โดยปกติแล้ว เมื่อมีอาหารถูกย่อยและเข้าสู่กระแสเลือด ฮอร์โมนที่ชื่อว่าอินซูลิน จะนำเอาน้ำตาลกลูโคสออกไปจากเลือดเข้าสู่เซลล์ เพื่อย่อยสลายกลายเป็นพลังงาน แต่สำหรับบางคน อาจมีอินซูลินไม่พอจะนำกลูโคสออกไป หรือการผลิตอินซูลินทำงานได้อย่างไม่ถูกต้อง ร่างกายจึงไม่สามารถย่อยสลายกลูโคสให้กลายเป็นพลังงานได้ และส่งผลให้มีน้ำตาลสะสมในเลือดมากเกินไป จนเป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 1 และเบาหวานชนิดที่ 2 ในที่สุด
ปัจจัยเสี่ยงของโรคเบาหวาน
ผู้ที่อายุมากกว่า 40 ปี มักจะเป็นโรคเบาหวานได้ง่ายกว่า นอกจากนี้ ผู้ที่มีน้ำหนักเกิน ไม่ค่อยเคลื่อนไหวร่างกาย สูบบุหรี่ หรือมีสมาชิกในครอบครัวเป็นโรคเบาหวาน ก็จะมีความเสี่ยงในการเกิดโรคเบาหวานชนิดที่ 1 และเบาหวานชนิดที่ 2 มากกว่าด้วย
การวินิจฉัยโรคและการรักษาโรคเบาหวาน
การวินิจฉัยโรคเบาหวาน
คุณหมอสามารถบ่งชี้ได้ว่าผู้ป่วยมีการเผาผลาญอาหารตามปกติ ภาวะก่อนเบาหวาน หรือเป็นโรคเบาหวานได้ด้วย 3 วิธี ดังต่อไปนี้
- การตรวจระดับน้ำตาลสะสม (The A1C test)
- การวัดระดับกลูโคสในพลาสมา (Fasting plasma glucose test)
- การทดสอบความทนทานต่อน้ำตาล (Oral glucose tolerance test)
การรักษาโรคเบาหวาน
โรคเบาหวานชนิดที่ 1 ผู้ที่เป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 1 จำเป็นต้องรับสารอินซูลินเพื่อควบคุมโรคเบาหวาน และทำให้โดยการฉีดยาหลายครั้ง หรือด้วยอินซูลินปั๊ม (Insulin pump) ซึ่งเป็นเครื่องมือขนาดเล็กที่จะส่งสารอินซูลินให้อย่างต่อเนื่องตลอดวัน
โรคเบาหวานชนิดที่ 2 ผู้ที่เป็นโรคเบาหวานชนิดที่ 2 สามารถรักษาและควบคุมโรคได้ ด้วยวิธีดังต่อไปนี้
- รับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ
- ออกกำลังกาย
- รับประทานยาเพื่อควยคุมระดับน้ำตาลกลูโคสในเลือด ได้แก่
- ยาเพิ่มระดับของอินซูลินที่ผลิตในตับอ่อน เช่น คลอร์โพรพาไมด์ (Chlorpropamide) ไกลเมพิไรด์ (Glimepiride) ไกลพิไซด์ (Glipizide) รีพาไกลไนด์ (Repaglinide)
- ยาลดระดับการดูดซึมน้ำตาลในลำไส้ เช่น อะคาร์โบส(Acarbose) ไมกลิทอล (Miglitol)
- ยาเพิ่มการใช้อินซูลินของร่างกาย เช่น ไพโอกลิตาโซน (Pioglitazone) และโรซิกลิทาโซน (Rosiglitazone)
- ยาลดการผลิตน้ำตาลในตับและเพิ่มความทนทานต่ออินซูลิน เช่น เมทฟอร์มิน (Metformin)
- ยาเพิ่มการผลิตอินซูลินในตับอ่อน และลดการผลิตน้ำตาลในตับ เช่น อะบิกลูไทด์ (Albiglutide) อะโลกลิปทิน (Alogliptin) ดูลากลูไทด์ (Dulaglutide) ลินากลิปทิน(Linagliptin) เอกซ์เซนาไทด์ (Exenatide) ลิรากลูไทด์ (Liraglutide)
- ยายับยั้งการดูดซึมน้ำตาลกลูโคสอีกครั้งในไต และเพิ่มการขับกลูโคสในปัสสาวะ เรียกว่า โซเดียม กลูโคส โคทรานสปอร์เตอร์ อินฮิบิเตอร์ (Sodium-glucose cotransporter 2 inhibitors)
วิธีการดูแลตัวเองสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน
วิธีการดูแลตัวเองสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน อาจมีดังนี้
- รับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ ออกกำลังกายเป็นประจำ และตรวจเลือดบ่อย ๆ เพื่อให้แน่ใจว่าน้ำตาลกลูโคสในเลือดอยู่ในระดับสมดุล
- ตรวจวัดค่าดัชนีมวลกาย (BMI) เป็นประจำ เพื่อตรวจสอบว่ามีน้ำหนักอยู่ในเกณฑ์ที่ดีต่อสุขภาพหรือไม่
- สำหรับโรคเบาหวานชนิดที่ 1 จำเป็นต้องฉีดอินซูลินเป็นประจำไปตลอดชีวิต
- สำหรับโรคเบาหวานชนิดที่ 2 อาจจำเป็นต้องใช้ยาเป็นประจำ
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย