backup og meta

โรคหิด สาเหตุ อาการ และการรักษา

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย พลอย วงษ์วิไล


เขียนโดย ปัญญพัฒน์ เอี่ยมสิน · แก้ไขล่าสุด 20/04/2022

    โรคหิด สาเหตุ อาการ และการรักษา

    โรคหิด เป็นโรคผิวหนังที่เกิดจากการที่ตัวหิด เจาะลงไปในผิวหนังชั้นบนและทำการวางไข่ จนส่งผลให้เกิดอาการคันอย่างรุนแรง ตุ่มนูนเล็ก ๆ และอาจเป็นแผลพุพอง อีกทั้งยังสามารถแพร่กระจายไปสู่ผู้อื่นได้อย่างรวดเร็ว อย่างไรก็ตาม โรคหิดสามารถรักษาให้หายได้ด้วยการใช้ยากำจัดตัวหิดในรูปแบบครีมหรือโลชั่นที่คุณหมอแนะนำ รวมถึงการดูแลสุขภาพผิวเพื่อป้องกันการกลับมาเป็นซ้ำ

    โรคหิด คืออะไร

    โรคหิด คือ โรคผิวหนังที่มีสาเหตุมาจากการถูกตัวหิด ซึ่งเป็นตัวไรชนิดหนึ่ง กัดและเข้าไปวางไข่ในผิวหนังชั้นบน ทำให้เกิดตุ่มแดงคล้ายสิว และอาการคันอย่างรุนแรง นอกจากนี้ เมื่อตัวหิดโตเต็มที่ก็อาจแพร่กระจายไปยังผิวหนังส่วนอื่น ๆ และบุคคลอื่นรอบตัวได้ ผ่านทางการสัมผัสทางผิวหนังโดยตรงและการใช้สิ่งของร่วมกัน เช่น เสื้อผ้า ผ้าขนหนู ผ้าปูที่นอน ผ้าห่ม

    นอกจากนี้ ยังมีโรคหิดนอร์เวย์ (Norwegian scabies) ที่มีความรุนแรงมากกว่าโรคหิดธรรมดา เนื่องจากมีปริมาณของตัวหิดในผิวหนังมากกว่าล้านตัว เทียบกับโรคหิดธรรมดาที่อาจมีตัวหิดแค่ประมาณ 10-15 ตัวเท่านั้น ทำให้ผู้ป่วยมีอาการรุนแรงมากกว่า และมีอาการผิวหนังเป็นสะเก็ด หรือลอกเป็นขุย มักพบได้ในผู้สูงอายุและผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ เช่น ผู้ที่ติดเชื้อเอชไอวี ผู้ป่วยโรคมะเร็งเม็ดเลือดขาว

    อาการของโรคหิด

    อาการของโรคหิดสามารถเกิดขึ้นทั่วทั้งร่างกาย เช่น รักแร้ ระหว่างนิ้ว รอบเอว ฝ่าเท้า อวัยวะเพศชาย บั้นท้าย ข้อพับ ข้อศอก ข้อมือ เข่า สำหรับเด็กทารกและเด็กเล็กอาจพบอาการบริเวณศีรษะ ฝ่ามือ และฝ่าเท้า

    อาการของโรคหิดที่พบได้บ่อย มีดังนี้

  • อาการคัน ที่อาจมีอาการแย่ลงในเวลากลางคืน
  • ตุ่มน้ำเล็ก ๆ หรือตุ่มนูน บนผิวหนังคล้ายสิว
  • ผื่นเป็นวงแดง
  • แผลพุพอง
  • แผลที่เกิดจากการเกา
  • ผิวหนังเป็นสะเก็ด
  • ผู้ที่ไม่เคยเป็นโรคหิดมาก่อน อาจใช้เวลา 4-8 สัปดาห์กว่าอาการจะกำเริบ แต่สำหรับผู้ที่เคยเป็นโรคหิดมาแล้วและเป็นซ้ำ อาการอาจปรากฏภายใน 1-4 วัน หลังจากติดเชื้อ

    การรักษาโรคหิด

    การรักษาโรคหิด มีดังนี้

  • ยาเพอร์เมทริน (Permethrin) เป็นยาในรูปแบบครีมทาผิวหนัง ที่มีสารที่ช่วยฆ่าตัวหิดและไข่หิด ยานี้อาจปลอดภัยสำหรับเด็กอายุ 2 เดือนขึ้นไป รวมถึงผู้ใหญ่และสตรีมีครรภ์ แต่เพื่อความปลอดภัยควรใช้ตามคำแนะนำของคุณหมอ
  • ยาโครตาไมตอน (Crotamiton) คือยาในรูปแบบครีม โลชั่น ที่ใช้เพื่อฆ่าตัวหิด โดยอาจทาบริเวณที่ได้รับผลกระทบวันละ 1 ครั้ง
  • ยาไอเวอร์เมคติน (Ivermectin) ยานี้ใช้สำหรับผู้ป่วยที่มีระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอและเป็นโรคหิดนอร์เวย์ รวมถึงผู้ที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยยาในรูปแบบครีมหรือโลชั่น ไม่แนะนำให้ใช้ยานี้กับสตรีตั้งครรภ์หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร และเด็กที่มีน้ำหนักน้อยกว่า 15 กิโลกรัม เพราะอาจก่อให้เกิดอันตราย
  • ยาแก้แพ้ ใช้เพื่อช่วยบรรเทาอาการคัน โดยสามารถซื้อได้ตามร้านขายยาทั่วไป
  • การดูแลตัวเองเมื่อเป็นโรคหิด

    วิธีการดูแลตัวเองเมื่อเป็นโรคหิด อาจทำได้ดังนี้

    • หลีกเลี่ยงการอยู่ใกล้ชิดกับผู้อื่น เพื่อป้องกันการแพร่กระจายของโรคหิด
    • แยกของใช้ส่วนตัว และซักเสื้อผ้า ผ้าห่ม และผ้าปูที่นอนให้สะอาด หากเป็นไปได้ควรตากแดดหรืออบผ้าด้วยความร้อน เพื่อฆ่าตัวหิดที่อาจตกค้างอยู่
    • ควรอาบน้ำและซับผิวให้แห้งก่อนทายา และล้างมือหลังจากทายาทุกครั้ง ทั้งนี้ ยารักษาโรคหิดควรอยู่บนผิวหนังประมาณ 8-14 ชั่วโมง เพื่อให้ยาออกฤทธิ์ได้อย่างมีประสิทธิภาพ
    • ใช้ยาตามกำหนดอย่างสม่ำเสมอ จนกว่าคุณหมอจะสั่งให้หยุดยา และเข้าพบคุณหมอตามการนัดหมาย เพื่อให้ตรวจดูอาการ

    หมายเหตุ

    Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

    ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย

    พลอย วงษ์วิไล


    เขียนโดย ปัญญพัฒน์ เอี่ยมสิน · แก้ไขล่าสุด 20/04/2022

    advertisement iconโฆษณา

    คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

    advertisement iconโฆษณา
    advertisement iconโฆษณา