การเติบโตและพัฒนาการ

ในช่วงวัยเตาะแตะ ลูกของคุณจะมีส่วนสูงและน้ำหนักที่เพิ่มขึ้น ทั้งยังมีความอยากรู้อยากเห็น ชอบผจญภัยมากขึ้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้คือ การเติบโตและพัฒนาการ มาเรียนรู้วิธีสนับสนุนพวกเขาให้ดีที่สุด ได้ที่นี่

เรื่องเด่นประจำหมวด

การเติบโตและพัฒนาการ

แป้งโดว์ มีประโยชน์ต่อเด็กอย่างไร และวิธีทำแป้งโดว์ด้วยตัวเอง

แป้งโดว์ เป็นของเล่นที่เหมาะสำหรับเด็กเล็ก เด็กสามารถสร้างสรรค์งานศิลปะด้วยการปั้นแป้งโดว์เป็นรูปร่างต่าง ๆ ตามต้องการ ซึ่งอาจช่วยเสริมสร้างจินตนาการและการเรียนรู้ของเด็ก เช่น ช่วยเสริมพัฒนาการด้านการใช้ภาษาและสื่อสาร เมื่อเด็กเล่นแป้งโดว์พร้อมเพื่อนหรือสมาชิกในครอบครัว ที่สำคัญการปั้นแป้งโดว์ช่วยพัฒนากล้ามเนื้อมัดเล็กบริเวณมือและนิ้วของเด็กได้เป็นอย่างดีอีกด้วย คุณพ่อคุณแม่สามารถหาซื้อแป้งโดว์สำเร็จรูป หรือทำแป้งโดว์จากส่วนผสมที่หาได้ง่าย ๆ ภายในบ้าน แป้งโดว์ทำเองนั้นปลอดสารเคมี คุณพ่อคุณแม่จึงมั่นใจได้ว่าปลอดภัยและไม่เป็นอันตรายสำหรับเด็ก แป้งโดว์ คืออะไร แป้งโดว์เป็นก้อนแป้งเนื้อนิ่ม ยืดหยุ่นได้ และมีสีสันสดใส สามารถใช้ปั้นเป็นรูปร่างต่าง ๆ ได้คล้ายดินน้ำมัน แต่ไม่มีสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อเด็ก จึงเป็นของเล่นที่ให้ทั้งความเพลิดเพลินและส่งเสริมพัฒนาการของเด็กได้อย่างปลอดภัย เหมาะสำหรับเด็กอายุ 2 ขวบขึ้นไป เนื่องจากเป็นวัยที่เริ่มหยุดหยิบสิ่งของเข้าปาก วิธีการทำแป้งโดว์ด้วยตัวเอง วิธีการทำแป้งโดว์ด้วยตัวเอง อาจมีดังนี้ ส่วนผสมของแป้งโดว์ แป้งสาลีหรือแป้งข้าวโพด 2 ถ้วยตวง ครีมออฟทาร์ทาร์ (Cream of tartar) 2 ช้อนโต๊ะ น้ำมันพืช 2 ช้อนโต๊ะ เกลือป่น 1 ถ้วยตวง สีผสมอาหาร น้ำ 2 ถ้วยตวง ถาดหรือเขียง กระทะเทฟล่อนหรือกระทะเคลือบ ขั้นตอนการทำ แป้งโดว์ ใส่แป้งสาลี เกลือ ครีมออฟทาร์ทาร์ และน้ำมันพืชลงในภาชนะที่เตรียมไว้ […]

สำรวจ การเติบโตและพัฒนาการ

การเติบโตและพัฒนาการ

พัฒนาการเด็กวัยก่อนเข้าเรียน กับเคล็ดลับการดูแล ที่พ่อแม่ควรทราบ

นอกจากอุปนิสัย และการใช้ชีวิตประจำวันของลูกรัก ที่คุณพ่อคุณแม่ทราบดีแล้ว การรู้จักสังเกตพัฒนาการของลูกก็ย่อมเป็นสิ่งสำคัญเช่นกันที่ผู้ปกครองทุกคนควรมีการจดบันทึกถึงการเจริญเติบโตเด็ก ๆ เอาไว้ร่วมด้วย โดยเฉพาะ พัฒนาการเด็กวัยก่อนเข้าเรียน เพื่อดูแลลูกน้อยให้สามารถเริ่มใช้ชีวิตอีกขั้นในสังคมแห่งการเรียนรู้ภายนอกได้อย่างเหมาะสม [embed-health-tool-vaccination-tool] การเปลี่ยนแปลง พัฒนาการเด็กวัยก่อนเข้าเรียน ในช่วงอายุของเด็กวัยก่อนเข้าเรียน (3-5 ปี) มักมีพัฒนาการเปลี่ยนแปลงหลายด้านตามการเจริญเติบโต ไม่ว่าจะเป็นพัฒนาการทางด้านสังคม พัฒนาการด้านการเคลื่อนไหว ทักษะการเรียนรู้ พัฒนาการด้านภาษา และการสื่อสาร ที่คุณจะสังเกตได้ถึงพฤติกรรมของเด็ก ๆ ที่มีความคิดเป็นของตัวเองมากขึ้น อยากรู้อยากเห็นสิ่งใหม่ ๆ มีการเคลื่อนไหวที่กระฉับกระเฉงเนื่องจากกระดูกเริ่มมีความแข็งแรง และยืดหยุ่น รวมไปถึงอยากเข้าสังคมมีปฏิสัมพันธ์ผูกมิตรกับเพื่อนใหม่เมื่อพบเจอ โดยพัฒนาการข้างต้นที่กล่าวมานั้น ยังขึ้นอยู่กับการดูแลของผู้ปกครอง และสภาวะแวดล้อมรอบข้างร่วมด้วยว่าอยากให้เด็ก ๆ มีพัฒนาการไปในเชิงบวก หรือเชิงลบ เพราะบางคนอาจนำไปสู่การพัฒนาด้านพฤติกรรมที่ไม่ดี เช่น การคิดคำโกหก อารมณ์ฉุนเฉียว เป็นต้น เคล็ดลับการเลี้ยงดูเด็กวัยก่อนเข้าเรียน เพื่อให้ลูกรักที่อยู่ในช่วงวัยก่อนเข้าเรียนมีพัฒนาการที่ดีตามเกณฑ์อายุ คุณพ่อคุณแม่สามารถนำเคล็ดลับการดูแลเด็ก ๆ ง่าย ๆ ดังต่อไปนี้ ไปใช้ร่วมกับเทคนิคการดูแลที่คุณใช้อยู่ด้วยได้ จัดตารางอาหารที่ต่อสุขภาพให้แก่ลูกรัก เพื่อให้รับสารอาหารที่ครบถ้วน ให้เด็ก ๆ พักผ่อนให้เพียงพอ โดยช่วงอายุเด็กวัยก่อนเข้าเรียนควรนอนหลับ 11-13 ชั่วโมงต่อวัน จำกัดเวลาให้เด็ก ๆ อยู่กับหน้าจอโทรศัพท์ แท็ปเล็ต คอมพิวเตอร์ […]


การเติบโตและพัฒนาการ

ฝึกให้ลูกเข้านอน คุณพ่อคุณแม่ต้องทำอย่างไรบ้าง

การ ฝึกให้ลูกเข้านอน ถือเป็นการฝึกให้ลูกนอนหลับอย่างเป็นเวลา ซึ่งการฝึกให้ลูกนอนเข้านอนนั้นอาจจะทำให้คุณพ่อคุณแม่เกิดอาการเหนื่อย เพราะกว่าจะพาพวกเขาเข้านอนได้ต้องใช้เวลาพอสมควร แม้ว่าลูกจะเป็นเด็กที่นอนหลับสบายตั้งแต่ยังเป็นทารก แต่เมื่อพวกเขาเข้าสู่วัยหัดเดิน การนอนหลับอาจเป็นสิ่งสุดท้ายที่พวกเขาจะนึกถึง ดังนั้นคุณพ่อคุณแม่ควรทำอย่างไรเมื่อต้อง ฝึกให้ลูกน้อยเข้านอน [embed-health-tool-vaccination-tool] ฝึกให้ลูกเข้านอน สามารถทำได้ด้วยวิธีใดบ้าง การฝึกให้ลูกเข้านอน นั้นไม่มีสูตรสำเร็จที่ตายตัวและสมบูรณ์แบบ เช่นเดียวกับการเลี้ยงดูในด้านอื่น ๆ ซึ่งไม่มีวิธีใดที่ใช้ได้ผลกับเด็กทุกคน ดังนั้น คุณพ่อคุณแม่จึงต้องพยายามทดลองฝึกลูกน้อยเข้านอนด้วยวิธีต่าง ๆ จนกว่าจะพบวิธีที่เหมาะสมกับลูกน้อยและครอบครัว สำหรับวิธี ฝึกให้ลูกน้อยเข้านอน สามารถทำได้ดังนี้ วิธีที่ 1 : ค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงพฤติกรรม หากมีลูกน้อยวัยหัดเดินที่เคยชินกับการถูกจับหรือโยกตัวเพื่อเข้านอน คุณพ่อคุณแม่อาจจะต้องใช้วิธีการค่อย ๆ เปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของพวกเขา ซึ่งถือว่าเป็นวิธีการที่เหมาะที่สุดสำหรับเด็กทารก การเปลี่ยนแปลงจากการที่ลูกน้อยมักจะหลับในอ้อมแขน ไปเป็นการนอนหลับบนที่นอน อาจเป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญ สำหรับวิธีค่อย ๆ เปลี่ยนพฤติกรรมนี้จะช่วยให้ลูกน้อยที่ติดกับการกอดค่อย ๆ มีการปรับตัว โดยสิ่งที่ต้องทำก็คือ การวางลูกน้อยเอาไว้ในเปลหรือเตียงในขณะที่พวกเขาตื่น แต่เริ่มมีความรู้สึกง่วง จากนั้นให้คุณเดินออกจากห้องแล้วปิดประตูทันที เมื่อลูกน้อยเริ่มร้องไห้งอแงต้องใจแข็งและอย่าเดินกลับเข้าไปในห้องทันที ให้รอประมาณ 5 นาทีหรือกลับเข้าไปในห้องเมื่อลูกน้อยร้องไห้ไม่ยอมหยุดเท่านั้น หากจำเป็นจะต้องกลับเข้าไปในห้องอีกครั้ง ให้ปลอบลูกน้อยด้วยการลูบหลังเบา ๆ จนกว่าพวกเขาจะสงบแล้ว แล้วจึงออกจากห้องไป หากลูกน้อยร้องไห้อีกครั้งให้ทำซ้ำแบบนี้อีกครั้ง และทำวิธีนี้ต่อไปจนกว่าเขาจะหลับไป โดยไม่อุ้มขึ้นมาปลอบให้หลับ ในกรณีหากลูกน้อยนอนอยู่บนเตียงแล้ว และจะเข้าไปในห้องเพื่อพาพวกเขาออกจากเตียง […]


การเติบโตและพัฒนาการ

เลือกสถานรับเลี้ยงเด็ก อย่างไรให้ปลอดภัยกับลูกน้อย

การเลือกใช้บริการสถานรับเลี้ยงเด็กถือเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ สำหรับคุณพ่อคุณแม่บางคนที่ไม่มีญาติ หรือเพื่อนบ้านคอยดูแลลูกของตน รวมถึงอาจจะไม่มีเวลาในการดูแลลูกด้วยตัวเองในบางช่วงเวลา การ เลือกสถานรับเลี้ยงเด็ก สักแห่ง เพื่อให้รับผิดชอบในการดูแลลูกก็ควรจะต้องพิจารณาให้ดีเสียก่อน [embed-health-tool-vaccination-tool] การดูแลเด็กแบบไหน ที่เหมาะกับลูกน้อย การดูแลลูกน้อยถือเป็นเรื่องที่ควรใส่ใจ เพราะการดูแลลูกน้อยในแบบที่เหมาะสมจะทำให้ลูกน้อยได้รับการดูแลอย่างดี โดยครอบครัวส่วนใหญ่มักจะใช้วิธีการดูแลลูกน้อยแบบผสมผสาน เพื่อตอบสนองความต้องการทั้งหมดของลูกน้อย การเตรียมการดูแลเด็กที่ดีที่สุดคือสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับลูกน้อยและครอบครัว ซึ่งประเภทของการเตรียมการที่ครอบครัวส่วนใหญ่มักจะใช้ในการดูแลลูกน้อย ได้แก่ การดูแลโดยผู้ปกครองเท่านั้น การดูแลโดยญาติ การดูแลที่ไม่ใช่ญาติ โดยให้พี่เลี้ยง เพื่อน หรือเพื่อนบ้านเป็นผู้ดูแล อาจจะมาดูแลลูกน้อยที่บ้าน หรือดูแลที่สถานรับเลี้ยงเด็กก็ได้เช่นกัน การดูแลโดยสถานรับเลี้ยงเด็ก การดูแลเด็กเฉพาะทาง สำหรับเด็กที่มีความต้องการด้านสุขภาพเป็นพิเศษ วิธี เลือกสถานรับเลี้ยงเด็ก ที่คุณพ่อคุณแม่ควรรู้ สำหรับคุณพ่อคุณแม่ที่ไม่มีญาติ เพื่อน รวมถึงเวลาในการดูแลลูกน้อยในบางช่วงเวลา การเลือกใช้บริการสถานรับเลี้ยงเด็กจึงถือเป็นเรื่องที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่หากจะตัดสินใจเลือกสถานรับเลี้ยงเด็กสักแห่ง เพื่อให้รับผิดชอบในการดูแลลูก ก็ควรจะต้องพิจารณาให้ดีเสียก่อย โดยวิธีการเลือกสถานรับเลี้ยงเด็ก สามารถพิจารณาได้จากสิ่งต่าง ๆ ดังนี้ สังเกตดูปฏิสัมพันธ์ที่เจ้าหน้าที่มีต่อเด็ก สิ่งที่คุณพ่อคุณแม่ควรให้ความใส่ใจเป็นพิเศษในการเลือกสถานรับเลี้ยงเด็ก ก็คือ ลองดูว่าเจ้าหน้าที่มีปฏิสัมพันธ์กับเด็กอย่างไร ตามหลักการแล้วผู้ดูแลควรอยู่บนพื้นเพื่อเล่นกับเด็ก ๆ หรืออุ้มเด็กไว้บนตัก เนื่องจากในช่วงปีแรก ๆ ทารกต้องการความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิด ความรัก และการโต้ตอบกับผู้ใหญ่ เพื่อที่จะเติบโต นั่นเป็นเหตุผลที่สำคัญอย่างยิ่งที่ผู้ดูแลคนแรกของลูกจะต้องเป็นคนที่อบอุ่นและมีการโต้ตอบกับเด็ก แม้จะเป็นการดูแลแบบกลุ่มทารกและเด็กโตก็ควรจะต้องได้รับการดูแลเอาใจใส่ที่เท่าเทียมกัน นอกจากนี้ การดูแลแบบมีประสิทธิภาพยังส่งผลสำคัญต่อสุขภาพของลูกน้อยอีกด้วย ทำสัญญาในการดูแลเด็ก ทารกต้องการการดูแลที่สม่ำเสมอ การดูแลอย่างสม่ำเสมอนั้นจะช่วยสร้างความผูกพันกับผู้ดูแลของพวกเขา โดย Debra […]


การเติบโตและพัฒนาการ

ฝึกลูกขับถ่ายแบบผู้ใหญ่ ควรทำอย่างไร และควรเริ่มฝึกตอนไหน

ฝึกลูกขับถ่ายแบบผู้ใหญ่ เป็นอีกหนึ่งกิจวัตรประจำวันที่ผู้ปกครองควรให้ความใส่ใจ เพื่อให้ลูกน้อยสามารถช่วยเหลือตัวเองได้เมื่อเริ่มโตขึ้น นอกเหนือไปจากการกินข้าว การอาบน้ำ การแปรงฟันด้วยตนเอง อย่างไรก็ตาม เด็กแต่ละคนมีพัฒนาการที่ช้าเร็วแตกต่างกัน ผู้ปกครองควรค่อย ๆ ฝึกลูกน้อยเมื่อสังเกตเห็นว่าลูกพร้อม ไม่ควรเร่งรัดหรือบังคับลูกมากจนเกินไป [embed-health-tool-vaccination-tool] ควรเริ่ม ฝึกลูกขับถ่ายแบบผู้ใหญ่ เมื่อไร การฝึกลูกขับถ่ายแบบผู้ใหญ่ (Potty Training) ไม่มีอายุที่เหมาะสมในการเริ่มต้น แต่ควรเริ่มเมื่อเด็กแสดงสัญญาณว่าพร้อมแล้ว เพราะหากพยายามฝึกการเข้าห้องน้ำก่อนที่ลูกจะพร้อม อาจเป็นเรื่องที่ยากและก่อให้เกิดความลำบากใจทั้งต่อคุณพ่อคุณแม่และลูก เนื่องจากความสามารถในการควบคุมกล้ามเนื้อลำไส้และกระเพาะปัสสาวะมักมาพร้อมกับการเจริญเติบโตและพัฒนาการที่แตกต่างกันไปในเด็กแต่ละคน ทั้งนี้ เด็กอายุน้อยกว่า 12 เดือน ยังไม่สามารถควบคุมการเคลื่อนไหวของกระเพาะปัสสาวะหรือลำไส้ได้ ดังนั้น ผู้ปกครองส่วนใหญ่จึงมักฝึกลูกขับถ่ายแบบผู้ใหญ่เมื่อลูกมีอายุช่วง 18-24 เดือน แต่ในบางรายอาจสามารถขับถ่ายแบบผู้ใหญ่เมื่ออายุ 36 เดือน ทั้งนี้ อายุเฉลี่ยของการ ฝึกขับถ่ายแบบผู้ใหญ่ ของวัยเตาะแตะมักอยู่ในช่วงวัยประมาณ 27 เดือน วิธีฝึกลูกขับถ่ายแบบผู้ใหญ่ การฝึกลูกขับถ่ายแบบผู้ใหญ่นั้นมีด้วยกันหลายวิธี คุณพ่อคุณแม่อาจเลือกทำตามคำแนะนำต่าง ๆ เหล่านี้ เช็คสัญญาณความพร้อม ก่อนฝึกลูกขับถ่ายแบบผู้ใหญ่ คุณพ่อคุณแม่ควรเตรียมความพร้อมด้วยการตรวจสอบสัญญาณต่าง ๆ ที่บ่งบอกว่าลูกน้อยพร้อมช่วยเหลือตัวเองแล้ว ได้แก่ ลูกเริ่มแสดงความสนใจที่จะเข้าห้องน้ำ ลูกเริ่มบอกหรือส่งสัญญาณให้รู้เมื่อถึงเวลาที่ผ้าอ้อมเปื้อน ลูกกลั้นฉี่ได้หรืออาจสังเกตว่าผ้าอ้อมแห้งเป็นเวลานาน ลูกเริ่มแต่งตัวเองได้ โดยสามารถดึงกางเกงของตัวเองขึ้นลงได้ พูดคุยพร้อมยกตัวอย่าง พยายามพูดคุยกับลูกบ่อย ๆ เกี่ยวกับข้อดีของการขับถ่ายในห้องน้ำด้วยตัวเอง โดยอาจจะยกตัวอย่างเด็กคนอื่นๆ ที่ลูกน้อยรู้จัก หรืออาจหานิทานเกี่ยวกับการขับถ่ายด้วยตัวเองเพื่อเป็นตัวอย่างพร้อมดูภาพประกอบ ให้รางวัลหรือให้ลูกน้อยเลือกรางวัลด้วยตัวเอง […]


การเติบโตและพัฒนาการ

ลูกโดนเพื่อนนินทา คุณพ่อคุณแม่จะช่วยแก้ปัญหาได้อย่างไร

ลูกโดนเพื่อนนินทา เป็นปัญหาที่คุณพ่อคุณแม่ไม่ควรละเลยหรือมองข้ามเด็ดขาด เพราะแม้ว่าลูกน้อยอาจจะหลีกเลี่ยงการจับกลุ่ม หรือเป็นเด็กดี ตั้งใจเรียน มากแค่ไหน แต่ก็ไม่อาจพ้นจากการถูกนินทาได้ ดังนั้น เมื่อลูกน้อยเข้ามาปรึกษาว่าโดนเพื่อนนินทา คุณพ่อคุณแม่ควรรับฟังอย่างตั้งใจและพยายามทำความเข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่ควรตำหนิหรือซ้ำเติมเพราะอาจยิ่งทำให้ลูกรู้สึกเจ็บปวดและควรทางออกร่วมกันกับลูก อย่าปล่อยให้ลูกรู้สึกโดดเดี่ยว นอกจากนั้น คุณพ่อคุณแม่ควรหาวิธีช่วยเหลืออย่างถูกต้องและเหมาะสมในการรับมือเมื่อลูกโดนเพื่อนนินทา วิธีรับมือ เมื่อ ลูกโดนเพื่อนนินทา การนินทานั้นมักจะเกิดขึ้นเมื่อเด็ก ๆ เริ่มโตขึ้น โดยเฉพาะเมื่อเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น ไม่ว่าจะตั้งใจเรียน เป็นเด็กดี หรือมีนิสัยอย่างไรก็ตาม ยากที่จะหลีกเลี่ยงการโดนนินทา  เมื่อ ลูกโดนเพื่อนนินทา คุณพ่อคุณแม่ควรจะต้องทำให้ลูกรู้สึกว่ามีคนคอยช่วยเหลือและอยู่ข้าง ๆ เสมอ รวมทั้งควรอธิบายให้ลูกเข้าใจถึงความจริงข้อที่ว่า ไม่มีใครสามารถหลีกพ้นการโดนนินทาไปได้ ทั้งนี้ วิธีที่คุณพ่อคุณแม่สามารถช่วยลูกน้อยรับมือเมื่อโดนเพื่อนนินทานั้น อาจปฏิบัติตามคำแนะนำ ดังนี้ หลีกเลี่ยงการอยู่กับกลุ่มเพื่อนที่ชอบนินทา เมื่อโดนเพื่อนนินทา เด็ก ๆ ย่อมรู้สึกเจ็บปวดและเสียใจ คุณพ่อคุณแม่ควรพยายามช่วยให้ลูกน้อยหันไปสนใจเรื่องอื่นแทน โดยเฉพาะการมีส่วนร่วมกับกิจกรรมภายนอกหรือวางแผนการเดินทางของครอบครัว เพื่อลดความกังวลเกี่ยวกับเรื่องการถูกนินทา นอกจากนี้ วิธีการที่ดีคือ ให้ลูกน้อยหลีกเลี่ยงจากการใช้โซเชียลมีเดียสักระยะหนึ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากโซเชียลมีเดียนั้นเป็นแหล่งกระจายข่าวลือของเพื่อน ๆ ที่โรงเรียน แม้จะเป็นเรื่องยากเพราะเด็ก ๆ มักต้องการรู้ว่าคนอื่นกำลังพูดอะไรเกี่ยวกับตนเองบ้าง แต่ควรอธิบายให้ลูกเข้าใจว่า บางครั้งอาจจะเป็นการดีกว่าที่จะไม่สนใจคำนินทาและควรใช้เวลาอยู่กับกิจกรรมที่ทำให้มีความสุขมากกว่า สังเกตพฤติกรรมลูกอย่างใกล้ชิด เด็กส่วนใหญ่ไม่สามารถรอให้การนินทาเงียบสงบไปเองได้ แม้แต่ข่าวลือเล็ก ๆ น้อย ๆ […]


การเติบโตและพัฒนาการ

การบูลลี่ กับทักษะทางสังคมที่อาจช่วยป้องกันการถูกบูลลี่ได้

การบูลลี่ ไม่ว่าจะเป็นทางคำพูดหรือการกระทำ เป็นเรื่องที่พบได้ตั้งแต่ในวัยเด็ก หากเด็กถูกบูลลี่อาจส่งผลเสียต่อสุขภาพร่างกายและจิตใจ อย่างไรก็ตาม การฝึกทักษะในการเข้าสังคม เช่น มารยาท การสื่อสารที่ถูกต้องชัดเจน การรู้จักอ่อนน้อมถ่อมตน อาจช่วยป้องกันไม่ให้เด็กถูกบูลลี่และช่วยลดการบูลลี่ได้ [embed-health-tool-child-growth-chart] ทักษะทางสังคมที่อาจช่วยป้องกัน การบูลลี่ สำหรับเด็กเล็กแล้ว เพื่อป้องกันการถูกกลั่นแกล้งและพัฒนาความสัมพันธ์ เขาจำเป็นจะต้องเรียนรู้และใช้ทักษะทางสังคมที่หลากหลายอย่างมีประสิทธิผล สภาพแวดล้อมของเด็กปฐมวัยมีสภาพแวดล้อมเหมาะสมกับการเรียนรู้โดยธรรมชาติ และเป็นพื้นที่ปลอดภัยสำหรับเด็กด้วย ซึ่งเด็กๆ สามารถเรียนรู้และฝึกฝนทักษะทางสังคมได้ สำหรับวิธีที่คุณพ่อคุณแม่จะช่วยเสริมสร้าง ทักษะทางสังคมและป้องกันการกลั่นแกล้ง ที่จะเกิดขึ้นกับลูกน้อย สามารถทำได้ดังนี้ สร้างความนับถือตัวเอง การเห็นคุณค่าในตัวเอง ถือเป็นรากฐานของความมั่นคงที่เด็กๆ จะสามารถอยู่ในสังคมได้ หากเด็กขาดความมั่นใจก็ถือเป็นเรื่องยากสำหรับพวกเขาที่จะต้องรับความเสี่ยงในการพัฒนา ทักษะทางสังคมและการป้องกันการกลั่นแกล้ง ที่เข้มแข็ง การพัฒนาความนับถือตัวเองของลูก ต้องเริ่มต้นจากการทำทุกอย่างที่ทำได้ เพื่อให้แน่ใจว่าลูกเข้าใจและรับทราบถึงจุดอ่อนของพวกเขา ยอมรับ และรู้สึกดีกับตัวเองได้ การนับถือตัวเองเป็นปัจจัยที่ช่วยป้องกันการกลั่นแกล้งได้ เด็ก ๆ มักจะไม่ค่อยเลือกแกล้งคนที่มีความมั่นใจในตัวเองและสามารถควบคุมตัวเองได้ ส่งเสริมมิตรภาพ มิตรภาพที่ดีเป็นอีกปัจจัยหนึ่งที่ช่วยป้องกันการถูกกลั่นแกล้ง ในความเป็นจริงแล้วการมีเพื่อนแม้เพียงคนเดียวก็สามารถสร้างเกราะป้องกันการกลั่นแกล้งได้ สำหรับเด็กที่มีเพื่อนมาก ๆ มักจะไม่ค่อยเป็นเป้าหมายสำหรับการโดนแกล้งสักเท่าไหร่ ดังนั้น จึงเป็นการดีที่จะช่วยให้ลูกได้พัฒนามิตรภาพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวัยเด็ก โดยกำหนดเวลากับเพื่อน ๆ ให้พวกเขาได้มีส่วนร่วมในการทำกิจกรรมภายนอก และพูดคุยกันถึงสิ่งที่จะทำให้เกิดมิตรภาพที่ดี สอนให้กล้าแสดงออก เชื่อหรือไม่ว่า การกล้าแสดงออกนั้นเป็นส่วนสำคัญของการมีสังคมที่เข็มแข็ง เมื่อเด็กทำตัวเฉยชาพวกเขามักจะถูกเอาเปรียบหรือถูกรังแก โดยเฉพาะในกลุ่มเด็กผู้หญิงที่มักจะมองหากลุ่มเป้าหมายที่ไม่กล้าในการแสดงออก เพื่อกลั่นแกล้งและเอาเปรียบ ดังนั้น คุณควรสอนให้พวกเขากล้าที่จะแสดงความคิดเห็นหรือความรู้สึกของตัวเอง นอกจากนั้นยังต้องเสนอให้พวกเขาตระหนักด้วยว่า การยืนหยัดเพื่อสิทธิของตัวเองเป็นสิ่งที่เหมาะสม โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเรื่องของการถูกกลั่นแกล้ง […]


การเติบโตและพัฒนาการ

สอนลูกทำงานบ้าน อีกหนึ่งเคล็ดลับฝึกความรับผิดชอบให้ลูก

ความรับผิดชอบ ถือเป็นอีกหนึ่งทักษะสำคัญในการใช้ชีวิตที่คนทุกเพศทุกวัยควรมี ยิ่งหากได้ฝึกความรับผิดชอบตั้งแต่เด็ก ก็ยิ่งส่งผลให้เขาเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่มีความรับผิดชอบสูง ซึ่งจะส่งผลดีต่อทั้งกับตัวเองและสังคมด้วย เมื่อพูดถึงการฝึกความรับผิดชอบให้ลูก คุณพ่อคุณแม่หลายคนก็อาจคิดไม่ตกว่าควรเริ่มต้นอย่างไรดี แต่ Hello คุณหมอ อยากบอกว่า คุณไม่จำเป็นต้องเครียด หรือวิตกกังวลแต่อย่างใด เพราะคุณสามารถเริ่มต้นฝึกความรับผิดชอบให้ลูกได้ง่าย ๆ ด้วยการ สอนลูกทำงานบ้าน ข้อดีของการ สอนลูกทำงานบ้าน งานวิจัยชิ้นหนึ่งของมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ดที่ศึกษาเกี่ยวกับความเกี่ยวข้องกันระหว่างปัจจัยทางจิตสังคมและกระบวนการทางชีววิทยา (Biological Process) ในวัยเด็กกับลักษณะสุขภาพและความเป็นอยู่เมื่อโตขึ้น พบว่า เด็กที่เคยทำงานบ้านได้รับเงินเดือนหรือค่าตอบแทนในการทำงานสูงกว่า โดยงานบ้านถือเป็นตัวแปรสำคัญที่บ่งชี้ได้ว่า เด็กน่าจะเติบโตไปเป็นผู้ใหญ่ที่มีความสุข สุขภาพแข็งแรง และพึ่งพาตนเองได้ ผู้เชี่ยวชาญเผยว่า การทำงานบ้าน ช่วยพัฒนาภาวะจิตสังคมให้กับเด็ก ๆ ได้ (ภาวะจิตสังคม หมายถึง ภาวะทางด้านจิตใจอารมณ์ที่เราแสดงออกให้ผู้อื่นเห็น ผ่านทางสีหน้า แววตา คำพูด น้ำเสียง อากัปกิริยา ท่าทาง และพฤติกรรมต่าง ๆ ที่ส่งผลต่อชีวิตความเป็นอยู่ ทัศนคติ การตัดสินใจ การตอบสนองต่อพฤติกรรมอื่น ๆ ในชีวิตประจำวัน) นอกจากนี้ การทำงานบ้านยังฝึกให้เด็กรู้จักแบ่งเบาภาระของพ่อแม่ ได้มีส่วนร่วม ได้ฝึกความรับผิดชอบ ทั้งยังทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองเป็นที่ต้องการของครอบครัว ไม่รู้สึกว่าตัวเองไร้ค่าอีกด้วย โดยผลสำรวจชาวอเมริกันวัยผู้ใหญ่จำนวน 1,001 […]


การเติบโตและพัฒนาการ

ถ้วยหัดดื่ม (Sippy Cups) คืออะไร มีประโยชน์หรือโทษอย่างไรบ้าง

ถ้วยหัดดื่ม คือถ้วยที่ช่วยในการปรับพฤติกรรมของลูกน้อยวัยเตาะแตะเพื่อให้เลิกดื่มนมจากขวด ถ้วยหัดดื่มมีประโยชน์อย่างไรบ้าง รวมทั้งอาจสร้างปัญหาเกี่ยวกับช่องปากของลูกน้อยได้หรือไม่อย่างไร จำเป็นต้องทำความรู้จักเกี่ยวกับถ้วยหัดดื่ม เพื่อจะได้นำไปใช้อย่างถูกวิธีและเกิดประโยชน์มากที่สุด ประโยชน์ของถ้วยหัดดื่ม  ถ้วยหัดดื่ม (Sippy Cups) ได้รับการออกแบบมาเพื่อเป็นเครื่องมือในการเปลี่ยนผ่าน เพื่อช่วยให้เด็กวัยหัดเดินได้ปรับจากขวดมาเป็นถ้วยดื่มแบบไม่มีฝา เนื่องจากการใช้ขวดเป็นเวลานานอาจเพิ่มความเสี่ยงในช่องปาก ทั้งยังอาจจะทำให้เด็กวัยหัดเดินสูญเสียการควบคุมและความชำนาญในการใช้ปากได้ ถ้วยหัดดื่มจึงถูกประดิษฐ์ขึ้น นอกจากนั้นยังช่วยให้คุณแม่ไม่ต้องมาคอยเช็ดนมที่หกอีกด้วย นอกจากนั้นถ้วยหัดดื่มยังมีประโยชน์อื่น ๆ อีก ดังนี้ ช่วยให้เด็กมีร่างกายแข็งแรง ทำให้ง่ายต่อการห่ออาหารกลางวันและของว่างออกจากบ้าน สอนทักษะที่จำเป็นในการดื่มจากถ้วยให้กับเด็ก ป้องกันความล่าช้าในการพูดที่เกี่ยวข้องกับการใช้ขวดแบบขยาย (Extended bottle) ช่วยป้องกันฟันผุเนื่องจากการใช้ขวดนานเกินไป ลดปัญหาการติดเชื้อทางหูที่เกี่ยวข้องกับการใช้ขวดเป็นเวลานาน เหตุผลที่ควรให้ลูกใช้ ถ้วยหัดดื่ม เหล่าคุณพ่อคุณแม่ยังอาจกำลังพิจารณาอยู่ว่าควรจะให้ลูกใช้ถ้วยหัดดื่มหรือไม่ แล้วเมื่อใช้แล้วจะมีความปลอดภัยหรือเปล่า ถ้าเช่นนั้นลองมาดูเหตุผลที่เด็ก ๆ ควรใช้ถ้วยหัดดื่ม เพื่อประกอบการตัดสินใจ ป้องกันการหก ถ้วยหัดดื่มช่วยให้เครื่องดื่มไม่หกออกจากถ้วย ซึ่งดีต่อสุขภาพอนามัยของเด็ก เพราะหากน้ำนมหกและไม่ได้ทำความสะอาด อาจจะติดอยู่กับผิวหนังของเด็ก จนทำให้เด็กรู้สึกอึดอัดหรือเกิดปัญหาผิวหนังได้ ส่งเสริมความชุ่มชื้น  เหตุผลที่ถ้วยหัดดื่มสามารถช่วยเพิ่มความชุ่มชื้น (Hydration) ได้ก็เพราะว่าง่ายต่อการดื่มสำหรับเด็ก ช่วยให้ร่างกายเด็ก ๆ ได้รับน้ำอย่างเพียงพอและช่วยรักษาความชุ่มชื้นของร่างกาย เพราะเด็ก ๆ รู้สึกสนุกกับการถือวัตถุที่มีรูปทรง สีสัน และมีเอกลักษณ์เอาไว้ในมือ นอกจากนั้น ยังช่วยให้เด็ก ๆ สามารถทำอะไรได้ด้วยตัวเอง ซึ่งเป็นกระบวนการทางจิตวิทยาที่ว่า พวกเขาสามารถทำอะไรบางอย่างได้ด้วยตัวเองโดยไม่ต้องให้คุณพ่อคุณแม่มาคอยช่วยเหลือ เตรียมความพร้อมสำหรับการใช้ถ้วยแบบผู้ใหญ่ เหตุผลหลักที่ทำให้ถ้วยหัดดื่มถูกนำมาใช้ก็คือเป็นเครื่องมือฝึกให้เด็ก ๆ เตรียมตัวให้พร้อมในการดื่มจากถ้วย เพราะการถื่มจากด้วยนับเป็นทักษะที่ต้องเรียนรู้ […]


การเติบโตและพัฒนาการ

วิธีบริหารสมอง เสริมสร้างพัฒนาการ สำหรับเด็ก

คุณพ่อคุณแม่ เป็นผู้ที่มีส่วนสำคัญในการส่งเสริมให้ลูกมีพัฒนาการที่ดีเติบโตสมวัย โดยฝึกให้ลูกเรียนรู้ วิธีบริหารสมอง แบบง่าย ๆ ที่สามารถฝึกลได้เป็นประจำในแต่ละวัน เช่น การฝึกกำหนดลมหายใจเข้า-ออก การออกกำลังกายสม่ำเสมอ การฝึกสมาธิ โดยวิธีเหล่านี้อาจช่วยให้ลูกมีการเจริญเติบโตและพัฒนาการที่เหมาะสมในแต่ละช่วงวัย วิธีบริหารสมอง สำหรับเด็ก ที่คุณพ่อคุณแม่ควรรู้ วิธีบริหารสมอง ที่อาจช่วยเสริมสร้างพัฒนาการให้กับลูกน้อย มีดังนี้ การฝึกกำหนดลมหายใจเข้า-ออก การฝึกกำหนดลมหายใจเข้า-ออก อาจเริ่มจากให้ลูกนั่งหรือนอนราบลงบนที่นอนในท่าที่สบาย จากนั้นสูดลมหายใจเข้า-ออกอย่างช้า ๆ อย่างน้อยวันละ 5-10 นาที เมื่อเด็กมีสมาธิสมองจะปล่อยคลื่นอัลฟ่า (Alpha brainwave) เพื่อเสริมสร้างด้านการเรียนรู้ และจดจำ อาจช่วยให้เด็กเรียนรู้ และจดจำสิ่งต่าง ๆ ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น  การเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ  การพาลูกออกไปท่องโลกกว้าง ไม่ว่าจะเป็นนอกสถานที่ เช่น สวนสัตว์ สวนสนุก พิพิธภัณฑ์ หรือแม้แต่กระทั่งการเรียนรู้จากสื่อออนไลน์ อาจช่วยเสริมการทำงานของระบบความจำและช่วยเพิ่มทักษะการเรียนรู้ใหม่ ๆ ทำให้เด็กรู้จักตัวตนของตนเองมากยิ่งว่าชอบหรือไม่ชอบอะไร  เล่นเกมส์ฝึกสมอง รูปแบบของเกมส์ลับสมองในปัจจุบันที่มักพบเห็นกันอยู่บ่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็น กระดานหมากรุก ไพ่อูโน่ (UNO) ซูโดกุ ไพ่จับคู่ อาจช่วยเพิ่มสมาธิให้กับลูกพร้อมทั้งยังเป็นการฝึกการคิดวิเคราะห์แก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าได้ดี ที่สำคัญยังช่วยเสริมสร้างความสัมพันธ์ที่ดีให้กับครอบครัวอีกด้วย ฝึกระบบความจำด้วยสี หรือตัวย่อ หนังสือ […]


การเติบโตและพัฒนาการ

พัฒนาสมองของลูกน้อยให้ฉับไวด้วย เกมซูโดกุ

เกมซูโดกุ (Sudoku) เป็นเกมเติมตัวเลขลงในช่องตาราง โดยใช้ตัวเลขที่กำหนดให้ซึ่งเป็นตัวเลขตั้งแต่เลข 1 ถึงเลข 9 ใส่ลงในแต่ละแถวของตาราง โดยที่ตัวเลขจะต้องไม่ซ้ำกันทั้งแนวนอนและแนวตั้ง เกมซูโดกุจัดว่าเป็นหนึ่งในเกมลับสมองที่อาจมีส่วนช่วยในการพัฒนาสมอง และอาจช่วยกระตุ้นทักษะการคำนวณได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับเด็ก ๆ ซึ่งเป็นวัยที่กำลังเติบโต การใช้เกมหรือกิจกรรมสำหรับพัฒนาทักษะจะช่วยให้เด็กมีการพัฒนาเติบโตได้อย่างสมบูรณ์และรวดเร็ว [embed-health-tool-vaccination-tool] ซูโดกุ กับ คณิตศาสตร์ หลายคนอาจยังเข้าใจผิดว่า ซูโดกุ เป็นเกมคณิตศาสตร์ แต่โธมัส ซินเดอร์ (Thomas Snyder) แชมป์ซูโดกุระดับโลกกล่าวว่า ซูโดกุ เป็นเกมที่เหมือนกับเกมตัวต่อ ไม่จำเป็นต้องใช้ทักษะความรู้ขั้นสูงในการเล่น มีเพียงตัวเลข 9 ตัว ที่แตกต่างกันและต้องนำไปวางลงในตารางเพื่อเชื่อมต่อกับจุดใดจุดหนึ่ง ซึ่งเป็นวิธีการที่คล้ายกับการต่อตัวต่อทั่วไป ดังนั้น ต่อให้ไม่เก่งคณิตศาสตร์ ก็สามารถเล่นเกมนี้ได้อย่างแน่นอน  ประโยชน์ของเกมซูโดกุ ซูโดกุ ได้ชื่อว่าเป็นเกมลับสมองที่มีส่วนในการเสริมพัฒนาการของระบบสมอง โรงเรียนหลายแห่งได้มีการนำเกมนี้มาเป็นส่วนหนึ่งในการเรียนการสอน โดยมุ่งหวังให้เด็ก ๆ ได้มีการกระตุ้นระบบความคิดของตนเอง รวมถึงประโยชน์ในด้านต่าง ๆ ดังนี้ ช่วยเพิ่มความจำ ในระหว่างเล่น ซูโดกุ ระบบความจำกับระบบความคิดแบบตรรกะจะทำงานไปพร้อม ๆ กัน โดยสมองจะใช้ทั้งความจำในการจดจำตัวเลข และใช้ความคิดแบบตรรกะในการจำแนกตัวเลขที่แตกต่างกันสำหรับเติมลงในช่องว่างช่องต่อไป ช่วยกระตุ้นระบบความคิด การเล่น ซูโดกุ เป็นประจำมีประโยชน์ในการกระตุ้นการทำงานของสมอง […]

advertisement iconโฆษณา
advertisement iconโฆษณา

กำลังมองหาเรื่องราวในการเลี้ยงดูบุตรใช่หรือไม่?

เข้าร่วมชุมชนการเลี้ยงดูบุตรและแลกเปลี่ยนข้อมูลกับคุณแม่และคุณพ่อคนอื่น ๆ เข้าร่วมชุมชนได้เลย!


advertisement iconโฆษณา

ทีมผู้เชี่ยวชาญด้านการแพทย์ของเรา

ทีมผู้เชี่ยวชาญทางการแพทย์ของ Hello คุณหมอ ประกอบไปด้วยแพทย์และผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่มาร่วมสร้างสรรค์บทความในเว็บไซต์ของเราตามความเชี่ยวชาญในแต่ละด้าน ทีมแพทย์และผู้เชี่ยวชาญของเราจะช่วยรับรองว่าข้อมูลด้านสุขภาพของเราถูกต้อง เป็นปัจจุบัน และตรงตามหลักฐานจากงานวิจัยล่าสุด
ทีมผู้เชี่ยวชาญของเรามุ่งมั่นเต็มที่ในการช่วยให้คุณได้รับข้อมูลและความรู้ด้านสุขภาพที่น่าเชื่อถือ เข้าใจง่าย และเป็นประโยชน์ และพร้อมให้คำแนะนำในการดูแลสุขภาพกับคุณเสมอ เพื่อให้คุณได้รับทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพ และใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุขมากยิ่งขึ้น

ดูผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติม
ดูผู้เชี่ยวชาญเพิ่มเติม