- ผสมน้ำมันหอมระเหย 10 หยดเข้ากับน้ำมันตัวพา (Carrier Oil) 30 มิลลิกรัม
- จุ่มสำลีลงในส่วนผสมและทาลงบนสิว
- ทาครีมบำรุงตามต้องการ
- ทำซ้ำขั้นตอนทั้งหมด 1-2 ครั้ง/วัน
3. ชาเขียว
ชาเขียว นอกจากจะมีประโยชน์ต่อสุขภาพแล้ว ยังอาจส่งผลดีต่อสุขภาพผิว เนื่องจาก ชาเขียวมีสารฟลาโวนอยด์ (Flavonoid) แทนนิน (Tannin) รวมถึงสารอีพิกัลโลคาเทชิน-3-กัลเลต (Epigallocatechin-3-gallate หรือ EGCG) ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่อาจช่วยต้านการอักเสบและต่อต้านเชื้อแบคทีเรียที่ทำให้เกิดสิว
โดยวิธีการใช้ชาเขียวรักษาสิว อาจทำได้ดังนี้
- ใส่ผงชาเขียวลงในน้ำเดือดแล้วต้มประมาณ 3-4 นาที
- ปล่อยให้ชาเย็นลง
- นำไปใช้กับใบหน้า ด้วยการใช้สำลีเช็ดหรือเทใส่ขวดสเปรย์แล้วฉีดที่ใบหน้า
- ทิ้งไว้ประมาณ 10 นาทีหรือข้ามคืน จากนั้นล้างออกด้วยน้ำสะอาด
- ใช้ 1-2 ครั้ง/วัน นอกจากนี้ ยังสามารถเก็บชาเขียวที่ต้มแล้วเอาไว้ในตู้เย็นได้นานถึง 2 สัปดาห์
4. เจลว่านหางจระเข้
ว่านหางจระเข้ (Aloe vera) ว่านหางจระเข้ อุดมด้วยไปด้วยสารลูพิออล (Lupeol) กรดซาลิไซลิก (Salicylic Acid) ยูเรียไนโตรเจน (Urea Nitrogen) ซินนามอน (Cinnamon) ฟีนอล และกำมะถัน ซึ่งอาจช่วยต่อต้านแบคทีเรียที่ทำให้เกิดสิว ลดการอักเสบ ช่วยรักษาบาดแผล ทั้งยังอาจช่วยรักษาโรคสะเก็ดเงิน ผื่นคัน บาดแผล และรอยไหม้
โดยวิธีการใช้ว่านหางจระเข้ในการรักษาสิว อาจทำได้ดังนี้
- ล้างว่านหางจระเข้ให้สะอาด กรีดเปลือกด้านนอก และขูดเจลออกจากใบว่านหางจระเข้ด้วยช้อน
- อาจต้องผสมเจลว่านหางจระเข้ลงในผลิตภัณฑ์รักษาสิวที่ใช้รักษาอยู่
- ทำซ้ำ 1-2 ครั้ง/วัน
5. มาส์กที่มีส่วนประกอบของซัลเฟอร์ (Sulfur Mask)
ซัลเฟอร์ (Sulfur หรือ Sulphur) หากรักษาสิวด้วยครีมรักษาสิวเฉพาะจุดไม่หายอาจลองใช้มาสก์ที่มีส่วนประกอบของซัลเฟอร์ (Sulfur) โดยสามารถใช้มาสก์ทาบริเวณที่เป็นสิวหรือทั่วทั้งใบหน้า ซึ่งอาจช่วยในการรักษาสิวและอาจทำให้รูขุมขนเล็กลง อย่างไรก็ตาม มาส์กบางตัวอาจต้องใช้แบบข้ามคืน ส่วนมาส์กบางชนิดอาจทิ้งไว้เพียงไม่กี่นาทีแล้วล้างออก ดังนั้น ควรอ่านคำแนะนำบนผลิตภัณฑ์ และไม่ควรทิ้งมาสก์ไว้ข้ามคืน นอกจากจะมีการระบุไว้เป็นการเฉพาะว่าสามารถทำได้
6. น้ำแข็ง
การใช้น้ำแข็งจากน้ำสะอาดประคบลงบนบริเวณที่เป็นสิวเม็ดเล็กและสิวอักเสบที่รุนแรง เช่น ก้อนสิว สิวซีสต์ ประมาณ 20-30 วินาที จากนั้น พักประมาณ 1 นาที ทำเช่นนี้ 2-3 ครั้ง/วัน หรือก่อนออกไปข้างนอก อาจช่วยลดรอยแดงและบวม ทั้งยังอาจช่วยบรรเทาความเจ็บปวดที่เกิดจากสิว อย่างไรก็ตาม ไม่ควรทำกับสิวที่เป็นนานแล้วจนเกิดเป็นน้ำเหลือง
วิธีกำจัดสิวให้เร็วที่สุด อื่น ๆ
แม้ วิธีกำจัดสิวให้เร็วที่สุด ด้วยผลิตภัณฑ์จากธรรมชาติ อาจทำให้อาการสิวดีขึ้น แต่ก็อาจก่อให้เกิดอาการแพ้ในบางบุคคลได้ ดังนั้น ก่อนการใช้ผลิตภัณฑ์กับผิวหน้าเพื่อรักษาสิว โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในผู้ที่มีผิวบอบบาง แพ้ง่าย ควรทำการทดสอบเสียก่อนว่าตัวเองมีอาการแพ้หรือไม่ หากพบว่ามีอาการแพ้หรืออาการระคายเคืองเกิดขึ้น ควรหยุดใช้ผลิตภัณฑ์เหล่านั้นทันที
ในกรณีที่สิวมีอาการอักเสบ ปวดบวม และมีอาการแย่ลง อาจต้องใช้ยาที่สั่งจ่ายโดยคุณหมอเท่านั้น ดังนั้น การไปพบคุณหมอ จึงอาจเป็นวิธีที่ดีที่สุด

สำหรับวิธีกำจัดสิวให้เร็วที่สุดด้วยวิธีอื่น ๆ อาจทำได้ดังนี้
การซื้อผลิตภัณฑ์รักษาสิวตามร้านขายยาอาจช่วยให้อาการสิวดีขึ้น โดยแต้มครีมรักษาสิวลงไปบนสิวโดยตรงเล็กน้อย ซึ่งครีมรักษาสิวบางตัวอาจต้องแต้มทิ้งไว้ค้างคืน สำหรับครีมรักษาสิวควรทีส่วนผสมของเบนโซอิลเปอร์ออกไซด์ (Benzoyl Peroxide) หรือกรดซาลิไซลิก (Salicylic Acid)
- อาจฉีดคอร์ติโซน (Cortisone)
สำหรับสิวที่ลึกและมีอาการเจ็บปวด อาจรักษาด้วยการฉีดคอร์ติโซนเข้าไปยังหัวสิว (Blemish) ซึ่งวิธีนี้อาจช่วยให้สิวยุบลง จางลง ภายในเวลาไม่กี่ชั่วโมง นอกจากนี้ อาการบวมและความเจ็บปวดอาจหายไปเองภายในเวลาประมาณ 48 ชั่วโมง โดยอาจต้องพูดคุยกับคุณหมอหากต้องการรักษาสิวด้วยวิธีนี้
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย