backup og meta

ครีมทาหน้าผู้ชาย ควรมีส่วนผสมอะไรบ้าง และควรดูแลผิวอย่างไร

ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย แพทย์หญิงอัญชิสา กาญจโนมัย · โรคผิวหนัง · พรเกษมคลินิก


เขียนโดย ทัตพร อิสสรโชติ · แก้ไขล่าสุด 27/04/2023

    ครีมทาหน้าผู้ชาย ควรมีส่วนผสมอะไรบ้าง และควรดูแลผิวอย่างไร

    ผู้ชายในปัจจุบันเริ่มหันมาสนใจเกี่ยวกับการดูแลสุขภาพผิวมากขึ้น เพื่อเพิ่มความมั่นใจให้กับตัวเอง การเลือก ครีมทาหน้าผู้ชาย ที่เหมาะกับสภาพผิว อาจช่วยแก้ไขปัญหาผิวต่าง ๆ เช่น ผิวแห้ง ผิวแพ้ง่าย ผิวมัน สิว นอกจากนี้ การดูแลผิวหน้าอย่างเหมาะสมยังอาจช่วยชะลอริ้วรอยก่อนวัย และอาจช่วยทำให้ผิวกระจ่างใสได้อีกด้วย

    ประเภทของผิว

    ก่อนที่จะเลือกครีมทาหน้าผู้ชายที่เหมาะสม ควรทราบถึงสภาพผิวแต่ละประเภท ดังนี้

    • ผิวธรรมดา เป็นสภาพผิวที่สุขภาพดีและสามารถทนต่อผลิตภัณฑ์ดูแลผิวได้หลายชนิด โดยอาจไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียงรุนแรง
    • ผิวบอบบาง เป็นสภาพผิวแพ้ง่าย อาจเกิดผลข้างเคียงจากการใช้ครีมทาหน้าได้ง่าย เมื่อลองเปลี่ยนไปใช้ครีมทาหน้าตัวใหม่อาจทำให้เกิดผื่นแดง อาการคัน หรือแสบร้อน
    • ผิวแห้ง เป็นสภาพผิวขาดน้ำและความชุ่มชื้น แห้งกร้าน ลอกเป็นขุย และผิวอาจแดงง่ายเมื่อสัมผัสกับอากาศแห้งและหนาว
    • ผิวมัน เป็นสภาพผิวที่รูขุมขนผลิตน้ำมันบนผิวมากเกินไป ทำให้หน้ามันเป็นเงา อาจมีแนวโน้มเป็นสิวง่าย
    • ผิวผสม เป็นสภาพผิวที่บริเวณทีโซน เช่น หน้าผาก จมูก คาง มีความมันมาก แต่ส่วนอื่น ๆ บนใบหน้ามีความแห้ง

    ครีมทาหน้าผู้ชาย ควรมีส่วนผสมอะไรบ้าง

    ส่วนผสมที่แนะนำในครีมทาหน้าผู้ชาย เพื่อช่วยบำรุงและฟื้นฟูสภาพผิว อาจมีดังนี้

    • เซราไมด์ (Ceramide) เป็นส่วนผสมที่ช่วยปรับปรุงสุขภาพเซลล์ผิวหนัง ช่วยป้องกันการสูญเสียความชุ่มชื้นในชั้นผิว ป้องกันความแห้งกร้านและความระคายเคือง ปกป้องผิวจากการทำร้ายของอนุมูลอิสระ รวมถึงอาจช่วยปกป้องผิวจากการติดเชื้อ ช่วยต้านริ้วรอยและเสริมความอ่อนนุ่มให้ผิว
    • กรดไฮยาลูโรนิก (Hyaluronic Acid) เป็นส่วนผสมที่ช่วยเสริมความยืดหยุ่นให้กับผิว ปรับปรุงสุขภาพผิวให้อ่อนนุ่ม และช่วยลดเลือนริ้วรอยแห่งวัย
    • เรตินอล (Retinol) เป็นส่วนผสมที่ช่วยรักษาปัญหาผิว เช่น รักษาสิว หลุมสิว จุดดำ รูขุมขนกว้าง ริ้วรอย รอยแตกลาย ฝ้า โรคสะเก็ดเงิน
    • กรดอัลฟาไฮดรอกซี (Alpha Hydroxy Acids หรือ AHA) และกรดเบต้าไฮดรอกซี (Beta Hydroxy Acid หรือ BHA) เช่น กรดไกลโคลิก (Glycolic Acid) กรดแลคติก (Lactic Acid) กรดซิตริก (Citric Acid) กรดไฮดรอกซีคาปริลิก (Hydroxycaprylic Acid) กรดไฮดรอกซีคาปริก (Hydroxycapric Acid) กรดซาลิไซลิก (Salicylic Acid) กรดเบต้าไฮดรอกซีบิวทาโนอิก (Beta Hydroxybutanoic Acid) กรดทรอปิก (Tropic Acid) กรดเทรโทคานิก (Trethocanic Acid) เป็นส่วนผสมที่อาจช่วยต้านริ้วรอยและร่องลึก ลดปัญหาผิวหมองคล้ำ ทำให้สีผิวดูสม่ำเสมอ ลดจุดด่างดำ กระชับรูขุมขน รวมถึงอาจช่วยลดปัญหาสิวและช่วยปกป้องผิวจากการทำร้ายของแสงแดด

    ข้อควรระวังในการใช้ ครีมทาหน้าผู้ชาย

    ข้อควรระวังในการพิจารณาก่อนเลือกใช้ครีมทาหน้าผู้ชาย อาจมีดังนี้

  • ควรเลือกใช้ครีมให้เหมาะกับสภาพผิวของแต่ละคน
  • หากเปลี่ยนครีมทาหน้าใหม่ควรทดลองทาครีมบริเวณข้อพับหรือหลังใบหู เช้าและเย็น ประมาณ 10 วัน หากพบว่ามีอาการแพ้ให้หยุดใช้ครีมทันที
  • อ่านส่วนผสมของครีมทาหน้าข้างบรรจุภัณฑ์เสมอ เพื่อหลีกเลี่ยงการใช้ส่วนผสมที่อาจก่อให้เกิดอาการแพ้
  • ควรใช้ครีมทาหน้าในบริเวณผิวที่กำหนด เพราะครีมบางชนิดอาจไม่แนะนำให้ทาบริเวณรอบดวงตา เพราะอาจก่อให้เกิดความระคายเคือง ดังนั้น ควรอ่านคำแนะนำการใช้ครีมก่อนเสมอ
  • หลีกเลี่ยงการใช้ครีมทาหน้าผู้ชายที่มีส่วนผสมของน้ำหอมและแอลกอฮอล์ เพราะอาจก่อให้เกิดอาการแพ้ เช่น ผื่น คัน ผิวแห้งเป็นสะเก็ด
  • การดูแลผิวสำหรับผู้ชาย

    เคล็ดลับการดูแลผิวหน้าสำหรับผู้ชายอาจทำได้ ดังนี้

    • ทำความสะอาดใบหน้า ควรล้างหน้าอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง/วัน คือ เช้าและก่อนนอน ด้วยผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดใบหน้าสูตรอ่อนโยน และใช้ปลายนิ้วนวดใบหน้าให้ทั่วอย่างเบามือ เพื่อขจัดสิ่งสกปรกต่าง ๆ แต่หากบางคนมีปัญหาหน้ามันหรือมีเหงื่อออกมากหลังจากการเล่นกีฬาก็สามารถล้างหน้าได้ทันที เพื่อลดการสะสมของสิ่งสกปรกและเชื้อแบคทีเรียที่อาจก่อให้เกิดสิว
    • ให้ความชุ่มชื้นกับผิว ควรเลือกใช้ครีมทาหน้าผู้ชายหรือมอยเจอร์ไรเซอร์ที่ให้ความชุ่มชื้นกับผิว โดยเฉพาะหลังล้างหน้าเพื่อช่วยกักเก็บและเติมความชุ่มชื้นกับผิว รวมถึงยังอาจช่วยลดความระคายเคืองและช่วยฟื้นฟูสภาพผิวได้อีกด้วย
    • ทาครีมกันแดดเป็นประจำ รังสียูวีในแสงแดดสามารถทำร้ายผิวหนัง อาจทำให้เกิดปัญหาริ้วรอย ผิวหมองคล้ำ ความเหี่ยวย่น และอาจก่อให้เกิดมะเร็งผิวหนังได้ จึงควรทาครีมกันแดดที่มี SPF 50 ทุกวัน เพื่อปกป้องผิวหน้า และควรทาซ้ำทุก ๆ 2-3 ชั่วโมง เพื่อการปกป้องที่ดีมากขึ้น
    • การดูแลผิวหน้าเมื่อโกนหนวด การโกนหนวดอาจก่อให้เกิดปัญหาสุขภาพผิว เพราะใบมีดโกนอาจทำให้ผิวเกิดความระคายเคืองหรือทำให้เกิดปัญหาขนคุดหรือสิว จึงควรทำความสะอาดใบหน้าก่อนโกนหนวดเสมอ จากนั้นใช้ครีมสำหรับโกนหนวดเพื่อป้องกันความระคายเคือง ผื่น ใช้ที่โกนหนวดไฟฟ้า รวมถึงควรโกนหนวดในทิศทางตามแนวขนเพื่อลดปัญหาขนคุด และหลังจากโกนเสร็จให้ทามอยเจอร์ไรเซอร์ เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวและลดความระคายเคือง
    • เข้าพบคุณหมอ ควรตรวจสุขภาพผิวอย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง หรือปีละ 3-4 ครั้ง เพราะเมื่ออายุมากขึ้นคอลลาเจนและโครงสร้างผิวจะเสื่อมสภาพลงตามธรรมชาติ นอกจากนี้ อาจมีรอยโรคที่เป็นสัญญาณของโรคผิวหนังได้ เช่น สิว ไฝ โรคกลาก ริ้วรอย จึงควรเข้าพบคุณหมอเพื่อตรวจสุขภาพผิวอยู่เสมอ โดยเฉพาะหากพบความผิดปกติบนผิวหนัง เพื่อทำการรักษาได้อย่างทันท่วงที

    ผู้ชายทุกคนควรเริ่มดูแลผิวหน้าตั้งแต่อายุยังน้อย เพื่อป้องกันปัญหาริ้วรอยก่อนวัย เนื่องจากผู้ชายที่ไม่ดูแลผิวหน้าตั้งแต่เนิ่น ๆ อาจทำให้เกิดเป็นริ้วรอยบนใบหน้าได้ตั้งแต่อายุ 20 ปี รวมถึงอาจทำให้เกิดปัญหาผิวอื่น ๆ เช่น ผิวแห้ง คัน ผิวแดง ผิวบอบบาง สิว ฝ้า ที่อาจรุนแรงขึ้นได้

    หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย

    แพทย์หญิงอัญชิสา กาญจโนมัย

    โรคผิวหนัง · พรเกษมคลินิก


    เขียนโดย ทัตพร อิสสรโชติ · แก้ไขล่าสุด 27/04/2023

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา