เนื่องจากอาการของผู้ติดเชื้อเอชไอวีในระยะแรกคล้ายคลึงกับอาการของโรคหวัด ผู้ติดเชื้อจำนวนมากจึงอาจไม่สนใจดูแลตนเองและมักไม่ไปพบคุณหมอ
นอกจากนั้น อาการของผู้ติดเชื้อเอชไอวีในระยะแรกจะหายไปภายใน 1 สัปดาห์-1 เดือน และเข้าสู่ระยะที่ 2 ของการติดเชื้อเอชไอวีซึ่งจำนวนเซลล์เม็ดเลือดขาว CD4 จะค่อย ๆ ลดลง เพราะถูกไวรัสทำลาย
ในระยะที่ 2 นี้ ผู้ป่วยจะไม่พบอาการซึ่งบ่งชี้ว่ากำลังติดเชื้ออยู่ แต่มีความเสี่ยงไม่สบายง่ายมากกว่าปกติ เนื่องจากการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันที่แย่ลงทีละน้อย และ
การติดเชื้อระยะที่ 2 จะกินเวลานานกว่า 10 ปี หากไม่เข้ารับการรักษา ผู้ป่วยเอชไอวีจะเข้าสู่อาการติดเชื้อในระยะสุดท้าย หรือที่เรียกว่าเป็นโรคเอดส์
หากผู้ป่วยที่ติดเชื้อเอชไอวีได้รับการรักษาทันเวลาตั้งแต่ระยะเริ่มต้นหรือเข้าสู่ระยะที่ 2 และดูแลตัวเองอย่างเหมาะสม การติดเชื้อจะไม่แย่ลงจนกลายเป็นโรคเอดส์
ทั้งนี้ เอดส์ อาการเริ่มต้น จะมีภาวะที่บ่งบอกว่าร่างกายเข้าสู่ระยะสุดท้ายของการติดเชื้อเอชไอวีหรือกำลังป่วยเป็นโรคเอดส์ ดังนี้
- ต่อมน้ำเหลืองบวมที่ลำคอหรือขาหนีบ
- มีไข้อย่างต่อเนื่องเกินกว่า 10 วัน
- เหงื่อออกตอนกลางคืน
- น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็วโดยไม่มีสาเหตุ
- มีจุดสีม่วงหรือสีคล้ำเป็นจ้ำ ๆ บนผิวหนัง
- หายใจลำบาก
- ท้องร่วงอย่างรุนแรงและต่อเนื่อง
- ติดเชื้อราในช่องปาก ลำคอ หรือช่องคลอด
- มีรอยช้ำบนร่างกายโดยไม่รู้สาเหตุ
- มีอาการผิดปกติทางระบบประสาทต่าง ๆ เช่น ความจำเสื่อม สับสน ชัก การมองเห็นผิดปกติ
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย