ปัจจัยเสี่ยง
ปัจจัยเสี่ยง HPV
ปัจจัยเสี่ยงที่อาจเพิ่มโอกาสติดเชื้อ HPV ได้ ดังนี้
- การเปลี่ยนคู่นอนบ่อย จะเพิ่มโอกาสติดเชื้อ HPV ที่อวัยวะเพศมากขึ้น เนื่องจากเชื้ออาจแพร่กระจายผ่านการสัมผัส โดยเฉพาะผู้ไม่สวมถุงยางอนามัยขณะมีเพศสัมพันธ์
- บาดแผลที่ผิวหนัง เชื้อสามารถแพร่กระจายผ่านการสัมผัส และสามารถเข้าสู้ร่างกายได้ผ่านบาดแผลหรือรอยถลอกบนผิวหนัง
- การสัมผัสใกล้ชิด การสัมผัสหูดจากผิวหนังของผู้อื่น หรือไม่สวมอุปกรณ์ป้องกันก่อนสัมผัสพื้นผิวที่สัมผัสกับเชื้อ HPV เช่น ที่อาบน้ำสาธารณะ สระว่ายน้ำ อาจเพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อ HPV
- ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอมีความเสี่ยงที่จะติดเชื้อ HPV มากขึ้น เช่น ผู้ที่ติดเชื้อเอชไอวี หรือผู้ที่ใช้ยากดภูมิคุ้มกันที่ใช้หลังการปลูกถ่ายอวัยวะ
การวินิจฉัยและการรักษา
ข้อมูลในที่นี้ไม่มีเจตนาให้ใช้ทดแทนคำแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษาคุณหมอทุกครั้งเพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
การวินิจฉัย HPV
คุณหมออาจวินิจฉัยการติดเชื้อ HPV ด้วยการตรวจดูลักษณะภายนอกของหูด หรืออาจทำการทดสอบอื่นเพิ่มเติม ได้แก่
- การทดสอบด้วยสารอะซิติก (Acetic acid) โดยการทาสารละลายน้ำส้มสายชูลงไปบริเวณที่สงสัยว่าติดเชื้อ หากติดเชื้อบริเวณนั้นจะเปลี่ยนเป็นสีขาว สามาถช่วยในการระบุโรคได้
- การตรวจดีเอ็นเอ (DNA) ทดสอบเซลล์ปากมดลูก ตรวจหาดีเอ็นเอของเชื้อ HPV ที่มีความเสี่ยงสูงพัฒนาไปเป็นมะเร็งที่อวัยวะเพศได้
การวินิจฉัย HPV ในปากมดลูก
หากคุณหมอวินิจฉัยว่ามีการติดเชื้อ HPV ชนิดที่เพิ่มความเสี่ยงสูงในการเป็นมะเร็งปากมดลูก หรือ ตรวจคัดกรองจากเซลล์พบว่ามีรอยโรคระยะก่อนมะเร็งที่ปากมดลูก โดยที่ปากมดลูกมองด้วยตาเปล่ายังไม่เห็นรอยโรค จะได้รับการตรวจเพิ่มเติมด้วยวิธีการตรวจด้วยกล้องขยายปากมดลูกทางช่องคลอด (Colposcopy) เป็นเครื่องมือที่ให้ภาพขยายของปากมดลูก โดยจะตรวจดูปากมดลูกอย่างละเอียดและเก็บตัวอย่างชิ้นเนื้อบริเวณที่ผิดปกติมาวิเคราะห์ จากนั้นอาจทำการรักษาด้วยวิธีที่จะกล่าวต่อไปนี้การรักษา HPV
หูดอาจหายไปเองได้โดยไม่ต้องรักษา แต่สำหรับการติดเชื้อ HPV ไม่สามารถรักษาได้ จึงอาจทำให้อาการกลับมาเป็นซ้ำได้อีก การรักษาจึงอาจเป็นเพียงวิธีควบคุมอาการไม่ให้ลุกลามหรือพัฒนาเป็นโรคแทรกซ้อนอื่น หรือกลายไปเป็นมะเร็ง ดังนี้
รักษาด้วยยา
เป็นยาใช้รักษาหูดที่ใช้กับแผลโดยตรง ได้แก่
- กรดซาลิไซลิก (Salicylic acid) ออกฤทธิ์เพื่อขจัดชั้นของหูดออก ใช้สำหรับหูดทั่วไป กรดซาลิไซลิกอาจทำให้เกิดการระคายเคืองผิวหนัง จึงไม่ควรใช้กับใบหน้า
- กรดไตรคลอโรอะซิติก (Trichloroacetic acid) ใช้กำจัดหูดที่ฝ่ามือ ฝ่าเท้า และอวัยวะเพศ อาจทำให้เกิดการระคายเคือง
- ยาอิมิควิโมด (Imiquimod) ใช้เพื่อเพิ่มการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันในการต่อสู้กับการติดเชื้อ HPV ผลข้างเคียงที่พบบ่อย ได้แก่ รอยแดงและอาการบวม
- ยาโพโดฟิลอกซ์ (Podofilox) ช่วยทำลายเนื้อเยื่อหูดที่อวัยวะเพศ อาจทำให้เกิดอาการแสบร้อนและคันบริเวณที่ทา
การศัลยกรรมและการรักษาอื่น ๆ
หากการรักษาด้วยยาไม่ได้ผล คุณหมออาจแนะนำวิธีการรักษาแบบอื่น ดังนี้
- การศัลยกรรมเลเซอร์
- การผ่าตัดเอาหูดออก
- การแช่แข็งหูดด้วยไนโตรเจนเหลว
- การจี้ด้วยกระแสไฟฟ้า
การปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์และการดูแลตัวเอง
การปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์และการดูแลตัวเองเพื่อป้องกันการติดเชื้อ HPV
การปรับเปลี่ยนพฤติกรรมตนเองเพื่อป้องกันการติดเชื้อ HPV สามารถทำได้ ดังนี้
- พยายามหลีกเลี่ยงการสัมผัสกับผู้ติดเชื้อ HPV หรือการใช้สิ่งของร่วมกับผู้ที่ติดเชื้อ
- ควรสวมรองเท้าทุกครั้งก่อนออกจากบ้าน เพื่อลดความเสี่ยงติดเชื้อ HPV ที่ฝ่าเท้า โดยเฉพาะเมื่อต้องออกไปใช้บริเวณในพื้นที่สาธารณะ เช่น ห้องอาบน้ำ ห้องน้ำสาธารณะ
- ใช้ถุงยางอนามัยเพื่อช่วยป้องกันการติดเชื้อ HPV ระหว่างมีเพศสัมพันธ์ อย่างไรก็ตาม การใช้ถุงยางอนามัยไม่สามารถป้องกันการติดเชื้อที่ผิวหนังบริเวณอื่นได้
- ไม่เปลี่ยนคู่นอนหลายคน เพราะอาจเพิ่มความเสี่ยงเชื้อ HPV หรือโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์อื่น ๆ ได้
- ฉีดวัคซีนป้องกัน HPV โดยแนะนำให้ฉีดตั้งแต่เด็กอายุ 11-12 ปี ขึ้นไป เพื่อป้องกันเชื้อและลดความเสี่ยงเป็นมะเร็งปากมดลูกจากการติดเชื้อ HPV
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย