สำหรับความถี่ในการฉีดอินซูลินนั้น จะแตกต่างกันไปในแต่ละราย และขึ้นกับชนิดของอินซูลินที่ใช้ ซึ่งคุณหมอจะพิจารณาเลือกจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น ประวัติสุขภาพ อายุ โรคร่วม ระดับน้ำตาลในเลือด รวมไปถึงไลฟ์สไตล์
ทั้งนี้ วิธีฉีดอินซูลินที่ถูกต้องคือการฉีดเข้าสู่ชั้นไขมันใต้ผิวหนัง มิใช่การฉีดเข้ากล้ามเนื้อ เพราะการฉีดเข้ากล้ามเนื้อ อาจทำให้อินซูลินถูกดูดซึมเข้าสู่กระเเสเลือดเร็วเกินไป จนเป็นสาเหตุให้เกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ ซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงเเก่ชีวิตได้
การฉีดอินซูลินอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียง ได้เช่น
- มีอาการคัน บวม หรือมีรอยแดงช้ำ บริเวณที่ฉีดอินซูลิน ทั้งนี้เเนะนำให้สลับเปลี่ยนตำเเหน่งผิวหนังบริเวณที่ฉีด เพื่อป้องกันอาการดังกล่าว
- เกิดอาการแพ้อินซูลิน เช่น ผื่นคัน หายใจลำบาก หัวใจเต้นเร็ว วิงเวียน/หน้ามืด
- เกลือเเร่โพแทสเซียมต่ำ (Hypokalemia) เช่น ท้องอืด/ท้องผูก เป็นตะคริว กล้ามเนื้ออ่อนเเรง หัวใจเต้นผิดจังหวะ เเต่ภาวะนี้มักพบในผู้ที่ต้องได้รับอินซูลินทางหลอดเลือดดำ ซึ่งเป็นการใช้ยาในโรงพยาบาล
ยากลุ่มจีเเอลพี 1
ตัวอย่างยากลุ่มนี้เช่น
- ดูลากลูไทด์ (Dulaglutide) – ฉีดสัปดาห์ละครั้ง
- เอซีนาไทด์ (Exenatide) – มีทั้งชนิดฉีดสัปดาห์ละครั้ง เเละ วัน 2 ละครั้ง
- ลิรากลูไทด์ (Liraglutide) – ฉีดวันละ 1 ครั้ง
- เซมากลูไทด์ (Semaglutide) – ฉีดสัปดาห์ละครั้ง เเละมีรูปเเบบยารับประทานด้วย
ยาทั้งหมดมีคุณสมบัติในการช่วยกระตุ้นตับอ่อนให้หลั่งอินซูลิน ช่วยให้กระเพาะอาหารบีบตัวช้าลง จึงทำให้อิ่มท้องนานขึ้น เเละ ช่วยกระุตุ้นศูนย์ควบคุมความอิ่มในสมอง ทำให้ความอยากอาหารลดลง ดังนั้น นอกยาจะมีคุณสมบัติลดระดับน้ำตาลในเลือดได้เเล้ว ยังมีผลช่วยลดน้ำหนักได้ด้วย
การฉีดยากลุ่มจีแอลพี 1 อาจมีผลข้างเคียง ดังนี้
- คลื่นไส้ ท้องอืด
- ท้องเสีย
- มึนงง ปวดหัว
- กรดไหลย้อน
- เบื่ออาหาร
ทั้งนี้ อาการข้างเคียงเหล่านี้มักเป็นเพียงช่วงเเรกหลังเริ่มใช้ยา เเละทุเลาลงเองหลังจากใช้ยาไปแล้วประมาณ 1-2 สัปดาห์
ในผู้ป่วยบางราย มีรายงานว่าการใช้ยากลุ่มนี้อาจเป็นสาเหตุของโรคตับอ่อนอักเสบได้ จึงควรใช้ยาตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด
นอกเหนือจากยาทั้ง 2 ประเภทที่กล่าวมาข้างต้น ยังมียาเทอซีพาไทด์ (Tirzepatide) ซึ่งเป็นตัวยารวมระหว่างยากลุ่มจีแอลพี 1 ข้างต้น ร่วมกับ จีไปพี ( Glucose-dependent insulinotropic polypeptide – GIP ) ซึ่งออกฤทธิ์้เสริมกันทั้งในเเง่การลดดระดับน้ำตาลในเลือด และ ลดความอยากอาหาร อีกทั้งยังมียาอีกกลุ่ม คือ ยาพรามลินไทด์ (Pramlintide) หรือฮอร์โมนอะไมลิน (Amylin) สังเคราะห์ ซึ่งจัดกลไกสามารถลดระดับน้ำตาลในเลือดได้เช่นกัน อยู่ในกลุ่มยากระตุ้นตัวรับเปปไทด์ตัวเหมือนกลูคากอนชนิดที่ 1 และใช้รักษาโรคเบาหวานเช่นกัน
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย