backup og meta
สำรวจ
เครื่องมือตรวจเช็กสุขภาพ
ถามคุณหมอ
บันทึก

รักษาตกขาว มีวิธีไหนบ้างและควรดูแลตัวเองอย่างไร

ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย แพทย์หญิงสุจิณันฐ์ นันทาภิวัธน์ · สุขภาพทางเพศ · โรงพยาบาลนครพิงค์


เขียนโดย ธนชาติ จึงแย้มปิ่น · แก้ไขล่าสุด 02/02/2023

รักษาตกขาว มีวิธีไหนบ้างและควรดูแลตัวเองอย่างไร

ตกขาว คือ ของเหลวหรือเมือกที่ร่างกายหลั่งออกมาทางช่องคลอดตามธรรมชาติ เพื่อให้ช่องคลอดสะอาดและชุ่มชื้น โดยปกติ ตกขาวจะเป็นเมือกใส หรือเป็นสีขาว มีกลิ่นไม่แรง แต่หากตกขาวมีกลิ่นเหม็น เป็นสีเหลือง สีเขียว หรือมีเลือดปน มักเป็นอาการของโรคหรือภาวะสุขภาพที่ผิดปกติ จึงควรสังเกตลักษณะของตกขาวของตนเอง หากพบความผิดปกติ ควรเข้ารับการรักษาตกขาวอย่างถูกวิธี เพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ

ตกขาว คืออะไร

ตกขาว เป็นของเหลวหรือเมือก ซึ่งหลั่งจากช่องคลอด มดลูก หรือปากมดลูก ทำให้ช่องคลอดสะอาด ชุ่มชื้น และช่วยป้องกันการติดเชื้อต่าง ๆ ผ่านเข้าสู่ร่างกาย

โดยปกติ ตกขาวของผู้ที่มีสุขภาพดี จะมีลักษณะดังนี้

  • สีขาวหรือใส
  • มีกลิ่นจาง ๆ แต่ไม่เหม็น
  • เป็นเมือกเหนียว สัมผัสแล้วให้ความรู้สึกลื่น หยุ่นมือ

ทั้งนี้ หากตั้งครรภ์ กลิ่นและปริมาณของตกขาวอาจแตกต่างจากเดิม และเมื่ออยู่ในภาวะตกไข่ อยู่ในช่วงให้นมบุตร หรือกำลังมีอารมณ์ทางเพศ ปริมาณของตกขาวมักมีปริมาณมากกว่าปกติ

ตกขาวผิดปกติ เป็นอย่างไร

ตกขาวผิดปกติ มักเป็นอาการของโรคหรือปัญหาสุขภาพ ซึ่งความผิดปกติของตกขาวจะสะท้อนสาเหตุของโรคหรือภาวะสุขภาพดังต่อไปนี้

  • ตกขาวมีกลิ่นเหม็น เกิดจากภาวะช่องคลอดอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย เมื่อเชื้อแบคทีเรียสะสมเป็นจำนวนมากทำให้เกิดกลิ่นที่รุนแรงขึ้น
  • ตกขาวเป็นสีขาวขุ่นและมีลักษณะเหนียวข้น เกิดจากภาวะเชื้อราในช่องคลอด
  • ตกขาวเป็นสีเขียว สีเหลือง หรือเป็นฟอง เกิดจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ อย่าง โรคพยาธิในช่องคลอด โรคหนองใน โรคหนองในเทียม
  • ตกขาวมีเลือดปน หรือเป็นสีน้ำตาล โดยทั่วไปอาจไม่ใช่อาการผิดปกติ มักพบได้ขณะที่มีประจำเดือน อย่างไรก็ตาม แม้พบได้น้อย แต่ตกขาวมีเลือดปน อาจแสดงถึงอาการเบื้องต้นของมะเร็งปากมดลูกได้

ทั้งนี้ ยังมีปัจจัยอื่น ๆ ซึ่งอาจทำให้ตกขาวมีลักษณะผิดปกติได้ เช่น การใช้ยาสเตียรอยด์ การรับประทานยาคุมกำเนิด โรคเบาหวาน การใช้ผลิตภัณฑ์ความสะอาดผิวหรือบำรุงผิวที่เปลี่ยนไปจากเดิมไม่ว่าจะเป็น สบู่ โลชั่น บริเวณปากช่องคลอด ซึ่งอาจทำให้เกิดความระคายเคือง

นอกจากนี้ หากพบว่าตกขาวผิดปกติ ร่วมกับมีอาการอื่น ๆ ดังนี้ ควรรีบไปพบคุณหมอ

  • ปวดท้องน้อย
  • พบเลือดไหลจากช่องคลอด
  • ปัสสาวะแสบขัด
  • คันอวัยวะเพศ
  • รู้สึกเจ็บช่องคลอด หรือช่องคลอดบวม

รักษาตกขาว

การรักษาตกขาวผิดปกติ ทำได้โดยการรักษาตามสาเหตุที่เป็น ซึ่งอาจหมายถึงโรคหรือภาวะสุขภาพที่ผิดปกติ ด้วยวิธีการต่าง ๆ กัน ดังต่อไปนี้

ภาวะช่องคลอดอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย

  • รับประทานยาต้านแบคทีเรีย คุณหมอมักจ่ายยาต่อไปนี้ให้ ได้แก่ เมโทรนิดาโซล (Metronidazole)
  • ใช้ยาทาภายในช่องคลอด ซึ่งมักเป็นรูปแบบของครีม เช่น คลินดามัยซิน (Clindamycin)โดยยาชนิดนี้มีฤทธิ์ข้างเคียงที่ทำให้ถุงยางอนามัยซึ่งผลิตจากยางพาราเสื่อมสภาพหรือขาดได้ง่าย หากมีเพศสัมพันธ์แบบป้องกันควรใช้ถุงยางอนามัยซึ่งทำจากยางสังเคราะห์ ทั้งนี้ เพื่อความปลอดภัย หากช่องคลอดอักเสบอยู่ ควรงดการมีเพศสัมพันธ์ไปก่อน

ภาวะเชื้อราที่ช่องคลอด

  • รับประทานยาต้านเชื้อรา
  • ใช้ยาต้านเชื้อราบริเวณช่องคลอด เช่น โคลไตรมาโซล (Clotrimazole) ซึ่งอยู่ในรูปแบบของครีม ขี้ผึ้ง หรือยาเหน็บ โดยคุณหมอจะให้คนไข้ใช้ยาดังกล่าวเป็นเวลาประมาณ 7 วัน

โรคพยาธิในช่องคลอด

  • รับประทานยาปฏิชีวนะ เช่น ทินิดาโซล (Tinidazole) หรือ เมโทรนิดาโซล (Metronidazole) ซึ่งมีฤทธิ์ต้านปรสิต

โรคหนองในแท้

  • ใช้ยาต้านเชื้อแบคทีเรีย เช่น อะซิโทรมัยซิน (Azithromycin) ในรูปแบบยาเม็ดสำหรับรับประทาน หรือเซฟไตรอะโซน (Ceftriaxone) ซึ่งใช้รักษาโรคโดยการฉีดเข้าทางกล้ามเนื้อ ทั้งนี้ หากคนไข้แพ้เซฟไตรอะโซน คุณหมอจะฉีดยาเจนตามัยซิน (Gentamicin) ให้แทน

โรคหนองในเทียม

  • รับประทานยาต้านแบคทีเรีย เช่น อะซิโทรมัยซิน (Azithromycin) ด็อกซีไซคลิน (Doxycycline) โดยคุณหมอจะให้รับประทานทุกวัน เป็นเวลา 5-10 วันติดต่อกัน ซึ่งปกติแล้วการรักษาโรคหนองในเทียมใช้เวลาประมาณ 1-2 สัปดาห์

มะเร็งปากมดลูก

  • ผ่าตัด เพื่อนำเนื้อร้ายออกจากร่างกาย นอกจากนี้ ในผู้ป่วยบางรายคุณหมออาจเลือกผ่าตัดนำอวัยวะอื่น ๆ ในระบบสืบพันธุ์ออกไปด้วย เช่น มดลูก ปากมดลูก และบางส่วนของช่องคลอด
  • ฉายรังสี สำหรับรายที่ผ่าตัดไม่ได้เพื่อกำจัดเซลล์มะเร็ง ซึ่งใช้วิธีการฉายรังสีภายนอกด้วยเครื่องฉายรังสี หรือฉายรังสีภายในโดยการสอดอุปกรณ์ทางการแพทย์เข้าไปในช่องคลอด
  • ใช้ยาเคมีบําบัด หรือยาซึ่งออกฤทธิ์ยับยั้งการเติบโตของเซลล์มะเร็ง ทำให้เซลล์มะเร็งหยุดการแบ่งตัวและตายไปในที่สุด

การปรับไลฟ์สไตล์และการดูแลตัวเอง

เพื่อป้องกันการเกิดภาวะตกขาวผิดปกติ สามารถปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตบางอย่าง รวมทั้งดูแลตัวเองเพื่อลดความเสี่ยงการติดเชื้ออันเป็นสาเหตุของตกขาวผิดปกติ ด้วยวิธีการต่อไปนี้

  • รักษาความสะอาดของช่องคลอด ด้วยการชำระล้างบริเวณช่องคลอดอย่างสม่ำเสมอ โดยใช้น้ำอุ่นหรือน้ำอุณหภูมิปกติร่วมกับการใช้สบู่ที่อ่อนโยนต่อผิวหนัง
  • เช็ดทำความสะอาดจากหน้าไปข้างหลัง หลังจากปัสสาวะ ควรเช็ดจากด้านหน้าไปด้านหลัง เพื่อหลีกเลี่ยงการแพร่เชื้อของแบคทีเรียจากทวารหนักมายังช่องคลอด อันเสี่ยงให้เกิดการติดเชื้อได้
  • มีเพศสัมพันธ์โดยป้องกัน ควรให้ฝ่ายชายสวมถุงยางอนามัยทุกครั้งที่ต้องการมีเพศสัมพันธ์เพื่อลดโอกาสเสี่ยงในการเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น โรคพยาธิในช่องคลอด โรคหนองใน โรคหนองในเทียม อันเป็นสาเหตุของตกขาวผิดปกติ

หมายเหตุ

Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด



ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย

แพทย์หญิงสุจิณันฐ์ นันทาภิวัธน์

สุขภาพทางเพศ · โรงพยาบาลนครพิงค์


เขียนโดย ธนชาติ จึงแย้มปิ่น · แก้ไขล่าสุด 02/02/2023

ad iconโฆษณา

คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา