ควรพบคุณหมอเมื่อไหร่
หากมีอาการแพนิคควรพบคุณหมอทันที เพราะหากอาการเกิดขึ้นอาจส่งผลเสียต่อสภาพจิตใจและการดำเนินชีวิตในระยะยาว ซึ่งอาการแพนิคนั้นเป็นอาการที่ยากต่อการจัดการได้ด้วยตนเอง จึงจำเป็นที่จะต้องได้รับความช่วยเหลือจากคุณหมอ และหากไม่ทำการรักษาอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนตามมาได้ เช่น หัวใจวาย โรคซึมเศร้า เพิ่มความเสี่ยงฆ่าตัวตาย ออกห่างจากสังคม เกิดปัญหาที่ทำงานหรือที่โรงเรียน ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือใช้สารเสพติดในทางที่ผิด
การวินิจฉัยอาการแพนิค
คุณหมออาจวินิจฉัยอาการแพนิคด้วยการตรวจร่างกาย ตรวจเลือด ทดสอบการทำงานของหัวใจ เช่น การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ รวมถึงประเมินทางจิตวิทยาโดยการพูดคุยเกี่ยวกับอาการ ประวัติครอบครัว ความกลัวหรือความกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ที่ตึงเครียด หรือปัญหาความสัมพันธ์ คุณหมออาจใช้เกณฑ์การวินิจฉัย ดังนี้
- ผู้ป่วยมีอาการตื่นตระหนกบ่อยครั้งและเกิดขึ้นโดยไม่ตั้งใจ
- อาการตื่นตระหนกเกิดขึ้นอย่างน้อย 1 ครั้งหรือมากกว่านั้น หรือผู้ป่วยเกิดความกลัวอย่าสุดขีดหลังจากเกิดอาการแพนิคที่อาจทำให้สูญเสียการควบคุมร่างกายหรือหัวใจวาย หรือผู้ป่วยเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมบางอย่าง เช่น หลีกเลี่ยงผู้คนหรือสถานการณ์บางอย่างที่คิดว่าอาจทำให้เกิดเกิดความตื่นตระหนกอีกครั้ง
- อาการแพนิคที่ไม่ได้เกิดจากการใช้ยาหรือสารเสพติด ปัญหาสุขภาพ หรือภาวะสุขภาพจิตอื่น ๆ เช่น โรควิตกกังวล หรือโรคย้ำคิดย้ำทำ
การรักษาอาการแพนิค
การรักษาอาจช่วยลดความรุนแรงและความถี่ของการเกิดอาการแพนิคได้ ดังนี้
จิตบำบัด
จิตบำบัดเป็นวิธีบำบัดด้วยการพูดคุย หรือเรียกว่า การบำบัดพฤติกรรมทางปัญญา โดยนักบำบัดจะค่อย ๆ พูดคุยและสร้างสถานการณ์ให้ผู้ป่วยรู้สึกปลอดภัย ไม่รู้สึกถูกคุกคามจากประสบการณ์เลวร้าย วิธีนี้อาจต้องใช้เวลาในการรักษาซึ่งอาการจะค่อย ๆ ดีขึ้นตามลำดับ
รักษาด้วยยา
ยาอาจช่วยลดอาการแพนิคที่อาจสร้างปัญหาให้กับการใช้ชีวิต มีดังนี้
- ยาต้านเศร้าเอสเอสอาร์ไอ (Selective serotonin reuptake inhibitors : SSRIs) ได้แก่ ฟลูออกซิทีน (Fluoxetine) พาร็อกซีทีน (Paroxetine) และเซอร์ทราลีน (Sertraline)
- ยาต้านเศร้าเอสเอนอาร์ไอ (Serotonin and norepinephrine reuptake inhibitors : SNRIs)
- เบนโซไดอะซีพีน (Benzodiazepines) เป็นยากดประสาทส่วนกลาง มักใช้เพียงระยะเวลาสั้น ๆ เพราะอาจส่งผลกระทบต่อจิตใจ ได้แก่ อัลปราโซแลม (Alprazolam) และโคลนเซแพม (Clonazepam)
การป้องกันและการรักษาอาการแพนิค
อาจยังไม่มีวิธีที่สามารถป้องกันอาการแพนิคได้ แต่วิธีเหล่านี้อาจเป็นวิธีที่ช่วยบรรเทาอาการได้ ดังนี้
- ปฏิบัติตามคำแนะนำของคุณหมอและเข้ารับการรักษาอย่างสม่ำเสมอ
- เข้าร่วมกลุ่มสำหรับผู้ที่มีอาการแพนิคหรือโรควิตกกังวล เพื่อร่วมพูดคุยและไม่ทำให้ผู้ป่วยรู้สึกโดดเดี่ยว
- หลีกเลี่ยงอาหารหรือเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน แอลกอฮอล์ การสูบบุหรี่ และยาเสพติด สิ่งเหล่านี้สามารถกระตุ้นให้อาการแย่ลงได้
- จัดการความเครียดโดยการทำกิจกรรมที่ชอบ เช่น ปลูกต้นไม้ ดูหนังฟังเพลง และฝึกเทคนิคการผ่อนคลาย เช่น โยคะ การหายใจลึก ๆ และการผ่อนคลายกล้ามเนื้อ
- เคลื่อนไหวร่างกายเป็นประจำโดยการออกกำลังกายแบบแอโรบิกอาจทำให้อารมณ์สงบลงได้
- นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อให้ร่างกานรู้สึกสดชื่นและไม่ง่วงนอนระหว่างวัน
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย