ผื่นคัน คือ ตุ่มเม็ดเล็ก ๆ หรือปื้นแดงบนผิวหนังซึ่งอาจขึ้นรวมกันเป็นกลุ่มและทำให้เกิดอาการคัน เกิดจากสาเหตุได้หลายประการ เช่น โรคผิวหนัง ความร้อน วิธีแก้ผื่นคัน ประกอบด้วยการทายาปฏิชีวนะ หรือยากลุ่มสเตียรอยด์ ขึ้นกับสาเหตุของผื่น เพื่อลดอาการอักเสบของผิวหนัง รวมถึงหลีกเลี่ยงสัมผัสกับวัตถุสิ่งของหรือสารเคมีบางอย่างซึ่งทำให้ผิวหนังระคายเคือง เช่น สบู่ที่มีฤทธิ์แรง เครื่องสำอาง สารบำรุงผิว โลหะ
[embed-health-tool-bmi]
ผื่นคันคืออะไร
ผื่นคัน หมายถึง ปัญหาผิวหนังชนิดหนึ่ง เกิดได้จากหลายสาเหตุ โดยผื่นคันสามารถสังเกตได้ด้วยตาเปล่า และมีอาการดังนี้
- เป็นตุ่มเล็ก ๆ บนผิวหนัง
- ผิวลอกและอาจเป็นขุยเล็ก ๆ สีขาว
- ผิวหนังเป็นรอยปื้นแดง
- มีอาการคัน
- หากเกาอาจกลายเป็นแผลพุพองได้
สาเหตุของผื่นคัน
ผื่นคันมักเป็นอาการของโรคผิวหนัง อาทิ
- โรคผิวหนังอักเสบ เป็นโรคที่พบได้ทั่วไป หรืออาจพบผู้ป่วยผิวหนังอักเสบ 1 คนในผู้ใหญ่ 50 คน เกิดได้จากหลายสาเหตุ ทั้งการติดเชื้อแบคทีเรีย การสัมผัสกับสิ่งของหรือสารเคมีซึ่งทำให้ผิวหนังแพ้หรือระคายเคืองจนเกิดเป็นผื่นคัน เช่น เครื่องสำอาง สบู่ฤทธิ์แรง เกสรดอกไม้ รวมทั้งการแพ้มลภาวะ ฝุ่นละอองต่าง ๆ นอกจากนี้ภาวะผิวแห้ง หรือมีโรคประจำตัว เช่น ตับ หรือไต ทำให้มีผิวหนังอักเสบ แดง ลอก คันได้
- โรคลมพิษ เป็นโรคผิวหนังที่พบในคนไทยร้อยละ 15-20 เกิดได้จากหลายปัจจัย อาทิ การแพ้อาหาร พิษจากแมลง ความเครียด การพักผ่อนไม่เพียงพอ ผื่นคันเนื่องจากโรคลมพิษอาจเป็นไม่เกิน 28 ชั่วโมงแล้วหายไป หรือเป็นแบบเรื้อรังเกิน 6 สัปดาห์ ควรได้รับการตรวจโดยคุณหมอเพื่อวินิจฉัยสาเหตุและรับการรักษาอย่างถูกต้อง
- โรคสังคัง เกิดจากเชื้อรากลุ่มเดอมาโทไฟท์ (Dermatophytes) โดยผู้ป่วยจะมีอาการคันพร้อมผื่นแดงบริเวณขาหนีบ อวัยวะเพศ หรือบั้นท้าย ทั้งนี้ โรคสังคังมักพบในผู้ที่มีเหงื่อออกมาก นักกีฬา รวมถึงบุคคลที่สวมกางเกงชั้นในรัดแน่นและอับชื้นซึ่งทำให้เชื้อราเติบโตได้ดี
- โรคสะเก็ดเงิน เป็นโรคเรื้อรังชนิดหนึ่ง ซึ่งปัจจุบันยังไม่พบสาเหตุแน่ชัด เจอในอัตราร้อยละ 1-2 ของคนไทย ผู้ป่วยจะมีผิวหนังที่เพิ่มจำนวนและหนาอย่างผิดปกติและตกสะเก็ดเป็นสีขาวหรือเหลือง เกิดร่วมกับผื่นแดง ผื่นคัน ผิวลอก อาจเจ็บบริเวณผื่นได้
นอกจากผื่นคันจะเป็นอาการหนึ่งของโรคผิวหนังชนิดต่าง ๆ ผื่นคันยังอาจเกิดได้จากสาเหตุอื่น ๆ ดังนี้
- ความร้อน เนื่องจากความร้อนทำให้เหงื่อออกมาก กระทั่งต่อมเหงื่ออาจอุดตัน ส่งผลให้เกิดผดผื่นหรือผื่นคัน ทั้งนี้ ผื่นจากความร้อนมักพบในผู้ที่อาจแต่งกายมิดชิดหรือสวมเสื้อผ้าเนื้อหนาเกินไป รวมถึงผู้ที่ออกกำลังกายอย่างหนักหรือใช้แรงงานกลางแจ้งจนทำให้เหงื่อออกมากและไม่เปลี่ยนเสื้อผ้าในทันที
- ยาคอร์ติโคสเตียรอยด์ (Corticosteroids) เป็นยาต้านการอักเสบ การใช้ยาคอร์ติโคสเตียรอยด์อย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน หรือใช้เกินคำแนะนำของคุณหมอ สามารถทำให้ผิวหนังบาง หลอดเลือดฝอยขยาย และเกิดผื่นคันขึ้นได้
- โรคอื่น ๆ ผื่นคันอาจเป็นอาการของโรคอื่น ๆ ที่ไม่ใช่โรคผิวหนัง อาทิ โรคหัด โรคมือเท้าปาก โรคไข้อีดำอีแดง
วิธีแก้ผื่นคัน
วิธีแก้ผื่นคัน ทั้งที่เป็นอาการของโรคผิวหนังและเกิดจากสาเหตุอื่น ๆ สามารถรักษาได้ ดังนี้
- ลดการคันหรืออักเสบ ด้วยการทาครีมหรือยาใช้ภายนอก ซึ่งมียาสเตียรอยด์หรือยาคาลาไมน์ (Calamine) เป็นส่วนประกอบ
- กำจัดเชื้อโรค ในกรณีผื่นคันเกิดจากเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อรา คุณหมอจะจ่ายาต้านเชื้อให้คนไข้ ในรูปแบบของครีมหรือยาสำหรับรับประทาน
- บรรเทาอาการปวด บางครั้ง ผื่นคันอาจเกิดพร้อมกับอาการปวด อย่างในกรณีของโรคสะเก็ดเงิน โดยวิธีแก้ผื่นคัน คือรับประทานยาแก้ปวด เช่น อะเซตามิโนเฟน (Acetaminophen) ไอบูโพรเฟน (Ibuprofen) ตามคำแนะนำของคุณหมอ และไม่ควรรับประทานเกินระยะเวลาที่แนะนำ เพื่อหลีกเลี่ยงผลค้างเคียงไม่พึงประสงค์ อย่างอาการปวดหัวหรือคลื่นไส้
- สวมใส่เสื้อผ้าที่ระบายความร้อนได้ดี เพื่อป้องกันการเกิดต่อมเหงื่ออุดตันและผื่นคันลุกลามรวมทั้งเพื่อช่วยลดความเสี่ยงเป็นโรคสังคังเพราะความอับชื้นของชั้นใน
- หลีกเลี่ยงการสัมผัสวัตถุหรือสารที่ทำให้เกิดผื่นคัน เพื่อป้องกันผื่นคันเกิดซ้ำ หรือผื่นคันลุกลามเพราะอาจทำให้กลายเป็นปัญหาผิวหนังที่รุนแรงกว่าเดิม
- อาบน้ำด้วยน้ำอุณหภูมิปกติ และหลีกเลี่ยงการอาบน้ำด้วยน้ำร้อนหรือเย็นเกินไป เนื่องจากเป็นสาเหตุให้ผิวแห้งจนผิวหนังอักเสบหรือระคายเคืองจนเกิดผื่นคันได้
- หลีกเลี่ยงการเกา เพราะจะทำให้ผื่นคันระคายเคืองมากขึ้น และอาจนำไปสู่การติดเชื้อได้
วิธีป้องกันผื่นคัน
ผื่นคันสามารถป้องกันได้ด้วยวิธีการดังต่อไปนี้
- ทาครีม โลชั่น หรือผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของมอยเจอร์ไรเซอร์หลังอาบน้ำ เพื่อรักษาความชุ่มชื้นของผิว
- หลีกเลี่ยงการอาบน้ำร้อน หรือการแช่อยู่ในอ่างอาบน้ำนานเกิน 10 นาที เพราะอาจทำให้ผิวแห้งจนเกิดผื่นคันได้
- ดื่มน้ำอย่างน้อยวันละ 2 ลิตร เพื่อไม่ให้ร่างกายขาดน้ำ และรักษาความชุ่มชื้นของผิว
- เลือกใช้สบู่หรือผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดผิวที่อ่อนโยนต่อผิวหนัง