backup og meta

ยาคุมลดสิว ประโยชน์และผลข้างเคียงของการรักษาสิวด้วยฮอร์โมน

ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย แพทย์หญิงอัญชิสา กาญจโนมัย · โรคผิวหนัง · พรเกษมคลินิก


เขียนโดย ศุภานิช สุริโย · แก้ไขล่าสุด 22/06/2022

    ยาคุมลดสิว ประโยชน์และผลข้างเคียงของการรักษาสิวด้วยฮอร์โมน

    สิวเป็นโรคผิวหนังที่พบได้ทั้งในผู้หญิงและผู้ชาย อาจเกิดจากระดับฮอร์โมนที่เปลี่ยนแปลง ผู้หญิงบางคนมีสิวขึ้นก่อนมีประจำเดือนเนื่องจากระดับฮอร์โมนเปลี่ยนแปลงในระหว่างรอบเดือน บางคนอาจเกิดสิวได้แม้จะผ่านช่วงวัยรุ่นไปหลายปีแล้ว หรือแม้แต่วัยหมดประจำเดือนก็สามารถเกิดสิวได้เช่นกัน การรักษาสิวทำได้หลายวิธี เช่น การทายารักษาสิว การฉีดสิว รวมถึงการใช้ ยาคุมลดสิว ยาคุมกำเนิดจะช่วยควบคุมฮอร์โมนในร่างกายให้อยู่ในระดับปกติ ซึ่งอาจช่วยลดสิวได้ ทั้งนี้ การใช้ยาคุมกำเนิดเพื่อรักษาสิวอาจไม่ใช่ตัวเลือกที่เหมาะสมสำหรับทุกคน ก่อนเริ่มการรักษาควรศึกษาถึงประโยชน์และความเสี่ยงในการใช้ยา และควรปรึกษาคุณหมอหรือเภสัชกรเพื่อให้ได้รับคำแนะนำเกี่ยวกับยาที่เหมาะสมที่สุด ซึ่งอาจช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียงจากการใช้ยาคุมลดสิวได้ด้วย

    ยาคุมช่วยในการลดสิวได้อย่างไร

    สิวที่เกิดขึ้นบนใบหน้าอาจเกิดจากต่อมไขมันใต้ผิวหนังผลิตซีบัม (Sebum) หรือน้ำมันตามธรรมชาติของผิวหนังในปริมาณมากกว่าปกติ ซึ่งอาจเกิดจากรังไข่และต่อมหมวกไตผลิตฮอร์โมนเพศชายหรือฮอร์โมนแอนโดรเจน (Androgens) เช่น ฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน (Testosterone) มากเกินไป เมื่อน้ำมันส่วนเกินและสิ่งสกปรก เช่น ฝุ่น เข้าไปอุดตันรูขุมขน อาจส่งผลให้กระตุ้นการเจริญเติบโตของแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดสิวได้

    การเปลี่ยนแปลงของระดับฮอร์โมนเพศชายที่ผลิตจากรังไข่และต่อมหมวกไตของผู้หญิงสามารถก่อให้เกิดสิวได้ การใช้ยาคุมลดสิวที่ประกอบไปด้วยฮอร์โมนรวมทั้งเอสโตรเจนและโปรเจสเตอโรน จึงเป็นทางเลือกที่อาจช่วยลดปริมาณฮอร์โมนเพศชายในร่างกาย ส่งผลให้ความมันส่วนเกินน้อยลงและอาจลดความรุนแรงของปัญหาสิวได้

    ประโยชน์ของการใช้ ยาคุมลดสิว

    ประโยชน์ของการใช้ ยาคุมลดสิว อาจมีดังนี้

  • ช่วยลดการแพร่กระจายของสิว
  • ลดการเกิดสิวผด
  • ลดการอักเสบและรอยแดง
  • ประเภทยาคุมที่ช่วยในการรักษาสิว

    ยาคุมที่ใช้ในการรักษาสิวจะเป็นยาในกลุ่มฮอร์โมนรวม (Combined Oral Contraceptive – COC) โดยแต่ละประเภทจะประกอบไปด้วยเอทินิล เอสตราไดออล (Ethinyl estradiol) ซึ่งเป็นฮอร์โมนสังเคราะห์ที่คล้ายฮอร์โมนเอสโตรเจนในปริมาณต่ำ และมีฮอร์โมนสังเคราะห์ที่คล้ายโปรเจสเตอโรนที่ต่างชนิดกันไป เช่น

    • ยานอร์เจสทิเมทและเอทินิล เอสตราไดออล (Norgestimate, Ethinyl estradiol) ใช้รักษาสิวในระดับปานกลาง โดยควรใช้ติดต่อกันเพื่อให้รักษาสิวได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    • ยานอร์อิทิสเตอโรนและเอทินิล เอสตราไดออล (Norethisdrone, Ethinyl estradiol) ใช้ในการรักษาสิวระดับปานกลาง ช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดรูขุมขนอุดตันที่เป็นต้นเหตุของสิว
    • ยาดรอสไพรีโนนและเอทินิล เอสตราไดออล (Drospirenone, ethinyl estradiol) เหมาะสำหรับการรักษาสิวที่ไม่รุนแรง ทั้งนี้ การใช้ยาคุมชนิดนี้อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดภาวะลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำ จึงควรปรึกษาคุณหมอและเภสัชกรก่อนการใช้ยาเพื่อความปลอดภัย

    การใช้ ยาคุมลดสิว อย่างถูกวิธี

    การใช้ยาคุมลดสิวอย่างมีประสิทธิภาพ อาจทำได้ดังนี้

    • ควรปรึกษาคุณหมอหรือเภสัชกรก่อนใช้ยาคุมลดสิว เนื่องจากการใช้ยาคุมกำเนิดอาจมีผลข้างเคียง เช่น ปวดศีรษะ คลื่นไส้ ปวดบริเวณเต้านม
    • ควรรับประทานยาตามคำแนะนำของคุณหมอหรือเภสัชกรอย่างเคร่งครัด และควรใช้ยาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ยามีประสิทธิภาพสูงสุด
    • อาจต้องรับประทานยาคุมกำเนิดอย่างน้อย 2-3 เดือน สิวจึงจะเริ่มลดลง และในช่วงแรกที่รับประทานยา อาจมีสิวเยอะขึ้น ซึ่งถือเป็นเรื่องปกติเมื่อเริ่มใช้ยาคุมกำเนิด
    • ผู้ที่มีโรคประจำตัวหรือใช้ยาเพื่อรักษาโรคเป็นประจำ จำเป็นต้องปรึกษาคุณหมอหรือเภสัชกรทุกครั้งก่อนใช้ยาคุมเพื่อลดสิว เนื่องจากยาบางชนิดอาจส่งผลเสียต่อร่างกายได้ หากใช้ร่วมกัน
    • หากกำลังรักษาสิวด้วยวิธีการอื่น เช่น ทายารักษาสิว เลเซอร์รักษาสิว และต้องการเริ่มใช้ยาคุมลดสิว ให้ใช้ยาคุมกำเนิดควบคู่กับการรักษาสิวด้วยวิธีอื่นที่ทำอยู่ เนื่องจากยาคุมกำเนิดช่วยปรับระดับฮอร์โมนเพศเท่านั้น จึงอาจใช้ลดสิวที่เกิดจากปัจจัยอื่น ๆ ไม่ได้
    • หากต้องการหลีกเลี่ยงผลข้างเคียงจากการใช้ยาคุม อาจเลือกใช้ยาคุมกำเนิดประเภทที่มีปริมาณยาต่ำสุด แต่หากเป็นสิวในระดับปานกลางหรือรุนแรง อาจต้องใช้ยาคุมกำเนิดที่มีปริมาณยาสูงขึ้น เพื่อให้ช่วยปรับระดับฮอร์โมนเพศได้อย่างมีประสิทธิภาพ

    ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นเมื่อใช้ยาคุมลดสิว

    ผลข้างเคียงในการใช้ยาคุม อาจมีดังนี้

  • ปวดศีรษะ
  • คลื่นไส้ อาเจียน
  • อารมณ์แปรปรวน หงุดหงิดง่าย
  • ประจำเดือนมาไม่ปกติ
  • ผลข้างเคียงที่รุนแรง อาจมีดังนี้

    • โรคตับและถุงน้ำดี
    • โรคความดันโลหิตสูง และโรคเกี่ยวกับหัวใจ
    • ภาวะซึมเศร้า

    ผู้ที่ไม่ควรใช้ยาคุมลดสิว

    ผู้ที่ควรหลีกเลี่ยงการใช้ยาคุมลดสิว อาจมีดังนี้

    • กำลังตั้งครรภ์หรือพยายามตั้งครรภ์
    • ยังไม่ถึงวัยเจริญพันธุ์หรือยังไม่มีประจำเดือน
    • อายุมากกว่า 35 ปีและสูบบุหรี่
    • เป็นไมเกรน
    • มีความดันโลหิตสูงและโรคหลอดเลือด
    • เป็นโรคหัวใจ
    • มีประวัติมะเร็งเต้านม เคยมีเลือดออกจากมดลูกผิดปกติและยังไม่ได้รับการวินิจฉัย หรือเป็นโรคตับ
    • มีประวัติลิ่มเลือดอุดตัน

    หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย

    แพทย์หญิงอัญชิสา กาญจโนมัย

    โรคผิวหนัง · พรเกษมคลินิก


    เขียนโดย ศุภานิช สุริโย · แก้ไขล่าสุด 22/06/2022

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา