การวินิจฉัยโรค โรคเอชพีวีสามารถตรวจสอบได้ผ่านการตรวจแปปสเมียร์ (Pap test) ซึ่งเป็นวิธีตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกวิธีหนึ่ง บางครั้งคุณหมออาจตรวจหาโรคเอชพีวีได้โดยการตรวจชิ้นเนื้อหูด ส่วนโรคเริมมักวินิจฉัยจากการตรวจร่างกายเพื่อดูอาการ หรืออาจนำตัวอย่างเนื้อเยื่อไปตรวจเพาะเชื้อไวรัสได้เช่นกัน
การป้องกันโรค ในปัจจุบันอาจยังไมมีวิธีที่สามารถป้องกันโรคเอชพีวีได้ 100% เพราะเชื้อไวรัสนี้สามารถติดต่อกันอย่างง่ายผ่านการสัมผัส แต่สามารถลดความเสี่ยงได้ด้วยการมีเพศสัมพันธ์แบบปลอดภัย เช่น สวมถุงยางอนามัย ใช้แผ่นยางอนามัย และตรวจคัดกรองมะเร็งปากมดลูกเป็นประจำ ส่วนโรคเริม อาจป้องกันได้ด้วยการใช้ถุงยางอนามัย หรือแผ่นยางอนามัย ทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ ทั้งการมีเพศสัมพันธ์ทางอวัยวะเพศ ทางทวารหนัก และทางปาก
วิธีรักษา เริมกับHPV
ผู้ที่มีเพศสัมพันธ์อาจเสี่ยงเกิดโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อย่างโรคเริมกับHPV ได้ทุกคน โดยเฉพาะผู้ที่มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกัน เช่น ไม่ใช้ถุงยางอนามัยหรือแผ่นยางอนามัย โรคนี้สามารถติดต่อสู่ผู้อื่นได้ แม้ผู้ติดเชื้อจะไม่แสดงอาการใด ๆ การรักษาและป้องกันโรคด้วยวิธีที่เหมาะสมกับแต่ละโรคจึงถือเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง
โรคเริมกับHPV ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ สำหรับโรคเริม คุณหมออาจสั่งจ่ายยาต้านไวรัสเพื่อรักษาอาการของโรคและลดความเสี่ยงที่โรคจะกำเริบ ส่วนการรักษาโรคเอชพีวี คุณหมออาจสั่งจ่ายยารักษาหูด และอาจต้องผ่าตัดเอาหูดออก นอกจากนี้ หากผู้ที่ติดเชื้อเอชพีวีมีความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งปากมดลูก หรือพบว่าเป็นมะเร็งปากมดลูก คุณหมอก็จะต้องรักษาเฉพาะทางด้วยวิธีการรักษาที่เหมาะสมกับอาการและระยะของโรค สุขภาพของผู้ป่วย เป็นต้น
ส่วนใหญ่แล้ว ผู้ที่ติดเชื้อเอชพีวีอาจไม่ต้องได้รับการรักษาเฉพาะ เนื่องจากอาการมักหายไปได้เอง แต่หากมีอาการรุนแรงหรืออาการที่พบก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพอื่น ๆ หรือรบกวนการใช้ชีวิตประจำวัน ควรรีบเข้ารับการรักษา
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย