
ข้อบ่งใช้ โอฟลอกซาซิน
โอฟลอกซาซิน ใช้สำหรับ
โอฟลอกซาซิน (Ofloxacin) เป็นยาที่ใช้เพื่อรักษาการติดเชื้อแบคทีเรียต่างๆ โอฟลอกซาซิน อยู่ในกลุ่มของยาปฏิชีวนะควิโนโลน (quinolone) ยานี้ทำงานโดยหยุดยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย
ยาปฏิชีวนะนี้ใช้เพื่อรักษาการติดเชื้อแบคทีเรียเท่านั้น ไม่ได้ผลกับการติดเชื้อไวรัส (เช่น โรคหวัดหรือไข้หวัดใหญ่) การใช้ยาปฏิชีวนะเมื่อไม่จำเป็นอาจทำให้ยาไม่ได้ผลกับการติดเชื้อในภายหน้า
วิธีการใช้ยาโอฟลอกซาซิน
- รับประทานพร้อมกับหรือปราศจากอาหารตามที่แพทย์กำหนด โดยปกติคือวันละสองครั้ง (ทุกๆ 12 ชั่วโมง) ขนาดยาและระยะเวลาการรักษาขึ้นอยู่กับสภาวะทางการแพทย์และการตอบสนองต่อการรักษา
- ดื่มน้ำให้มากขณะที่กำลังใช้ยานี้เว้นเสียแต่แพทย์จะสั่งให้คุณทำแบบอื่น
- รับประทานยานี้อย่างน้อย 2 ชั่วโมงก่อน หรือ 2 ชั่วโมงหลังจากใช้ยาอื่นที่อาจจะมาจับกับยานี้แล้วลดประสิทธิภาพของยาได้ โปรดสอบถามเภสัชกรเกี่ยวกับยาอื่นที่คุณกำลังใช้ เช่น ยาควินาพริล (quinapril) ยาซูคราลเฟต (sucralfate) วิตามิน/แร่ธาตุ (รวมถึงอาหารเสริมธาตุเหล็กและสังกะสี) และผลิตภัณฑ์ที่มีแมกนีเซียม อะลูมิเนียม หรือแคลเซียม เช่น ยาลดกรด สารละลายไดดาโนซีน (didanosine solution) อาหารเสริมแคลเซียม
- เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุดควรใช้ยานี้โดยเว้นระยะเวลาให้เท่ากัน เพื่อให้ง่ายต่อการจำควรใช้ยาในเวลาเดียวกันทุกวัน
- ใช้ยานี้อย่างต่อเนื่องจนกว่าจะครบกำหนด แม้ว่าอาการจะหายไปภายในไม่กี่วัน การหยุดใช้ยาเร็วเกินไปอาจทำให้กลับมาติดเชื้ออีกครั้ง
- โปรดแจ้งให้แพทย์ทราบหากอาการของคุณไม่หายไปหรือแย่ลง
การเก็บรักษายาโอฟลอกซาซิน
ยา โอฟลอกซาซิน ควรเก็บที่อุณหภูมิห้อง หลีกเลี่ยงแสงหรือความชื้น เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวยาเกิดความเสียหาย ไม่ควรเก็บยานี้ในห้องน้ำหรือช่องแช่แข็ง ยาโอฟลอกซาซินบางยี่ห้ออาจจะต้องเก็บรักษาแตกต่างกัน จึงควรตรวจสอบฉลากยาหรือสอบถามเภสัชกรเสมอ เพื่อความปลอดภัยโปรดเก็บยาให้ห่างจากมือเด็กและสัตว์เลี้ยง
ไม่ควรทิ้งยาโอฟลอกซาซิน ลงในชักโครก หรือเทลงในท่อระบายน้ำ เว้นแต่ได้รับคำแนะนำให้ทำเช่นนั้น ควรกำจัดยาด้วยวิธีที่ถูก สอบถามเภสัชกรเพิ่มเติม เกี่ยวกับวิธีการกำจัดยาที่ถูกต้อง
ข้อควรระวังและคำเตือน
ข้อควรรู้ก่อนใช้ยาโอฟลอกซาซิน
- ก่อนใช้ โอฟลอกซาซิน แจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบหากคุณแพ้ต่อยานี้ หรือแพ้ต่อยาปฏิชีวนะควิโนโลนอื่นๆ เช่น ยาไซโปรฟลอกซาซิน (ciprofloxacin) ยาเลโวฟลอกซาซิน (levofloxacin) หรือหากคุณเป็นโรคภูมิแพ้อื่นๆ ยานี้อาจมีส่วนประกอบไม่ออกฤทธิ์ที่ทำให้เกิดอาการแพ้หรือปัญหาอื่น โปรดปรึกษาเภสัชกรสำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
- ก่อนใช้ยานี้ แจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบเกี่ยวกับประวัติทางการแพทย์ของคุณ โดยเฉพาะโรคชัก สภาวะที่เพิ่มความเสี่ยงในการเกิดอาการชัก (เช่น อาการบาดเจ็บที่สมองหรือศีรษะ เนื้องอกในสมอง) ปัญหาเกี่ยวกับประสาท เช่น โรคปลายประสาทอักเสบ (peripheral neuropathy) โรคไต โรคตับ ความผิดปกติทางจิตใจหรืออารมณ์ เช่น โรคซึมเศร้า (depression) โรคกล้ามเนื้ออ่อนแรงเอ็มจี (myasthenia gravis) ปัญหาเกี่ยวกับข้อต่อหรือเส้นเอ็น เช่น โรคเอ็นอักเสบ (tendonitis) โรคเบอร์ไซติส (bursitis)
- ยาโอฟลอกซาซินอาจทำให้เกิดสภาวะที่ส่งผลกระทบต่อการเต้นของหัวใจ อย่างระยะคิวทียาวในการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (QT prolongation in the EKG) ในนานๆครั้งอาการระยะคิวทียาวนี้อาจทำให้เกิดอาการหัวใจเต้นเร็วหรือผิดปกติที่รุนแรง (อาจถึงแก่ชีวิต) และอาการอื่นๆ (เช่น วิงเวียนอย่างรุนแรงหรือหมดสติ) และจำเป็นต้องรับการรักษาในทันที
- ความเสี่ยงในการเกิดระยะคิวทียาวนั้นอาจเพิ่มขึ้น หากคุณมีสภาวะหรือใช้ยาที่อาจทำให้เกิดอาการนี้ได้ ก่อนใช้ยาโซทาลอล แจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบเกี่ยวกับยาทั้งหมดที่คุณใช้ และหากคุณมีสภาวะดังต่อไปนี้ ปัญหาเกี่ยวกับหัวใจบางอย่าง เช่น หัวใจล้มเหลว หัวใจเต้นช้า ระยะคิวทียาวในการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (QT prolongation in the EKG) คนในครอบครัวเคยมีปัญหาเกี่ยวกับหัวใจบางอย่าง เช่น ระยะคิวทียาวในการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ หรือหัวใจตายฉับพลัน (sudden cardiac death)
- ระดับของโพแทสเซียมหรือแมกนีเซียมในเลือดต่ำยังอาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดระยะคิวทียาวได้อีกด้วย ความเสี่ยงนี้จะเพิ่มขึ้นหากคุณกำลังใช้ยาบางอย่าง (เช่นยาขับปัสสาวะ/ยาขับน้ำ) หรือหากคุณมีสภาวะ เช่น เหงื่อออกมาก ท้องร่วง หรืออาเจียน ปรึกษากับแพทย์ถึงวิธีการใช้ยานี้อย่างปลอดภัย
- ในนานๆ ครั้งยานี้อาจจะทำให้น้ำตาลในเลือดเกิดการเปลี่ยนแปลงอย่างรุนแรง โดยเฉพาะหากคุณเป็นโรคเบาหวาน ควรตรวจน้ำตาลในเลือดเป็นประจำและแจ้งผลให้แพทย์ทราบ ควรเฝ้าระวังอาการระดับน้ำตาลในเลือดสูง เช่น กระหายน้ำหรือปัสสาวะเพิ่มขึ้น และควรเฝ้าระวังอาการระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ เช่น เหงื่อออก สั่นเทา หัวใจเต้นเร็ว หิว มองเห็นไม่ชัด วิงเวียน หรือเป็นเหน็บที่มือหรือเท้า คุณควรพกน้ำตาลกลูโคสในรูปแบบเม็ดหรือเจลติดตัวไว้เพื่อรักษาอาการน้ำตาลในเลือดต่ำ หากคุณไม่มีแหล่งน้ำตาลกลูโคสที่น่าเชื่อถือสามารถเพิ่มระดับน้ำตาลในเลือดอย่างรวดเร็วได้ด้วยการรับประทานแหล่งของน้ำตาล เช่น น้ำตาลทราย น้ำผึ้ง หรือลูกอม หรือดื่มน้ำผลไม้ หรือน้ำอัดลมแบบปกติ
- โปรดแจ้งให้แพทย์ทราบในทันทีเกี่ยวกับปฏิกิริยาและการใช้ยานี้ เพื่อช่วยป้องกันภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ
- ควรรับประทานอาหารให้ตรงเวลาและอย่างดอาหาร
- แพทย์อาจจะให้คุณเปลี่ยนไปใช้ยาปฏิชีวนะอื่นหรือปรับยาสำหรับโรคเบาหวานของคุณหากเกิดอาการเหล่านี้ขึ้น
- ยานี้อาจทำให้เกิดอาการวิงเวียน อย่าขับรถ ใช้เครื่องจักร หรือทำกิจกรรมที่ต้องการความตื่นตัวจนกว่าคุณจะสามารถทำได้อย่างปลอดภัย และจำกัดปริมาณเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
- ยาโอฟลอกซาซินอาจทำให้วันซีคแบคทีเรียเชื้อเป็น (เช่น วัคซีนไทรอยด์) ทำงานได้ไม่ดี อย่าสร้างภูมิคุ้มกันหรือรับวัคซีน เว้นเสียแต่ว่าแพทย์จะสั่งให้ทำเช่นนั้น
- ยานี้อาจทำให้คุณมีปฏิกิริยาไวต่อแสงอาทิตย์ได้ ควรจำกัดเวลาในการอยู่ใต้แดด หลีกเลี่ยงบูธอาบแดดและโคมไฟแสงอาทิตย์ ควรทาครีมกันแดดและสวมเสื้อผ้าป้องกันเมื่ออยู่นอกบ้าน แจ้งให้แพทย์ทราบในทันทีหากคุณเกิดอาการแดดเผาหรือมีแผลพุพองหรือรอยแดงที่ผิวหนัง
- ก่อนการผ่าตัด แจ้งให้แพทย์หรือทันตแพทย์ทราบเกี่ยวกับยาทั้งหมดที่คุณใช้ (ทั้งยาตามใบสั่งยา ยาที่หาซื้อเอง และสมุนไพรต่างๆ)
- เด็กอาจจะมีปฏิกิริยาไวต่อผลข้างเคียงของยานี้ได้มากกว่า โดยเฉพาะปัญหาเกี่ยวกับข้อต่อหรือเส้นเอ็น
- ผู้สูงอายุอาจจะมีปฏิกิริยาไวต่อผลข้างเคียงของยานี้ได้มากกว่า เช่น ปัญหาเกี่ยวกับเส้นเอ็น โดยเฉพาะหากกำลังใช้ยาคอร์ติโคสเตียรอยด์ (corticosteroids) เช่น ยาเพรดนิโซน (prednisone) หรือยาไฮโดรคอร์ติโซน (hydrocortisone) และภาวะระยะคิวทียาว (อ่านเพิ่มเติมด้านบน)
- ในช่วงขณะการตั้งครรภ์ควรใช้ยานี้เมื่อจำเป็นเท่านั้น โปรดปรึกษาความเสี่ยงและประโยชน์กับแพทย์
- ยังไม่ทราบแน่ชัดว่ายานี้สามารถส่งผ่านเข้าสู่น้ำนมแม่ได้หรือไม่ โปรดปรึกษาแพทย์ก่อนให้นมบุตร
ความปลอดภัยต่อการตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
ยังไม่มีงานวิจัยที่น่าเชื่อถือเกี่ยวกับความเสี่ยงในสตรีที่ใช้ยานี้ในช่วงการตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร โปรดปรึกษาแพทย์เพื่อหาประโยชน์และความเสี่ยงก่อนการใช้ยา
ยาโอฟลอกซาซิน จัดอยู่ในประเภทของยาที่มีความเสี่ยงต่อผู้ตั้งครรภ์ หมวด C โดยองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA)
การจัดประเภทของยาที่มีความเสี่ยงต่อผู้ตั้งครรภ์โดยองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกามีดังนี้
- A= ไม่มีความเสี่ยง
- B= ไม่พบความเสี่ยงในการวิจัยบางชิ้น
- C= อาจจะมีความเสี่ยง
- D= มีหลักฐานแสดงถึงความเสี่ยง
- X= ห้ามใช้
- N= ไม่ทราบแน่ชัด
ผลข้างเคียง
ผลข้างเคียงของการใช้ยาโอฟลอกซาซิน
- อาจเกิดอาการท้องไส้ปั่นป่วน คลื่นไส้ ท้องร่วง ปวดหัว วิงเวียน หน้ามืด หรือนอนไม่หลับ หากอาการเหล่านี้ไม่หายไปหรือรุนแรงขึ้นโปรดแจ้งแพทย์หรือเภสัชกรในทันที
- โปรดจำไว้ว่าการที่แพทย์ให้คุณใช้ยาตัวนี้เนื่องจากคำนวณแล้วว่ายามีประโยชน์มากกว่าเป็นโทษ และคนที่ใช้ยานี้ส่วนใหญ่ไม่พบผลข้างเคียงที่ร้ายแรงใดๆ
- แจ้งให้แพทย์ทราบในทันทีหากเกิดผลข้างเคียงที่รุนแรงดังต่อไปนี้มีรอยช้ำหรือเลือดออกง่าย มีสัญญาณของการติดเชื้อชนิดใหม่ (เช่น เป็นไข้ครั้งใหม่หรือบ่อยครั้ง เจ็บคอบ่อย) สัญญาณของปัญหาเกี่ยวกับไต (เช่น ปริมาณของปัสสาวะเปลี่ยนแปลง) สัญญาณของปัญหาเกี่ยวกับตับ (เช่น เหนื่อยล้าผิดปกติ ปวดท้อง คลื่นไส้อาเจียนบ่อย ดวงตาหรือผิวหนังเป็นสีเหลือง ปัสสาวะสีคล้ำ)
- รับการรักษาในทันทีหากเกิดผลข้างเคียงที่รุนแรงมากดังต่อไปนี้ การได้ยินเปลี่ยนแปลง ไม่มั่นคง วิงเวียนอย่างรุนแรง หมดสติ หัวใจเต้นเร็วหรือผิดปกติ
- ในนานๆ ครั้งยานี้อาจทำให้เกิดสภาวะลำไส้ที่รุนแรง เช่น อาการท้องร่วงที่เกี่ยวข้องกับคลอสทริเดียม ดิฟิซายล์ (Clostridium difficile-associated diarrhea) เนื่องจากเชื้อแบคทีเรียดื้อยาบางอย่าง สภาวะนี้สามารถเกิดได้ระหว่างการรักษาหรือเป็นสัปดาห์จนถึงเดือนหลังจากหยุดการรักษา โปรดแจ้งให้แพทย์ทราบในทันทีหากคุณมีอาการดังต่อไปนี้ ท้องร่วงบ่อยครั้ง ปวดท้อง มีเลือดหรือเสมหะในอุจจาระ
- อย่าใช้ยาแก้ท้องเสียหรือยาแก้ปวดแบบเสพติด (narcotic pain medications) หากเกิดอาการดังกล่าวเนื่องจากอาจทำให้อาการรุนแรงขึ้น
- การใช้ยานี้เป็นเวลานานหรือใช้เป็นรอบซ้ำๆ อาจทำให้เกิดการติดเชื้อราในช่องปากหรือการติดเชื้อยีสต์ ติดต่อแพทย์หากคุณสังเกตเห็นรอยสีขาวภายในปาก มีความเปลี่ยนแปลงของสารคัดหลั่งจากช่องคลอด หรือมีอาการใหม่อื่นๆ
- การแพ้ยาที่รุนแรงต่อยานี้ ค่อนข้างเกิดขึ้นได้ยาก แต่จำเป็นต้องได้รับการรักษาที่ทันท่วงที อาการของการแพ้รุนแรงมีดังนี้ ผดผื่น คันหรือบวม (โดยเฉพาะบริเวณใบหน้า ลิ้น และลำคอ) วิงเวียนขั้นรุนแรง หายใจติดขัด
- อาการเหล่านี้ไม่ใช่ผลข้างเคียงทั้งหมดที่อาจเกิดขึ้น หากคุณสังเกตเห็นอาการอื่นๆ นอกเหนือจากด้านบนโปรดติดต่อแพทย์หรือเภสัชกร
- ไม่ใช่ทุกคนจะพบกับผลข้างเคียงเหล่านี้อาจจะมีอาการอย่างอื่นนอกเหนือจากที่กล่าวมาข้างต้น ถ้าคุณมีข้อสงสัยใดๆ เกี่ยวกับผลข้างเคียง โปรดปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกร
ปฏิกิริยาของยา
ปฏิกิริยากับยาอื่น
- ยาที่อาจจะมีปฏิกิริยากับยานี้ได้แก่ยาเจือจางเลือด เช่น ยาอะซีโนคูมารอล (acenocoumarol) ยาวาฟาริน (warfarin) ยาสตรอนเทียม (strontium)
- ยาจำนวนมากนอกเหนือจากยาโอฟลอกซาซินที่สามารถส่งผลกระทบต่อการเต้นของหัวใจได้ (ภาวะระยะคิวทียาว) ทั้งโดฟีทิไลด์ (dofetilide) ยาโพรคาอินาไมด์ (procainamide) ยาอะมิดาโรน (amiodarone) ยาควินิดีน (quinidine) ยาโซทาลอล (sotalol) และอื่นๆ
- แม้ว่ายาปฏิชีวนะส่วนใหญ่มักจะไม่ส่งผลกระทบต่อการคุมกำเนิดด้วยฮอร์โมน เช่น ยาคุม แผ่นคุมกำเนิด หรือห่วงคุมกำเนิด ยาปฏิชีวนะจำนวนหนึ่ง เช่น ยาไรแฟมพิน (rifampin) หรือยาไรฟาบูติน (rifabutin) อาจลดประสิทธิภาพของการคุมกำเนิดได้และส่งผลให้เกิดการตั้งครรภ์ หากคุณกำลังคุมกำเนิดด้วยการใช้ฮอร์โมน โปรดสอบถามแพทย์หรือเภสัชกรสำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
- ยาโอฟลอกซาซินนั้นคล้ายกับยาเลโวฟลอกซาซิน (levofloxacin) อย่างมาก อย่าใช้ยาที่มีส่วนผสมของยาเลโวฟลอกซาซินขณะที่กำลังใช้ยานี้
- ยานี้อาจส่งผลกระทบต่อผลการตรวจในห้องแล็บบางชนิด เช่น การตรวจคัดกรองสารโอปิเอต (opiates) ภายในปัสสาวะ และอาจทำให้ผลตรวจเป็นเท็จได้ โปรดแจ้งบุคลากรในห้องแล็บและแพทย์ของคุณทุกคนให้ทราบว่าคุณกำลังใช้ยานี้
ยาโอฟลอกซาซินอาจเกิดปฏิกิริยากับยาอื่นที่คุณกำลังใช้อยู่ ซึ่งอาจส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียง เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น คุณควรจะบอกแพทย์หรือเภสัชกรของคุณว่า คุณกำลังใช้ยาอะไรอยู่บ้าง (ทั้งยาตามใบสั่งแพทย์ ยาที่ซื้อได้เอง และสมุนไพรต่างๆ) เพื่อความปลอดภัย โปรดอย่าเริ่ม หยุด หรือเปลี่ยนขนาดยาใดๆ โดยไม่ได้รับความเห็นชอบจากแพทย์
ปฏิกิริยากับอาหารหรือแอลกอฮอล์
ยาโอฟลอกซาซิน อาจมีปฏิกิริยากับอาหารหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียง โปรดปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอ
ปฏิกิริยากับอาการโรคอื่น
ยาโอฟลอกซาซิน อาจส่งผลให้อาการโรคของคุณแย่ลง หรือส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา โปรดแจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบถึงสภาวะโรคของคุณก่อนใช้ยาเสมอ
ขนาดยา
ข้อมูลในที่นี้ไม่มีเจตนาให้ใช้ทดแทนคำแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกรทุกครั้งเพื่อรับทราบข้อมูลเพิ่มเติม
ขนาดยาโอฟลอกซาซินสำหรับผู้ใหญ่
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาโรคหลอดลมอักเสบ (Bronchitis)
- 400 มก. รับประทานทุกๆ 12 ชั่วโมง เป็นเวลา 10 วัน
คำแนะนำ
- เนื่องจากยาฟลูออโรควิโนโลน (fluoroquinolones) รวมถึงยานี้นั้นมีความเกี่ยวข้องกับผลข้างเคียงที่รุนแรงและผู้ป่วยโรคหลอดลมอักเสบเรื้อรังที่มีอาการกำเริบเฉียบพลันจะเป็นข้อจำกัดของตัวเองในผู้ป่วยบางราย ยานี้ควรเก็บไว้ใช้รักษาผู้ป่วยโรคหลอดลมอักเสบเรื้อรังที่มีอาการกำเริบเฉียบพลันที่ไม่มีทางเลือกในการรักษาอื่น
- การใช้งาน เพื่อรักษาผู้ป่วยโรคหลอดลมอักเสบเรื้อรังที่มีอาการกำเริบเฉียบพลันเนื่องจากเชื้อฮีโมฟิลุส อินฟลูเอนซา (Haemophilus influenzae) หรือเชื้อเสตร็ปโทโคคัส นิวโมเนีย (Streptococcus pneumoniae)
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาโรคปอดบวม (Pneumonia)
- 400 มก. รับประทานทุกๆ 12 ชั่วโมง เป็นเวลา 10 วัน
- เพื่อรักษาโรคปอดบวมในชุมชนเนื่องจากเชื้อฮีโมฟิลุส อินฟลูเอนซาหรือเชื้อเสตร็ปโทโคคัส นิวโมเนีย เพื่อรักษาการติดเชื้อที่ผิวหนังและโครงสร้างผิวหนังเนื่องจากเชื้อสแตปฟิโลคอคคัส ออเรียสที่มีปฏิกิริยาไวต่อยาเมทิซิลลิน (methicillin-susceptible Staphylococcus aureus) เชื้อเสตร็ปโทโคคัส ไพออจินี (S pyogenes) หรือเชื้อโพเทียส มิราบิลิส (Proteus mirabilis)
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาการติดเชื้อที่ผิวหนังและโครงสร้างผิว
- 400 มก. รับประทานทุกๆ 12 ชั่วโมง เป็นเวลา 10 วัน
- เพื่อรักษาโรคปอดบวมในชุมชนเนื่องจากเชื้อฮีโมฟิลุส อินฟลูเอนซาหรือเชื้อเสตร็ปโทโคคัส นิวโมเนีย เพื่อรักษาการติดเชื้อที่ผิวหนังและโครงสร้างผิวหนังเนื่องจากเชื้อสแตปฟิโลคอคคัส ออเรียสที่มีปฏิกิริยาไวต่อยาเมทิซิลลิน เชื้อเสตร็ปโทโคคัส ไพออจินี หรือเชื้อโพเทียส มิราบิลิส
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาโรคหนองในแท้ (Gonococcal Infection) – ไม่ซับซ้อน
- 400 มก. รับประทานหนึ่งครั้ง
- การใช้งาน เพื่อรักษาโรคหนองในแท้ที่บริเวณท่อปัสสาวะและปากมดลูกเฉียบพลันแบบไม่ซับซ้อนเนื่องจากเชื้อเนอิสซีเรีย โกโนเรีย (Neisseria gonorrhoeae)
คำแนะนำจากศูนย์ควบคุมโรคติดต่อแห่งอเมริกา (US CDC recommendations)
- เนื่องจากอัตราในการดื้อยาสูงจึงไม่แนะนำให้ใช้ยาฟลูออโรควิโนโลนในการรักษาโรคหนองในแท้ในอเมริกา แนะนำวิธีการรักษาด้วยยาเซฟไตรอะโซน (ceftriaxone) และยาอะซิโธรไมซิน (azithromycin) เพื่อรักษาโรคหนองในแท้ในอเมริกา
- ควรเฝ้าสังเกตรูปแบบความไวต่อยาปฏิชีวนะ (Antimicrobial susceptibility)
- คู่นอนของผู้ป่วยก็ควรทำการตรวจ/รักษาด้วยเช่นกัน
- ควรศึกษาแนวทางในปัจจุบันสำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาโรคหนองในเทียม (Nongonococcal Urethritis)
- 300 มก. รับประทานทุกๆ 12 ชั่วโมง เป็นเวลา 7 วัน
- การใช้งาน เพื่อรักษาโรคหนองในเทียมเนื่องจากเชื้อคลามายเดียแทรโคมาทิส (Chlamydia trachomatis) เพื่อรักษาการติดเชื้อผสมทั้งปาดมดลูกและท่อปัสสาวะเนื่องจากเชื้อคลามายเดียแทรโคมาทิสและเชื้อเนอิสซีเรีย โกโนเรีย
คำแนะนำจากศูนย์ควบคุมโรคติดต่อแห่งอเมริกา 300 มก. รับประทานวันละสองครั้ง เป็นเวลา 7 วัน
คำแนะนำ
- เป็นอีกทางเลือกที่แนะนำสำหรับการรักษาโรคหนองในเทียมและการติดเชื้อคลามายเดีย
- เนื่องจากอัตราในการดื้อยาสูงจึงไม่แนะนำให้ใช้ยาฟลูออโรควิโนโลนในการรักษาโรคหนองในแท้ในอเมริกา แนะนำวิธีการรักษาด้วยยาเซฟไตรอะโซน และยาอะซิโธรไมซิน เพื่อรักษาโรคหนองในแท้ในอเมริกา
- ควรเฝ้าสังเกตรูปแบบความไวต่อยาปฏิชีวนะ
- คู่นอนของผู้ป่วยก็ควรทำการตรวจ/รักษาด้วยเช่นกัน
- ควรศึกษาแนวทางในปัจจุบันสำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาการติดเชื้อคลามายเดีย (Chlamydia Infection)
- 300 มก. รับประทานทุกๆ 12 ชั่วโมง เป็นเวลา 7 วัน
- การใช้งาน เพื่อรักษาโรคหนองในเทียมเนื่องจากเชื้อคลามายเดียแทรโคมาทิสเพื่อรักษาการติดเชื้อผสมทั้งปาดมดลูกและท่อปัสสาวะเนื่องจากเชื้อคลามายเดียแทรโคมาทิสและเชื้อเนอิสซีเรีย โกโนเรีย
คำแนะนำจากศูนย์ควบคุมโรคติดต่อแห่งอเมริกา 300 มก. รับประทานวันละสองครั้ง เป็นเวลา 7 วัน
คำแนะนำ
- เป็นอีกทางเลือกที่แนะนำสำหรับการรักษาโรคหนองในเทียมและการติดเชื้อคลามายเดีย
- เนื่องจากอัตราในการดื้อยาสูงจึงไม่แนะนำให้ใช้ยาฟลูออโรควิโนโลนในการรักษาโรคหนองในแท้ในอเมริกา แนะนำวิธีการรักษาด้วยยาเซฟไตรอะโซน และยาอะซิโธรไมซิน เพื่อรักษาโรคหนองในแท้ในอเมริกา
- ควรเฝ้าสังเกตรูปแบบความไวต่อยาปฏิชีวนะ
- คู่นอนของผู้ป่วยก็ควรทำการตรวจ/รักษาด้วยเช่นกัน
- ควรศึกษาแนวทางในปัจจุบันสำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาโรคปากมดลูกอักเสบ (Cervicitis)
- 300 มก. รับประทานทุกๆ 12 ชั่วโมง เป็นเวลา 7 วัน
- การใช้งาน เพื่อรักษาโรคหนองในเทียมเนื่องจากเชื้อคลามายเดียแทรโคมาทิสเพื่อรักษาการติดเชื้อผสมทั้งปาดมดลูกและท่อปัสสาวะเนื่องจากเชื้อคลามายเดียแทรโคมาทิสและเชื้อเนอิสซีเรีย โกโนเรีย
คำแนะนำจากศูนย์ควบคุมโรคติดต่อแห่งอเมริกา 300 มก. รับประทานวันละสองครั้ง เป็นเวลา 7 วัน
คำแนะนำ
- เป็นอีกทางเลือกที่แนะนำสำหรับการรักษาโรคหนองในเทียมและการติดเชื้อคลามายเดีย
- เนื่องจากอัตราในการดื้อยาสูงจึงไม่แนะนำให้ใช้ยาฟลูออโรควิโนโลนในการรักษาโรคหนองในแท้ในอเมริกา แนะนำวิธีการรักษาด้วยยาเซฟไตรอะโซน และยาอะซิโธรไมซิน เพื่อรักษาโรคหนองในแท้ในอเมริกา
- ควรเฝ้าสังเกตรูปแบบความไวต่อยาปฏิชีวนะ
- คู่นอนของผู้ป่วยก็ควรทำการตรวจ/รักษาด้วยเช่นกัน
- ควรศึกษาแนวทางในปัจจุบันสำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาโรคอุ้งเชิงกรานอักเสบ (Pelvic Inflammatory Disease)
- 400 มก. รับประทานทุกๆ 12 ชั่วโมง เป็นเวลา 10 ถึง 14 วัน
คำแนะนำ
- หากคาดว่าจะติดเชื้อก่อโรครวมถึงจุลินทรีย์ที่ไม่ต้องการอากาศ (anaerobic microorganisms) ควรใช้วิธีการรักษาที่เหมาะสมกับจุลินทรีย์ที่ไม่ต้องการอากาศ
- การใช้งาน เพื่อรักษาโรคอุ้งเชิงกรานอักเสบ (รวมถึงการติดเชื้อที่รุนแรง) เนื่องจากเชื้อคลามายเดียแทรโคมาทิส และ/หรือเชื้อเนอิสซีเรีย โกโนเรีย
คำแนะนำจากศูนย์ควบคุมโรคติดต่อแห่งอเมริกา 400 มก. รับประทานวันละสองครั้งเป็นเวลา 14 วัน
คำแนะนำ
- เป็นอีกทางเลือกแนะนำสำหรับการรักษาโรคอุ้งเชิงกรานอักเสบระดับเบาจนถึงรุนแรงปานกลาง
- เนื่องจากอัตราในการดื้อยาสูงจึงไม่แนะนำให้ใช้ยาฟลูออโรควิโนโลนในการรักษาการติดเชื้อโกโนเรียในอเมริกา ดังนั้นจึงไม่แนะนำให้ใช้สูตรยาที่มียาควิโรโลนสำหรับการรักษาโรคอุ้งเชิงกรานอักเสบ
- หากไม่สามารถรักาาด้วยการใช้ยาต้านจุลชีพกลุ่มเซฟาโลสปอริน (parenteral cephalosporin therapy) สามารถพิจารณาการใช้ยานี้ ร่วมกับยาเมโทรนิดาโซล (metronidazole) หากความชุกของโรคในชุมชนและปัจจัยเสี่ยงในการติดเชื้อโกโนเรียส่วนบุคคลนั้นต่ำ
- ก่อนการรักษา ควรตรวจหาเชื้อโกโนเรีย หากผลการตรวจพบเชื้อเนอิสซีเรีย โกโนเรียที่ดื้อต่อยาควิโนโลนและไม่สามารถรักษาด้วยยาเซฟาโลสปอริน (cephalosporin) ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการติดเชื้อ
- คู่นอนของผู้ป่วยก็ควรทำการตรวจ/รักษาด้วยเช่นกัน
- ควรศึกษาแนวทางในปัจจุบันสำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ (Cystitis)
- 200 มก. รับประทานทุกๆ 12 ชั่วโมง
ระยะเวลาการรักษา
- สำหรับการรักษาการติดเชื้อเอสเชอริเชีย โคไล (Escherichia coli) หรือเชื้อเคล็บซีเอลลา นิวโมเนีย (Klebsiella pneumoniae) 3 วัน
- สำหรับการติดเชื้ออื่นๆ 7 วัน
คำแนะนำ
- เนื่องจากยาฟลูออโรควิโนโลน (รวมถึงยานี้) ที่มีความเกี่ยวข้องกับผลข้างเคียงที่รุนแรงและโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบแบบไม่ซับซ้อนนั้นเป็นข้อจำกัดของตัวเองในผู้ป่วยบางราย ยานี้ควรเก็บไว้ใช้รักษาผู้ป่วยโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบแบบไม่ซับซ้อนที่ไม่มีทางเลือกในการรักษาอื่น
- การใช้งาน เพื่อรักษาโรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบแบบไม่ซับซ้อนเนื่องจากเชื้อไซโตรแบคเตอร์ ไดเวอซัส (Citrobacter diversus) เชื้อเอนเทอโรแบคเตอร์ แอโรจีเนส (Enterobacter aerogenes) เชื้ออีโคไล เชื้อเคล็บซีเอลลา นิวโมเนีย เชื้อโพเทียส มิราบิลิส หรือเชื้อซูโดโมนาส แอรูกิโนซา (Pseudomonas aeruginosa)
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะ
- 200 มก. รับประทานทุกๆ 12 ชั่วโมง เป็นเวลา 10 วัน
- การใช้งาน เพื่อรักษาการติดเชื้อในระบบทางเดินปัสสาวะที่ซับซ้อนเนื่องจากเชื้ออีโคไล เชื้อเคล็บซีเอลลา นิวโมเนีย เชื้อโพเทียส มิราบิลิส เชื้อไซโตรแบคเตอร์ ไดเวอซัส หรือ เชื้อซูโดโมนาส แอรูกิโนซา
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาโรคต่อมลูกหมากอักเสบ (Prostatitis)
- 300 มก. รับประทานทุกๆ 12 ชั่วโมง เป็นเวลา 6 สัปดาห์
- การใช้งาน เพื่อรักษาโรคต่อมลูกหมากอักเสบเนื่องจากเชื้ออีโคไล
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาโรคอัณฑะอักเสบ (Epididymitis) – ไม่เฉพาะเจาะจง
คำแนะนำจากศูนย์ควบคุมโรคติดต่อแห่งอเมริกา 300 มก. รับประทานวันละสองครั้ง เป็นเวลา 10 วัน
คำแนะนำ
- สูตรยาที่แนะนำสำหรับการรักษาโรคอัณฑะอักเสบเฉียบพลันที่มักจะเกิดจากเชื้อโรคในลำไส้
- สูตรการใช้ยาร่วมกับยาเซฟไตรอะโซน (ceftriaxone) เป็นสูตรยาที่แนะนำสำหรับการรักษาโรคอัณฑะอักเสบเฉียบพลันที่มักจะเกิดจากเชื้อคลามายเดียและเชื้อในลำไส้ที่ถ่ายทอดทางเพศสัมพันธ์ (เพศชายที่ร่วมเพศทางทวารหนัก)
- เนื่องจากอัตราในการดื้อยาสูงจึงไม่แนะนำให้ใช้ยาฟลูออโรควิโนโลนในการรักษาการติดเชื้อโกโนเรีย ควรจะพิจารณาการใช้ยานี้ต่อเมื่อการจิดเชื้อนั้นน่าจะเกิดจากเชื้อในลำไส้และผลการตรวจออกมาแล้วว่าไม่ใช่ติดเชื้อโกโนเรีย
- ผู้ป่วยทุกรายควรได้รับการตรวจหาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ (รวมถึงการติดเชื้อเอชไอวี)
- คู่นอนของผู้ป่วยก็ควรทำการตรวจ/รักษาด้วยเช่นกัน
- ควรศึกษาแนวทางในปัจจุบันสำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาโรคอัณฑะอักเสบ – โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
คำแนะนำจากศูนย์ควบคุมโรคติดต่อแห่งอเมริกา 300 มก. รับประทานวันละสองครั้ง เป็นเวลา 10 วัน
คำแนะนำ
- สูตรยาที่แนะนำสำหรับการรักษาโรคอัณฑะอักเสบเฉียบพลันที่มักจะเกิดจากเชื้อโรคในลำไส้
- สูตรการใช้ยาร่วมกับยาเซฟไตรอะโซน (ceftriaxone) เป็นสูตรยาที่แนะนำสำหรับการรักษาโรคอัณฑะอักเสบเฉียบพลันที่มักจะเกิดจากเชื้อคลามายเดียและเชื้อในลำไส้ที่ถ่ายทอดทางเพศสัมพันธ์ (เพศชายที่ร่วมเพศทางทวารหนัก)
- เนื่องจากอัตราในการดื้อยาสูงจึงไม่แนะนำให้ใช้ยาฟลูออโรควิโนโลนในการรักษาการติดเชื้อโกโนเรีย ควรจะพิจารณาการใช้ยานี้ต่อเมื่อการจิดเชื้อนั้นน่าจะเกิดจากเชื้อในลำไส้และผลการตรวจออกมาแล้วว่าไม่ใช่ติดเชื้อโกโนเรีย
- ผู้ป่วยทุกรายควรได้รับการตรวจหาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่นๆ (รวมถึงการติดเชื้อเอชไอวี)
- คู่นอนของผู้ป่วยก็ควรทำการตรวจ/รักษาด้วยเช่นกัน
- ควรศึกษาแนวทางในปัจจุบันสำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาโรคกรวยไตอักเสบ (Pyelonephritis)
คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญบางราย 200 ถึง 400 มก. รับประทานทุกๆ 12 ชั่วโมง เป็นเวลา 7 ถึง 14 วัน
คำแนะนำ
- แนะนำสำหรับการรักษาแบบครอบคลุมเชื้ออย่างกว้างๆ (empiric therapy) สำหรับโรคกรวยไตอักเสบเฉียบพลันแบบไม่ซับซ้อน
- ควรศึกษาแนวทางในปัจจุบันสำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาโรคบิดไม่มีตัว (Shigellosis)
คำแนะนำจากสมาคมโรคติดเชื้อแห่งอเมริกา (IDSA) 300 มก. รับประทานวันละสองครั้ง
ระยะเวลาการรักษา
- ผู้ป่วยที่ไม่มีภูมิคุ้มกัน 3 วัน
- ผู้ป่วยที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง 7 ถึง 10 วัน (เชื้อสกุลชิเกลลา) 3 วัน (เชื้ออื่นๆ)
คำแนะนำ
- แนะนำสำหรับการติดเชื้อสกุลชิเกลลา เชื้อสกุลอีโคไล เช่นเอนเทอโรท็อกซิเจนิก (enterotoxigenic) เอนเทอโรพาโทเจนิก (enteropathogenic) หรือเอนเทอโรอินวาซีพ (enteroinvasive) เชื้อแอโรโมแนส (Aeromonas) เชื้อ เพลสสิโอโมแนส (Plesiomonas)
- ควรศึกษาแนวทางในปัจจุบันสำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาโรคท้องร่วงจากการติดเชื้อ
คำแนะนำจากสมาคมโรคติดเชื้อแห่งอเมริกา 300 มก. รับประทานวันละสองครั้ง
ระยะเวลาการรักษา
- ผู้ป่วยที่ไม่มีภูมิคุ้มกัน 3 วัน
- ผู้ป่วยที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง 7 ถึง 10 วัน (เชื้อสกุลชิเกลลา) 3 วัน (เชื้ออื่นๆ)
คำแนะนำ
- แนะนำสำหรับการติดเชื้อสกุลชิเกลลา เชื้อสกุลอีโคไล เช่นเอนเทอโรท็อกซิเจนิก เอนเทอโรพาโทเจนิก หรือเอนเทอโรอินวาซีพ เชื้อแอโรโมแนส เชื้อเพลสสิโอโมแนส
- ควรศึกษาแนวทางในปัจจุบันสำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาโรคไข้เอนเทอริคจากเชื้อซาลโมเนลลา (Salmonella Enteric Fever)
คำแนะนำจากสมาคมโรคติดเชื้อแห่งอเมริกา 300 มก. รับประทานวันละสองครั้ง
ระยะเวลาการรักษา
- ผู้ป่วยที่ไม่มีภูมิคุ้มกัน 5 ถึง 7 วัน
- ผู้ป่วยที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง 14 วัน (หรือนานกว่านั้นหากอาการกำเริบ)
คำแนะนำ
- แนะนำสำหรับการติดเชื้อซาลโมเนลลาชนิดไม่ใช่ไทฟอยด์ (non-typhi species) หากมีอาการรุนแรง ผู้ป่วยมีอายุมากกว่า 50 ปี หรือผู้ป่วยที่ใช้อวัยวะเทียม เป็นโรคหลอดเลือดหัวใจ ภาวะหลอดเลือดแข็ง โรคมะเร็ง หรือโรคยูรีเมีย (uremia) ระดับรุนแรง
- ควรศึกษาแนวทางในปัจจุบันสำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาโรคกระเพาะอาหารและลำไส้เล็กอักเสบจากเชื้อซาลโมเนลลา (Salmonella Gastroenteritis)
คำแนะนำจากสมาคมโรคติดเชื้อแห่งอเมริกา 300 มก. รับประทานวันละสองครั้ง
ระยะเวลาการรักษา
- ผู้ป่วยที่ไม่มีภูมิคุ้มกัน 5 ถึง 7 วัน
- ผู้ป่วยที่มีภาวะภูมิคุ้มกันบกพร่อง 14 วัน (หรือนานกว่านั้นหากอาการกำเริบ)
คำแนะนำ
- แนะนำสำหรับการติดเชื้อซาลโมเนลลาชนิดไม่ใช่ไทฟอยด์ หากมีอาการรุนแรง ผู้ป่วยมีอายุมากกว่า 50 ปี หรือผู้ป่วยที่ใช้อวัยวะเทียม เป็นโรคหลอดเลือดหัวใจ ภาวะหลอดเลือดแข็ง โรคมะเร็ง หรือโรคยูรีเมียระดับรุนแรง
- ควรศึกษาแนวทางในปัจจุบันสำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาโรคท้องร่วงจากการท่องเที่ยว (Traveler’s Diarrhea)
- คำแนะนำจากสมาคมโรคติดเชื้อแห่งอเมริกา 200 มก. รับประทานวันละสองครั้ง
- ระยะเวลาการรักษา 24 ชั่วโมง ถึง 3 วัน
คำแนะนำ
- นักท่องเที่ยวควรรับการรักษา 3 วันและควรทำการประเมินตนเองอีกครั้งหลังจากผ่านไป 24 ชั่วโมง หากอาการยังไม่หายไปหลังจากผ่านไป 24 ชั่วโมง ผู้ป่วยควรรักษาต่อไปจนกว่าจะหายดีหรือจนครบ 3 วัน
- ควรศึกษาแนวทางในปัจจุบันสำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
การปรับขนาดยาสำหรับไต
- ค่าครีอะตินีนเคลียรานซ์ (CrCl) 20 ถึง 50 มล./นาที หลังจากให้ยาเริ่มต้นในขนาดปกติแล้ว มักจะแนะนำให้ใช้ยาทุกๆ 24 ชั่วโมง
- ค่าครีอะตินีนเคลียรานซ์น้อยกว่า 20 มล./นาที หลังจากให้ยาเริ่มต้นในขนาดปกติแล้ว มักจะแนะนำให้ใช้ยาในขนาดครึ่งหนึ่งของขนาดปกติทุกๆ 24 ชั่วโมง
คำแนะนำ
- ควรใช้ยาด้วยความระมัดระวังในผู้ป่วยไตบกพร่อง
- ควรเฝ้าระวังทางการแพทย์อย่างใกล้ชิดและทำการตรวจในห้องแล็บอย่างเหมาะสมก่อนและขณะรับการรักษา
การปรับขนาดยาสำหรับตับ
ตับบกพร่องขั้นรุนแรง (เช่นโรคตแข็งโดยมีหรือไม่มีน้ำในช่องท้อง) ขนาดยาสูงสุดไม่ควรเกิน 400 มก./วัน
คำแนะนำ
- ควรใช้ยาด้วยความระมัดระวังกับผู้ป่วยตับบกพร่อง
- ควรเฝ้าระวังทางการแพทย์อย่างใกล้ชิดและทำการตรวจในห้องแล็บอย่างเหมาะสมก่อนและขณะรับการรักษา
คำแนะนำอื่นๆ
คำแนะนำการใช้ยา
- สามารถใช้ยาได้โดยไม่ต้องคำนึงถึงอาหาร
- รับประทานยาอย่างน้อย 2 ชั่วโมงก่อนหรือ 2 ชั่วโมงหลังจากใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของธาตุเหล็ก สังกะสี แคลเซียม อะลูมิเนียม หรือแมกนีเซียม เช่นยาลดกรด ยาซูคราลเฟต (sucralfate) อาหารเสิรมแร่ธาตุ/วิตามินรวม บัฟเฟอร์เร็ดไดดาโนซีน (buffered didanosine)
- บริโภคน้ำให้เพียงพอเพื่อป้องกันไม่ให้ปัสสาวะเข้มข้นสูง
การเก็บรักษา
- เก็บไว้ที่อุณหภูมิ 20 ถึง 25 องศาเซลเซียส (68 ถึง 77 ฟาเรนไฮต์) ในขวดที่ปิดแน่นสนิท
คำแนะนำทั่วไป
- ยานี้มีข้อบ่งใช้เพื่อรักษาผู้ใหญ่ที่มีการติดเชื้อระดับเบาจนถึงปานกลาง (เว้นเสียแต่ว่าจะมีข้อบ่งใช้อื่นๆ) เนื่องจากเชื้อแบคทีเรียสายพันธ์ุที่มีปฏิกิริยาไว
- ควรพิจารณาผลการเพาะเชื้อและข้อมูลปฎิกิริยาตอบรับไวเมื่อเลือกหรือปรับการรักษาต้านแบคทีเรีย หรือหากไม่มีข้อมูลอาจพิจารณาการระบาดของโรคในชุมชนและรูปแบบปฏิกิริยาตอบรับไวเมื่อเลือกการรักษาแบบครอบคลุมอย่างกว้างๆ
- ควรทำการเพาะเชื้อและตรวจความมีปฎิกิริยาตอบรับไวก่อนเริ่มต้นการรักษาเพื่อแยกและบ่งชี้เชื้อโรคและเพื่อพิสูจน์ความมีปฏิกิริยาไวต่อยานี้ ควรเริ่มต้นการรักษาก่อนทราบผล และควรรักษาอย่างเหมาะสมต่อไปเมื่อทราบผลแล้ว
- เชื้อซูโดโมนาส แอรูกิโนซาบางสายพันธุ์อาจจะดื้อยาได้อย่างรวดเร็วขณะรับการรักษา
การเฝ้าระวัง
- เลือด การทำงานของระบบอวัยวะ รวมถึงเซลล์ต้นกำเนิดเม็ดเลือด (เป็นระยะๆ ระหว่างการรักษาในระยะยาว)
- ตับ การทำงานของระบบอวัยวะ รวมถึงตับ (เป็นระยะๆ ระหว่างการรักษาในระยะยาว)
- การติดเชื้อ/การระบาด การเพาะเชื้อและความมีปฏิกิริยาไว (เป็นระยะๆ ระหว่างการรักษาในระยะยาว)
- ระบบเผาผลาญ น้ำตาลกลูโคสในเลือดสำหรับผู้ป่วยโรคเบาหวาน
- ไต การทำงานของระบบอวัยวะ รวมถึงไต (เป็นระยะๆ ระหว่างการรักษาในระยะยาว)
คำแนะนำผู้ป่วย
- ควรอ่านคู่มือการใช้ยาที่ได้รับการยอมรับจากองค์การอาหารและยาแห่งอเมริกา
- ดื่มน้ำให้มาก
- อย่าลืมใช้ยาและรักษาจนครบกำหนด
- หลีกเลี่ยงหรือลดการเปิดรับแสงแดดทั้งจากธรรมชาติและแสงเทียม ควรป้องกันตนเองจากแสงแดดหากไม่สามารถหลีกเลี่ยงแสงแดดได้ (เช่น สวมเสื้อผ้าป้องกันหรือทาครีมกันแดด) โปรดปรึกษาแพทย์หากมีอาการคล้ายกับแดดเผาหรือผื่นผิวหนัง
- อย่าขับรถ ใช้เครื่องจักร หรือทำกิจกรรมที่ต้องการความตื่นตัวหรือการเคลื่อนไหวที่สอดประสานจนกว่าคุณจะทราบว่ายาส่งผลต่อคุณอย่างไร
- หยุดใช้ยาและติดต่อแพทย์ในทันทีหากมีผลข้างเคียงที่รุนแรงเกิดขึ้น
- หยุดใช้ยานี้และติดต่อแพทย์หากมีอาการปวด บวม หรือกดเจ็บที่เส้นเอ็นหรือหากคุณมีอาการอ่อนแรงหรือไม่สามารถใช้ข้อต่อข้อหนึ่งได้ ควรพักผ่อนและอย่าออกกำลังกาย
- หยุดใช้ยานี้ในทันทีและติดต่อแพทย์หากมีอาการปลายประสาทอักเสบเกิดขึ้น
- ติดต่อแพทย์ในทันทีหากมีอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรงรุนแรงขึ้นหรือทางเดินหายในมีปัญหา หรือหากมีอาการท้องร่วงเหลวเป็นน้ำหรือเป็นเลือด โปรดติดต่อแพทย์หากคุณมีอาการปวดหัวไม่ยอมหาย (โดยมีหรือไม่มีอาการมองเห็นไม่ชัด) หรือสัญญาณ/อาการของการบาดเจ็บที่ตับ
- หยุดใช้ยานี้ในทันทีหากมีอาการผื่นหรืออาการแพ้อื่นๆ
ขนาดยาโอฟลอกซาซิน สำหรับเด็ก
ยังไม่มีการพิสูจน์ความความปลอดภัยและประสิทธิภาพของขนาดยานี้สำหรับผู้ป่วยเด็ก ยานี้อาจเป็นอันตรายต่อเด็กได้ ดังนั้นจึงควรทำความเข้าใจกับความปลอดภัยของยาก่อนการใช้ยา สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมโปรดติดต่อกับแพทย์หรือเภสัชกร
รูปแบบของยา
ขนาดและรูปแบบของยามีดังนี้
- ยาเม็ดสำหรับรับประทาน
- ยาสารละลายสำหรับฉีดเข้าหลอดเลือดดำ
กรณีฉุกเฉินหรือใช้ยาเกินขนาด
หากเกิดเหตุฉุกเฉินหรือใช้ยาเกินขนาด ควรแจ้งเหตุฉุกเฉินหรือนำส่งห้องฉุกเฉินใกล้บ้านโดยทันที
กรณีลืมใช้ยา
หากคุณลืมใช้ยาควรรีบใช้ในทันทีที่นึกได้ หรือถ้าหากใกล้ถึงเวลาใช้ยาครั้งต่อไป ให้ข้ามรอบไปใช้ยาตามตารางปกติได้เลย ไม่ควรเพิ่มปริมาณยา
Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำทางการแพทย์ การวินิจฉัยโรคหรือการรักษาโรคแต่อย่างใด
Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด