ขณะเดียวกัน เพศชายซึ่งมีภาวะฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนต่ำ จะมีอาการดังนี้
- ความต้องการทางเพศลดลง
- เรี่ยวแรงลดลง
- ซึมเศร้า
- มวลกระดูกลดลง
- มวลกล้ามเนื้อลดลง
- มีภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ
- ขนบนใบหน้าและร่างกายหลุดร่วง
สาเหตุภาวะเทสโทสเตอโรนต่ำ
ภาวะเทสโทสเตอโรนต่ำ เกิดได้จาก 2 สาเหตุ คือ
ความผิดปกติของอัณฑะ ที่เรียกว่าภาวะพร่องฮอร์โมนปฐมภูมิ (Primary Testicular Failure)
ปัจจัยที่เกี่ยวข้องประกอบด้วย
- กลุ่มอาการไคลน์เฟลเตอร์ (Klinefelter Syndrome) หรือภาวะที่ทารกเพศชายมีโครโมโซม X มากกว่า 1 โครโมโซม
- ภาวะอัณฑะค้าง (Undescended Testicles) หรือการที่อัณฑะติดอยู่ในบริเวณช่องท้องหรืออุ้งเชิงกราน ไม่เคลื่อนลงไปที่ถุงอัณฑะ
- ภาวะธาตุเหล็กเกินในร่างกาย
- การบาดเจ็บที่อัณฑะ
- การรักษามะเร็งด้วยยาเคมีบำบัดหรือคีโม
ความผิดปกติของต่อมใต้สมองหรือส่วนของสมองที่เรียกว่าไฮโพทาลามัส (Hypothalamus) ซึ่งโดยปกติมีส่วนกระตุ้นให้อัณฑะผลิตฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน
ปัจจัยที่เกี่ยวข้องประกอบด้วย
- อายุที่มากขึ้น
- โรคอ้วน
- การติดเชื้อเอชไอวี
- โรคหรือภาวะผิดปกติของต่อมใต้สมอง
- การใช้ยาระงับความเจ็บปวดในกลุ่มโอปิแอต (Opiates)
การรักษาภาวะฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนต่ำ
การรักษาภาวะฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนต่ำ มักใช้วิธีบำบัดด้วยการให้ฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนทดแทน (Testosterone Replacement Therapy หรือ TRT) ทั้งในกรณีเป็นโดยกำเนิดและกรณีที่เกิดขึ้นภายหลัง ยกเว้นในกรณีที่ฮอร์โมนลดต่ำลงเพราะอายุที่มากขึ้นซึ่งเป็นไปตามธรรมชาติ โดยการให้ฮอร์โมนทดแทนมีหลายรูปแบบ ดังนี้
- แผ่นแปะผิวหนัง ซึ่งจะค่อย ๆ ปล่อยฮอร์โมนปริมาณเล็กน้อยเข้าสู่ผิวหนัง อยู่ได้นาน 24 ชั่วโมงก่อนต้องเปลี่ยนใหม่ มักแปะในตอนเย็นหรือก่อนเข้านอน
- เจล ใช้ทาบนร่างกายวันละ 1 ครั้ง เพื่อให้ฮอร์โมนทดแทนซึมผ่านผิวหนัง และเมื่อทาแล้ว จำเป็นต้องหลีกเลี่ยงการอาบน้ำ เพื่อฮอร์โมนจะได้ซึมซาบเข้าสู่ผิวหนังและไม่ถูกชำระล้างออกไป
- เจลทางจมูก เป็นการปั๊มฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนแบบเจลเข้าทางรูจมูก โดยต้องทำวันละ 2 ครั้ง
- ยาสำหรับใช้ในปาก เป็นยาเม็ดที่ใช้แปะติดกับเหงือกหรือหลังฟันหน้า แปะวันละ 2 เม็ด ห่างกัน 12 ชั่วโมง เพื่อให้ฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดผ่านเนื้อเยื่อในปาก
- ยาฉีด ฉีดปริมาณ 50-400 มิลลิกรัมเข้ากล้ามเนื้อทุก 2-4 สัปดาห์ เพื่อให้ฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนถูกดูดซึมเข้ากระแสเลือด
แม้การบำบัดด้วยฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนทดแทนจะเป็นการรักษาที่ได้ผล แต่ก็อาจมีความเสี่ยงทางสุขภาพ ผู้มีภาวะเทสโทสเตอโรนต่ำซึ่งเข้ารับการรักษา อาจพบผลข้างเคียงดังต่อไปนี้
- เป็นสิว
- เกิดผื่นบนร่างกาย
- เกิดภาวะหยุดหายใจขณะหลับ
- หน้าอกขยาย
เนื่องจากฮอร์โมนเทสโทสเตอโรนมีความเกี่ยวข้องกับการสร้างเซลล์เม็ดเลือดแดง การบำบัดด้วยฮอร์โมนทดแทนจึงมีส่วนทำให้เซลล์ดังกล่าวเพิ่มจำนวนขึ้น รวมถึงอาจทำให้เกิดลิ่มเลือดในร่างกาย ซึ่งอาจนำไปสู่การอุดกั้นของลิ่มเลือดในปอด
นอกจากนี้ ผู้เชี่ยวชาญบางคนยังมีความกังวลว่า การบำบัดด้วยเทสโทสเตอโรอาจมีส่วนกระตุ้นให้เกิดมะเร็งต่อมลูกหมากด้วย
ดังนั้น ก่อนเข้ารับการรักษา ควรปรึกษาคุณหมอเพื่อให้ตรวจเช็คร่างกายอย่างละเอียด และวางแผนการรักษาที่เหมาะสมกับสภาพร่างกาย เพื่อให้เกิดผลข้างเคียงน้อยที่สุด
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย