายด้านตามการเจริญเติบโต ไม่ว่าจะเป็นพัฒนาการทางด้านสังคม พัฒนาการด้านการเคลื่อนไหว ทักษะการเรียนรู้ พัฒนาการด้านภาษา และการสื่อสาร ที่คุณจะสังเกตได้ถึงพฤติกรรมของเด็ก ๆ ที่มีความคิดเป็นของตัวเองมากขึ้น อยากรู้อยากเห็นสิ่งใหม่ ๆ มีการเคลื่อนไหวที่กระฉับกระเฉงเนื่องจากกระดูกเริ่มมีความแข็งแรง และยืดหยุ่น รวมไปถึงอยากเข้าสังคมมีปฏิสัมพันธ์ผูกมิตรกับเพื่อนใหม่เมื่อพบเจอ
โดยพัฒนาการข้างต้นที่กล่าวมานั้น ยังขึ้นอยู่กับการดูแลของผู้ปกครอง และสภาวะแวดล้อมรอบข้างร่วมด้วยว่าอยากให้เด็ก ๆ มีพัฒนาการไปในเชิงบวก หรือเชิงลบ เพราะบางคนอาจนำไปสู่การพัฒนาด้านพฤติกรรมที่ไม่ดี เช่น การคิดคำโกหก อารมณ์ฉุนเฉียว เป็นต้น
เคล็ดลับการเลี้ยงดูเด็กวัยก่อนเข้าเรียน
เพื่อให้ลูกรักที่อยู่ในช่วงวัยก่อนเข้าเรียนมีพัฒนาการที่ดีตามเกณฑ์อายุ คุณพ่อคุณแม่สามารถนำเคล็ดลับการดูแลเด็ก ๆ ง่าย ๆ ดังต่อไปนี้ ไปใช้ร่วมกับเทคนิคการดูแลที่คุณใช้อยู่ด้วยได้
- จัดตารางอาหารที่ต่อสุขภาพให้แก่ลูกรัก เพื่อให้รับสารอาหารที่ครบถ้วน
- ให้เด็ก ๆ พักผ่อนให้เพียงพอ โดยช่วงอายุเด็กวัยก่อนเข้าเรียนควรนอนหลับ 11-13 ชั่วโมงต่อวัน
- จำกัดเวลาให้เด็ก ๆ อยู่กับหน้าจอโทรศัพท์ แท็ปเล็ต คอมพิวเตอร์ โทรทัศน์ ให้น้อยกว่า 1-2 ชั่วโมงต่อวัน
- พูดคุยกับเด็ก ๆ ถึงเรื่องราวทั่วไป เพื่อให้เด็กเรียนรู้ภาษา แนวคิด และความรู้ใหม่ ๆ
- ฝึกทักษะต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน เช่น การฝึกเข้าห้องน้ำ การแต่งตัว เป็นต้น เพื่อนำไปใช้เมื่อลูกเข้าสู่การใช้ชีวิตในโรงเรียน
คำแนะนำเพิ่มเติมกระตุ้น พัฒนาการเด็กวัยก่อนเข้าเรียน
สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ควรทำมากที่สุดคือการมอบความรักให้แก่ลูกรักอย่างอบอุ่น พร้อมสังเกต หรือจดบันทึกเอาไว้ถึงพัฒนาการลูกรักอยู่ข้าง ๆ เสมอ โดยไม่บังคับความคิดพวกเขาจนเกินไป ที่สำคัญเมื่อเกิดเหตุการณ์ทะเลาะมีปากเสียงเกิดขึ้น คุณอาจต้องใช้ความใจเย็นเข้าช่วย เนื่องจากเด็ก ๆ ยังมีการควบคุมอารมณ์ตนเองได้ไม่คงที่ และค่อย ๆ ใช้เหตุผลเข้าพูดคุย
เด็กบางคนมีพัฒนาการ และพฤติกรรมที่แตกต่างกัน หากคุณต้องการคำแนะนำเพิ่มเติมที่ตรงกับช่วงอายุ และอุปนิสัยของลูกรักมากขึ้น อาจต้องเข้าปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านกุมารเวชศาสตร์ พร้อมบอกรายละเอียดถึงปัญหาที่เกิดขึ้น เพื่อให้คุณหมอสามารถแนะนำหนทางแก้ไขได้อย่างตรงจุด