การเปลี่ยนแปลงทางเพศ เมื่อเข้าสู่วัยรุ่น มีอะไรบ้าง

ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย แพทย์หญิงนันทิวดี มาเมือง · สูตินรีเวชวิทยา · โรงพยาบาลสุขุมวิท


เขียนโดย ธนชาติ จึงแย้มปิ่น · แก้ไขล่าสุด 23/11/2022

    การเปลี่ยนแปลงทางเพศ เมื่อเข้าสู่วัยรุ่น มีอะไรบ้าง

    การเปลี่ยนแปลงทางเพศ หมายถึง การที่ร่างกายของเด็กผู้ชายและเด็กผู้หญิง เริ่มแสดงลักษณะทางเพศออกมาในช่วงที่เริ่มเป็นวัยรุ่นหรือเมื่อมีอายุประมาณ 11-12 ปีขึ้นไปจนถึงช่วงอายุประมาณ 20 ปี การเปลี่ยนแปลงทางเพศเป็นการเตรียมความพร้อมร่างกายสำหรับการสืบพันธุ์ จะมีการเพิ่มขึ้นของระดับฮอร์โมนเพศ ทำให้ร่างกายมีความเปลี่ยนแปลง เช่น ผู้หญิงมีประจำเดือน ผู้ชายฝันเปียก

    การเปลี่ยนแปลงทางเพศ ของวัยรุ่นชาย

    การเปลี่ยนแปลงทางเพศ ในกรณีของวัยรุ่นชาย จะเริ่มเห็นได้ชัดเมื่ออายุประมาณ 11 ปี และจะดำเนินไปถึงเมื่ออายุประมาณ 18 ปี

    การเพิ่มขึ้นของฮอร์โมนเพศเทสโทสเตอโรน (Testosterone) ซึ่งผลิตจากอัณฑะจะส่งผลให้ร่างกายเกิดการเปลี่ยนแปลงดังนี้

    • องคชาต อัณฑะ และถุงอัณฑะ มีขนาดใหญ่ขึ้นและสีเข้มขึ้น
    • มีอารมณ์ทางเพศ อวัยวะเพศแข็งตัวได้ และหลั่งน้ำอสุจิได้เมื่อถึงจุดสุดยอด
    • มีขนบริเวณอวัยวะเพศ หน้าอก รักแร้ หน้าแข้ง รวมถึงหนวดเคราขึ้นบริเวณใบหน้า
    • เสียงแตก และค่อย ๆ ทุ้มใหญ่ขึ้น เห็นลูกกระเดือกชัดเจน
    • มีกล้ามเนื้อแข็งแรง ทั้งกล้ามเนื้ออก กล้ามแขน กล้ามขา
    • เริ่มเป็นสิวบนใบหน้า แผ่นหลัง หน้าอก

    นอกจากนี้ วัยรุ่นชายอาจเริ่มฝันเปียก ซึ่งเป็นการหลั่งน้ำอสุจิหรือถึงจุดสุดยอดขณะนอนหลับ เป็นปรากฏการณ์ซึ่งพบได้เมื่อเพศชายอายุประมาณ 13 ปี รวมทั้งเป็นสัญญาณบอกว่าร่างกายสามารถสืบพันธุ์ได้แล้ว

    ฝันเปียกเกิดจากการเพิ่มขึ้นของฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน ซึ่งในระบบสืบพันธุ์ถือว่าเป็นฮอร์โมนที่ทำหน้าที่กระตุ้นให้อัณฑะสร้างตัวอสุจิ หรือเซลล์สืบพันธุ์เพศชาย

    โดยปกติ วัยรุ่นชายจะหลั่งน้ำอสุจิประมาณ 2-3 ครั้งต่อสัปดาห์ ก่อนจะลดลงเมื่ออายุมากขึ้น อย่างไรก็ตาม การฝันเปียกน้อยครั้งหรือไม่ฝันเปียกเลย ไม่ถือเป็นความผิดปกติของวัยรุ่นชาย ถือเป็นเพียงความแตกต่างของแต่ละบุคคลเท่านั้น

    การเปลี่ยนแปลงทางเพศ ของวัยรุ่นหญิง

    สำหรับวัยรุ่นหญิง การเปลี่ยนแปลงทางเพศอาจเกิดขึ้นเร็วกว่าวัยรุ่นชาย โดยอาจพบได้ตั้งแต่อายุ 9 ปี หน้าอกจะเริ่มคัดตึงและขยายเล็กน้อย และบางรายอาจมีอาการคันร่วมด้วย ขณะที่มดลูกจะเริ่มมีขนาดใหญ่ขึ้น เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของระดับฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen)

    เมื่ออายุ 12 ปี การเปลี่ยนแปลงทางเพศจะเห็นชัดขึ้น จนกระทั่งอายุประมาณ 18 ปี ร่างกายจะถือว่าเติบโตอย่างสมบูรณ์ โดยมีรายละเอียดการเปลี่ยนแปลงดังต่อไปนี้

    • หน้าอกขยายใหญ่ เต้านมเต่งตึงเป็นทรงหรืออยู่ในสภาพสมบูรณ์ โดยขนาดของยอดอกจะขยายไปพร้อมกับหน้าอกด้วย ทำให้ต้องใส่เสื้อชั้นในเพื่อกระชับหน้าอกไม่ให้หย่อนคล้อย
    • มีอารมณ์ทางเพศ
    • รังไข่ผลิตไข่ได้ พร้อมสำหรับการสืบพันธุ์
    • มีขนขึ้นบริเวณหัวเหน่า อวัยวะเพศ แขน ขา และรักแร้
    • ผิวหนังบริเวณอวัยวะเพศสีเข้มขึ้น
    • มีรูปร่างเป็นผู้ใหญ่ สะโพกผาย
    • เริ่มเป็นบนสิวบนใบหน้า

    นอกจากนี้ วัยรุ่นหญิงจะเริ่มมีประจำเดือน ซึ่งเป็นการเปลี่ยนแปลงทางเพศของอวัยวะสืบพันธุ์ภายในร่างกาย เกิดขึ้นครั้งแรกเมื่อวัยรุ่นหญิงก้าวเข้าสู่ช่วงอายุประมาณ 10-16 ปี และผู้หญิงปกติจะมีประจำเดือนเดือนละ 1 ครั้งจนกระทั่งอายุประมาณ 45-50 ปี ประจำเดือนจะหมดลง

    ทั้งนี้ ประจำเดือนเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงความพร้อมในการสืบพันธุ์ของเพศหญิง โดยประจำเดือน คือเลือดที่เกิดจากเยื่อบุโพรงมดลูกหลุดลอกเนื่องจากไข่ของฝ่ายหญิงไม่ได้รับการปฏิสนธิ แล้วไหลออกมาเป็นเลือดประจำเดือน

    อย่างไรก็ตาม หากไข่ได้รับการปฏิสนธิ ระดับฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน (Progesterone) จะเพิ่มสูงขึ้น ทำให้เพศหญิงไม่เป็นประจำเดือนจนกว่าจะคลอดลูก และร่างกายเกิดการเปลี่ยนแปลงระหว่างการตั้งครรภ์ เช่น เต้านมใหญ่ขึ้น กล้ามเนื้ออุ้งเชิงกรานขยายและแข็งแรงขึ้น พร้อมสำหรับการคลอดด้วยวิธีธรรมชาติ

    การเปลี่ยนแปลงทางเพศ เมื่อเข้าสู่วัยทอง

    นอกจากการเปลี่ยนแปลงทางเพศในช่วงวัยรุ่นแล้ว เมื่ออายุ 40 ปีขึ้นไป อาจเกิดการเปลี่ยนแปลงทางเพศอีกครั้ง เนื่องจากการลดลงของฮอร์โมนเพศ ทั้งในเพศชายและเพศหญิง

    ในเพศชาย ระดับเทสโทสเตอโรนจะเริ่มค่อย ๆ ลดลง เมื่ออายุ 40 ปีขึ้นไป ทั้งนี้ร่างกายยังคงผลิตอสุจิอยู่ สามารถสืบพันธุ์ได้ แต่อาจมีอาการอื่น ๆ ที่พบได้ เช่นการหย่อนสมรรถภาพทางเพศ อารมณ์ทางเพศลดลง ความรู้สึกง่วงซึมหรือไม่มีแรงระหว่างวัน ทั้งนี้ ระดับฮอร์โมนเพศจะลดลงจนเห็นความเปลี่ยนแปลงของร่างกายอย่างเห็นได้ชัดเมื่ออายุ 60 ปีขึ้นไป

    ขณะเดียวกัน เมื่อเพศหญิงอายุประมาณ 48-52 ปี รังไข่จะหยุดผลิตไข่ ทำให้ร่างกายไม่สามารถมีบุตรได้อีก เนื่องจากการลดลงของผลิตฮอร์โมนเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรน รวมทั้งนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ อาทิ

    • ไม่มีประจำเดือน
    • ช่องคลอดแห้ง
    • อารมณ์ทางเพศลดลง
    • นอนหลับยาก
    • หงุดหงิดง่าย
    • เหงื่อออกตอนกลางคืน
    • น้ำหนักเพิ่มขึ้น เนื่องจากระบบเผาผลาญทำงานแย่ลง

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย

    แพทย์หญิงนันทิวดี มาเมือง

    สูตินรีเวชวิทยา · โรงพยาบาลสุขุมวิท


    เขียนโดย ธนชาติ จึงแย้มปิ่น · แก้ไขล่าสุด 23/11/2022

    โฆษณา
    โฆษณา
    โฆษณา
    โฆษณา