backup og meta

ไมเกรน อาการ การรักษาและการป้องกัน

ไมเกรน อาการ การรักษาและการป้องกัน

ไมเกรน อาการ อาจสังเกตได้จากอาการปวดศีรษะข้างเดียว ที่อาจรู้สึกเหมือนมีอะไรเต้นตุบ ๆ อยู่ด้านในศีรษะ และอาจมีอาการปวดรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ จนรบกวนการทำกิจกรรมต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน ดังนั้นจึงควรศึกษาวิธีรักษาและการป้องกันอาการไมเกรน หรือเข้าพบคุณหมอหากสังเกตว่าไมเกรนมีอาการรุนแรงมากผิดปกติเพื่อหาวิธีการรักษาอย่างเหมาะสม

[embed-health-tool-bmi]

ไมเกรน คืออะไร

ไมเกรน คือ อาการปวดศีรษะด้านใดด้านหนึ่งหรืออาจเป็นทั้ง 2 ด้าน ในระดับปานกลางไปจนถึงรุนแรง และอาจมีอาการนานกว่า 1 ชั่วโมง ซึ่งรบกวนการทำกิจกรรมต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน สาเหตุของไมเกรนยังไม่แน่ชัด แต่อาจเกิดจากความไม่สมดุลของสารเซโรโทนิน (Serotonin) ซึ่งเป็นสารเคมีในสมองที่มีบทบาทในการควบคุมการทำงานของสมองและระบบประสาท และช่วยควบคุมความรู้สึกเจ็บปวด หากระดับเซโรโทนินเพิ่มมากเกินไปอาจทำให้หลอดเลือดหดตัว และส่งผลให้เลือดไหลเวียนไปหล่อเลี้ยงสมองได้น้อยลง และเมื่อระดับเซโรโทนินต่ำลงก็อาจทำให้หลอดเลือดขยายและกดทับบริเวณปลายประสาท นำไปสู่อาการไมเกรน

นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยเสี่ยงอื่น ๆ ที่ทำให้ไมเกรน มีอาการกำเริบ ดังนี้

  • ฮอร์โมนเอสโตรเจนลดลง โดยเฉพาะในช่วงก่อนเป็นประจำเดือน ระหว่างเป็นประจำเดือน วัยหมดประจำเดือน และตั้งครรภ์
  • ความเครียดและการนอนพักผ่อนไม่เพียงพอ
  • สภาพอากาศเปลี่ยนแปลง
  • เครื่องดื่มแอลกอฮอล์และเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน
  • การออกกำลังกายหนักเกินไป
  • ยาบางชนิด เช่น ยาคุมกำเนิด ยาขยายหลอดเลือด

ไมเกรน อาการ มีอะไรบ้าง

ไมเกรน อาการอาจแบ่งออกเป็น 4 ระยะ ดังนี้

1. ระยะก่อนเป็นไมเกรน (Prodrome)

  • รู้สึกอยากอาหารมากขึ้น
  • กระหายน้ำ
  • ปัสสาวะบ่อย
  • เหนื่อยล้า
  • อารมณ์เปลี่ยนแปลง
  • สมาธิสั้น
  • ท้องอืด ท้องผูก หรือท้องเสีย

2. ระยะอาการเตือน (Aura)

  • การมองเห็นเปลี่ยนแปลง เช่น ตาไวต่อแสง มองเห็นเป็นภาพซ้อน เห็นจุดสีดำ และอาจสูญเสียการมองเห็นชั่วคราว
  • พูดไม่ชัด
  • รู้สึกชาที่ใบหน้า
  • แขนและขาอ่อนแรง
  • ประสาทสัมผัสด้านการรับกลิ่นและการรับรสชาติเปลี่ยนแปลง

3. ระยะปวดศีรษะ (Headache)

  • ปวดศีรษะตุบ ๆ ข้างใดข้างหนึ่งหรือทั้ง 2 ข้าง
  • ไวต่อแสง เสียง และกลิ่น
  • คลื่นไส้ อาเจียน

4. ระยะหลังจากปวดศีรษะ (Postdrome)

  • อ่อนเพลีย
  • กล้ามเนื้ออ่อนแรง
  • มีความอยากอาหารเพิ่มขึ้นหรือเบื่ออาหาร
  • รู้สึกปวดศีรษะหากหันศีรษะกะทันหัน

หากมีอาการปวดศีรษะกะทันหัน มีไข้ สายตาพร่ามัว รู้สึกมึนงง และร่างกายอ่อนแรง ควรเข้าพบคุณหมอเพื่อรับการวินิจฉัยและรักษาอย่างรวดเร็ว เพราะอาจเป็นสัญญาณเตือนของโรคหลอดเลือดสมอง

ไมเกรน อาการ รักษาได้อย่างไร

ไมเกรน อาการอาจรักษาได้ด้วยวิธีดังต่อไปนี้

ยาบรรเทาอาการปวดไมเกรน

  • ยาแก้ปวด เช่น แอสไพริน ไอบูโพรเฟน เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการปวดไมเกรนเล็กน้อย เพื่อบรรเทาอาการปวดศีรษะ
  • ยากลุ่มทริปแทน (Triptans) เช่น ซูมาทริปแทน (Sumatriptan) ริซาทริปแทน (Rizatriptan) ใช้เพื่อรักษาอาการปวดไมเกรน โดยต้องได้รับการอนุญาตจากคุณหมอและไม่แนะนำให้ใช้ในผู้ที่เสี่ยงเป็นโรคหลอดเลือดสมองและโรคหัวใจวาย
  • ยาไดไฮโดรเออร์โกตามีน (Dihydroergotamine) เป็นยาบรรเทาอาการปวดไมเกรนในรูปแบบสเปรย์พ่นจมูก ซึ่งอาจมีประสิทธิภาพในการรักษาดีที่สุดเมื่อใช้หลังจากมีอาการไมเกรนได้ไม่นาน และไม่แนะนำให้ใช้ในผู้ที่เป็นโรคหลอดเลือดหัวใจ ความดันโลหิตสูง โรคไต และโรคตับ
  • ยาลาสมิดิตัน (Lasmiditan) คือ ยารูปแบบรับประทานที่ช่วยลดอาการปวดศีรษะ แต่อาจส่งผลข้างเคียงทำให้เกิดอาการวิงเวียนศีรษะ หากรับประทานยานี้ควรหลีกเลี่ยงการขับขี่ยานพาหนะหรือทำงานเกี่ยวกับเครื่องจักร เพื่อลดความเสี่ยงการเกิดอุบัติเหตุ
  • ยายูโบรจีแพนท์ (Ubrogepant) เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการไมเกรนเฉียบพลัน ใช้เพื่อบรรเทาอาการปวดไมเกรนและอาการอื่น ๆ เช่น คลื่นไส้ อาเจียน แต่อาจส่งผลข้างเคียง ได้แก่ ปากแห้ง รู้สึกง่วงนอน
  • ยาโอปิออยด์ (Opioids) ใช้เพื่อช่วยบรรเทาอาการปวดไมเกรนในระดับปานกลางถึงรุนแรง โดยคุณหมออาจอนุญาตให้ใช้ต่อเมื่อผู้ป่วยไม่ตอบสนองต่อการรักษาอาการปวดไมเกรนด้วยวิธีอื่น ๆ เนื่องจากยานี้อาจทำให้เกิดการเสพติด
  • ยาบรรเทาอาการคลื่นไส้ เช่น คลอร์โปรมาซีน (Chlorpromazine) เมโทโคลพราไมด์ (Metoclopramide) โปรคลอเปอราซีน (Prochlorperazine) ใช้เพื่อช่วยบรรเทาอาการคลื่นไส้และอาเจียนจากอาการปวดไมเกรน มักใช้ควบคู่กับยาแก้ปวด

ยาป้องกันอาการไมเกรน

  • ยาลดความดันโลหิต เช่น โพรพราโนลอล (Propranolol) เมโทโพรลอล ทาร์เทรต (Metoprolol tartrate) ที่อาจช่วยป้องกันอาการปวดไมเกรนและลดอาการไมเกรนอื่น ๆ ในระยะอาการเตือน
  • ยากล่อมประสาท อาจช่วยป้องกันอาการไมเกรน แต่อาจส่งผลให้ง่วงนอน ดังนั้น จึงควรหลีกเลี่ยงการใช้ยานพาหนะ หรือทำงานใกล้กับเครื่องจักร เพราะอาจเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุ
  • ยากันชัก เช่น วาลโปรเอท (Valproate) โทพิราเมท (Topiramate) เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการไมเกรนไม่บ่อยนัก แต่อาจทำให้เกิดผลข้างเคียง เช่น อาการวิงเวียนศีรษะ น้ำหนักเพิ่มหรือลงกะทันหัน คลื่นไส้ อาเจียน และไม่แนะนำให้ใช้ในสตรีตั้งครรภ์หรือกำลังวางแผนตั้งครรภ์

การป้องกันไมเกรน

การป้องกันไมเกรน อาจทำได้ดังนี้

  • ลดความเครียดด้วยการทำกิจกรรมที่ชอบ เช่น อ่านหนังสือ ฟังเพลง เดินเล่น
  • นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อยวันละ 8 ชั่วโมง
  • ดื่มน้ำอย่างน้อย 8 แก้ว/วัน
  • ออกกำลังกายอย่างน้อยวันละ 30 นาที 5 วัน/สัปดาห์
  • หลีกเลี่ยงการอดอาหาร
  • เลิกสูบบุหรี่ และลดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน
  • ตรวจสุขภาพประจำปี

หมายเหตุ

Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

Migraine. https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/migraine-headache/symptoms-causes/syc-20360201.Accessed October 12, 2022

Migraine. https://www.nhs.uk/conditions/migraine/.Accessed October 12, 2022

What Is Migraine?. https://www.webmd.com/migraines-headaches/migraines-headaches-migraines.Accessed October 12, 2022

Migraine. https://medlineplus.gov/migraine.html.Accessed October 12, 2022

Migraine Headaches. https://www.hopkinsmedicine.org/health/conditions-and-diseases/headache/migraine-headaches.Accessed October 12, 2022

เวอร์ชันปัจจุบัน

29/06/2023

เขียนโดย ปัญญพัฒน์ เอี่ยมสิน

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย พลอย วงษ์วิไล

อัปเดตโดย: พลอย วงษ์วิไล


บทความที่เกี่ยวข้อง

ควรทำอย่างไรเมื่อ ไมเกรนกำเริบเมื่ออากาศเปลี่ยนแปลง

ปวดหัว ปวดไมเกรน ต้องลองดื่ม ชาบรรเทาอาการปวดศีรษะ


ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย

พลอย วงษ์วิไล


เขียนโดย ปัญญพัฒน์ เอี่ยมสิน · แก้ไขล่าสุด 29/06/2023

ad iconโฆษณา

คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา