backup og meta

โรคเอดส์ อาการ มีอะไรบ้าง

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย พลอย วงษ์วิไล


เขียนโดย จินดารัตน์ สิริวิจักษณ์ · แก้ไขล่าสุด 21/06/2022

    โรคเอดส์ อาการ มีอะไรบ้าง

    โรคเอดส์ อาการ ที่สังเกตได้อาจแบ่งออกเป็น 3 ระยะ คือ ระยะติดเชื้อ ระยะสงบ และระยะเอดส์ ซึ่งหมายถึงการติดเชื้อเอชไอวีระยะสุดท้าย ทำให้เม็ดเลือดขาวชนิด CD4 ซึ่งเป็นเซลล์เม็ดเลือดขาวชนิดหนึ่งที่มีหน้าที่สำคัญในการต่อสู้กับสิ่งแปลกปลอมที่เข้าสู่ร่างกายลดลง ส่งผลให้ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายอ่อนแอจนไม่สามารถต่อสู้กับเชื้อโรคที่เข้าสู่ร่างกายได้ และเสี่ยงต่อการป่วยด้วยโรคแทรกซ้อนต่าง ๆ เช่น วัณโรค โรคปอดบวม  เยื่อหุ้มสมองอักเสบ

    สาเหตุของโรคเอดส์ 

    สาเหตุที่อาจทำให้ติดเชื้อเอชไอวี มีดังนี้

  • ติดต่อเพศสัมพันธ์ การมีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่ติดเชื้อผ่านทางช่องคลอด ทวารหนักและช่องปากโดยไม่มีการป้องกัน
  • ติดต่อผ่านทางเลือด การรับเลือดของผู้ติดเชื้อผ่านการถ่ายให้เลือด การติดเชื้อผ่านทางบาดแผล หรือการใช้เข็มฉีดยาหรือเข็มสักร่วมกับผู้ที่มีเชื้อเอชไอวี
  • การติดเอดส์จากมารดาสู่ทารก มารดาตั้งครรภ์ที่ติดเชื้ออาจแพร่เชื้อไวรัสเอชไอวีไปยังทารกได้ระหว่างตั้งครรภ์ เพื่อช่วยลดความเสี่ยงไม่ให้ทารกในครรภ์ได้รับเชื้อเอชไอวี คุณแม่ควรตรวจหาเชื้อเอชไอวีก่อนตั้งครรภ์หรือรักษาการติดเชื้อเอชไอวีให้เรียร้อยก่อนการตั้งครรภ์
  • โรคเอดส์ อาการ สังเกตได้ 

    อาการของโรคเอดส์ขึ้นอยู่กับระยะการติดเชื้อที่ผู้ป่วยเป็น โดยแบ่งออกเป็น 3 ระยะ ดังนี้

    • ระยะแรกของการติดเชื้อ  เช่น มีไข้ ปวดศีรษะ ท้องเสีย เจ็บคอ มีผื่น ปวดตามกล้ามเนื้อและข้อต่อ ไอ เหงื่อออกตอนกลางคืน 
    • ระยะอาการสงบ ระยะนี้เชื้อไวรัสไม่แสดงอาการใด ๆ โดยระยะนี้สามารถอยู่ได้นาน 8-10 ปี หากไม่ได้รับการรักษาด้วยยาต้านไวรัส แต่สำหรับผู้ติดเชื้อบางคนอาจใช้ระยะเวลาน้อยกว่า
    • ระยะเอดส์ ผู้ป่วยที่ไม่รับการรักษาต่อเนื่องหรือไม่ได้รับประทานยาต้านไวรัส อาจทำให้ภูมิคุ้มกันถูกทำลายอย่างรุนแรง เสี่ยงติดเชื้อและเจ็บป่วยด้วยโรคต่าง ๆ เช่น เหงื่อออกตอนกลางคืน หนาวสั่น มีไข้ตลอดเวลา ท้องเสียเรื้อรัง ต่อมน้ำเหลืองบวม น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ มีแผลบริเวณลิ้นและปาก เหนื่อยล้า อ่อนเพลีย

    การรักษา และการป้องกันโรคเอดส์

    ปัจจุบันยังไม่มีการรักษาเอชไอวีหรือโรคเอดส์ แต่อาจสามารถควบคุมอาการเอชไอวีและป้องกันภาวะแทรกซ้อนด้วยยาต้านไวรัส ดังนี้

    ยาต้านไวรัส

    • กลุ่มยา NNRTIs เช่น เอฟฟาไวเร็นซ์ (Efavirenz) ริวพิไวรีน (Rilpivirine) โดโรวิริน (Pifeltro)
    • กลุ่มยา NRTIs เช่น อะบาคาเวียร์ (Abacavir) ทีโนโฟเวียร์ (Tenofovir) เอ็มตริไซตาบีน (Emtricitabine) ลามิวูดีน (Lamivudine)
    • สารยับยั้งโปรติเอส (Protease inhibitors) เช่น อะทาซานาเวียร์ (Atazanavir) ดารูนาเวียร์ (Darunavir)
    • สารยับยั้งอินทีเกรส (Integrase) เช่น บิคเทกราเวียร์ (Bictegravir) เรียลทิกราเวียร์ (Raltegravir) โดลูเทกราเวียร์ (Dolutegravir)

    วิธีป้องกันแบบธรรมชาติ

    • หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับสารคัดหลั่งของผู้ติดเชื้อ
    • สวมถุงยางอนามัยทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์
    • การใช้ยาเพร็พ (PrEP) เป็นยาต้านไวรัสสำหรับผู้ที่มีความเสี่ยงสูงของการติดเชื้อเอชไอวี 
    • การขลิบอวัยวะเพศสำหรับผู้ชาย เพราะมีหลักฐานบ่งชี้ว่าการขลิบอาจช่วยลดความเสี่ยงการติดเชื้อเอชไอวีได้

    หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย

    พลอย วงษ์วิไล


    เขียนโดย จินดารัตน์ สิริวิจักษณ์ · แก้ไขล่าสุด 21/06/2022

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา