ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย เภสัชกรวิสสุตา ชั้นประเสริฐ · ยาและอาหารเสริม · Hello Health Group
แอมพิซิลลิน (Ampicillin) เป็นยาที่ใช้เพื่อรักษาการติดเชื้อแบคทีเรียต่างๆ เป็นยาปฏิชีวนะกลุ่มเพนิซิลลิน (Penicillin-type antibiotic) ยาแอมพิซิลลินทำงานโดยการยับยั้งการเจริญเติบโตของแบคทีเรีย
ยานี้เป็นยาปฏิชีวนะที่ใช้เพื่อรักษาอาการติดเชื้อแบคทีเรียเท่านั้นไม่สามารถใช้ได้กับการติดเชื้อไวรัส(เช่น โรคหวัด หรือไข้หวัดใหญ่) การใช้ยาปฏิชีวนะเกินขนาดอย่างไม่จำเป็น อาจลดประสิทธิภาพของยาได้
รับประทานยาแอมพิซิลลิน โดยปกติคือ 4 ครั้งต่อวัน (ทุกๆ 6 ชั่วโมง) หรือตามที่แพทย์สั่ง รับประทานยาแอมพิซิลลินขณะท้องว่าง (1 ก่อน หรือ 2 ชั่วโมงหลังมื้ออาหาร) พร้อมกับน้ำเต็มแก้ว ดื่มน้ำให้เพียงพอขณะรับประทานยานี้หรือทำตามแพทย์สั่ง
ขนาดยาขึ้นอยู่กับอาการของคุณ และการตอบสนองต่อการรักษา
ยาปฏิชีวนะจะทำงานได้ดีที่สุดหากระดับของยาในร่างกายให้คงที่ ดังนั้นจึงควรเว้นช่วงเวลาในการให้ยานี้ให้เท่าๆ กัน
ใช้ยานี้อย่างต่อเนื่องจนครบกำหนด แม้ว่าอาการจะหายไปหลังจากเริ่มใช้ยาไม่กี่วัน การหยุดยาเร็วเกินไปจะทำให้เชื้อแบคทีเรียเติบโตต่อไป และอาจทำให้การติดเชื้อกำเริบ
แจ้งให้แพทย์ทราบหากอาการของคุณไม่หายไปหรือแย่ลง
ยาแอมพิซิลลินควรเก็บที่อุณหภูมิห้อง หลีกเลี่ยงแสงหรือความชื้น เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวยาเกิดความเสียหาย ไม่ควรเก็บยานี้ในห้องน้ำหรือช่องแช่แข็ง ยาแอมพิซิลลินบางยี่ห้ออาจจะต้องเก็บรักษาแตกต่างกัน จึงควรตรวจสอบฉลากยาหรือสอบถามเภสัชกรเสมอ เพื่อความปลอดภัยโปรดเก็บยาให้ห่างจากมือเด็กและสัตว์เลี้ยง
ก่อนใช้ยาแอมพิซิลลิน
ยังไม่มีงานวิจัยที่น่าเชื่อถือเกี่ยวกับความเสี่ยงในสตรีที่ใช้ยานี้ ในช่วงการตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร โปรดปรึกษาแพทย์เพื่อชั่งน้ำหนักระหว่างประโยชน์และความเสี่ยงก่อนการใช้ยานี้ ยาแอมพิซิลลินจัดอยู่ในประเภทของยาที่มีความเสี่ยงต่อผู้ตั้งครรภ์ หมวด B โดยองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA)
การจัดประเภทของยาที่มีความเสี่ยงต่อผู้ตั้งครรภ์โดยองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกามีดังนี้
รับการรักษาในทันทีหากคุณมีสัญญาณของอาการแพ้ที่รุนแรง ได้แก่ ลมพิษ หายใจติดขัด บวมที่ใบหน้า ริมฝีปาก ลิ้น หรือลำคอ
แจ้งแพทย์ในทันทีหหากคุณมีผลข้างเคียงที่รุนแรง เช่น
ผลข้างเคียงที่รุนแรงน้อยกว่ามีดังนี้
ไม่ใช่ทุกคนจะเจอกับผลข้างเคียงเหล่านี้ และอาจจะมีอาการอย่างอื่นนอกเหนือจากที่กล่าวมาข้างต้น ถ้าคุณมีข้อสงสัยใดๆ โปรดปรึกษาหมอของคุณ
ยาแอมพิซิลลินอาจเกิดปฏิกิริยากับยาอื่นที่คุณกำลังใช้อยู่ ซึ่งอาจส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียง เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น คุณควรจะบอกแพทย์หรือเภสัชกรของคุณว่าคุณกำลังใช้ยาอะไรอยู่บ้าง (ทั้งยาตามใบสั่งแพทย์ ยาที่ซื้อได้เอง และสมุนไพรต่างๆ) เพื่อความปลอดภัย โปรดอย่าเริ่ม หยุด หรือเปลี่ยนขนาดยาโดยไม่ได้รับความเห็นชอบจากแพทย์ โดยเฉพาะหากคุณกำลังใช้
ยาแอมพิซิลลินอาจมีปฏิกิริยากับอาหารหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียง โปรดปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอ
ยาแอมพิซิลลิน อาจส่งผลให้อาการโรคของคุณแย่ลง หรือส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา โปรดแจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบถึงสภาวะโรคของคุณก่อนใช้ยาเสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่งโรคและอาการต่อไปนี้
โมโนนิวคลิโอสิส (Mononucleosis) หรือที่เรียกว่าโมโน (mono) โรคติดเชื้อในปาก
ข้อมูลในที่นี้ไม่มีเจตนาให้ใช้ทดแทนคำแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษากับแพทย์และเภสัชกรทุกครั้งเพื่อรับทราบข้อมูลเพิ่มเติม
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาอาการติดเชื้อแบคทีเรีย:
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาเยื่อบุหัวใจอักเสบ (Endocarditis):
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาเยื่อหุ้มสมองอักเสบ (Meningitis):
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาการติดเชื้อในกระแสเลือด (Septicemia):
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อป้องกันการติดเชื้อแบคทีเรียเยื่อบุหัวใจอักเสบ (Bacterial Endocarditis):
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาโรคกระเพาะอาหารและลำไส้อักเสบ (Gastroenteritis):
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาการติดเชื้อในช่องท้อง (Intraabdominal Infection):
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาการติดเชื้อที่ผิวหนังหรือเนื้อเยื่ออ่อน:
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาคออักเสบ (Pharyngitis):
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาไซนัสอักเสบ (Sinusitis):
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาการติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบน (Upper Respiratory Tract Infection):
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาปอดบวม (Pneumonia):
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาหลอดลมอักเสบ (Bronchitis):
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ (Urinary Tract Infection):
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษากรวยไตอักเสบ (Pyelonephritis):
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาท้องร่วงจากเชื้อชิเกลลา (Shigellosis):
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาไข้ไทฟอยด์ (Typhoid Fever):
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อป้องกันโรคสเตรปโตคอคัลในทารกแรกเกิดกลุ่มบี (Perinatal Group B Streptococcal Disease):
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อป้องกันขณะผ่าตัด (Surgical Prophylaxis):การปลูกถ่ายตับ:
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาโรคไข้ฉี่หนู (Leptospirosis):
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาโรคหูชั้นกลางอักเสบ (Otitis Media):
ขนาดยาสำหรับเด็กเพื่อรักษาการติดเชื้อแบคทีเรีย:
ทารกแรกเกิด:
อายุ 1 เดือนขึ้นไป:
การติดเชื้อในระดับเบาถึงปานกลาง:
ขนาดยาสำหรับเด็กเพื่อรักษาภาวะโลหิตเป็นพิษ (Bacteremia):
ทารกแรกเกิด:
ขนาดยาสำหรับเด็กเพื่อรักษาการติดเชื้อในกระแสเลือด (Septicemia):
ทารกแรกเกิด:
ขนาดยาสำหรับเด็กเพื่อรักษาเยื่อหุ้มสมองอักเสบ (Meningitis):
ขนาดยาสำหรับเด็กเพื่อรักษาเยื่อบุหัวใจอักเสบ (Endocarditis):
ขนาดยาสำหรับเด็กเพื่อป้องกันการติดเชื้อแบคทีเรียเยื่อบุหัวใจอักเสบ (Bacterial Endocarditis):
ขนาดยาสำหรับเด็กเพื่อรักษาการติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบน (Upper Respiratory Tract Infection):
ขนาดยาสำหรับเด็กเพื่อรักษาปอดบวม (Pneumonia):
ให้ยาทางหลอดเลือด (Parenteral) :
ขนาดยาสำหรับเด็กเพื่อรักษาการติดเชื้อที่ผิวหนังหรือเนื้อเยื่ออ่อน:
ขนาดยาสำหรับเด็กเพื่อรักษาการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ (Urinary Tract Infection):
ให้ยาทางหลอดเลือด (Parenteral):
ขนาดยาสำหรับเด็กเพื่อป้องกันขณะผ่าตัด (Surgical Prophylaxis):
การปลูกถ่ายตับ:
ความแรงและรูปแบบของยามีดังนี้
หากเกิดเหตุฉุกเฉินหรือใช้ยาเกินขนาด ควรแจ้งเหตุฉุกเฉินหรือนำส่งห้องฉุกเฉินใกล้บ้านโดยทันที
อาการของการใช้ยาเกินขนาดได้แก่ สับสน พฤติกรรมเปลี่ยนแปลง ผื่นผิวหนังที่รุนแรง ปัสสาวะน้อยกว่าปกติ หรือมีอาการชัก อาการวูบ หรือ ชักกระตุก
หากคุณลืมรับประทานยาควรรีบรับประทานทันทีที่นึกได้ หรือถ้าหากใกล้ถึงเวลารับประทานยาครั้งต่อไป ให้ข้ามรอบไปรับประทานยาตามตารางปกติได้เลย ไม่ควรเพิ่มปริมาณยา
Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำทางการแพทย์ การวินิจฉัยโรคหรือการรักษาโรคแต่อย่างใด
Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย