backup og meta

อุ้งเชิงกรานอักเสบ อาการ การรักษาและการป้องกัน

อุ้งเชิงกรานอักเสบ อาการ การรักษาและการป้องกัน

อุ้งเชิงกรานอักเสบ เป็นการติดเชื้อทางอวัยวะสืบพันธุ์ ส่วนใหญ่เกิดจากโรคหนองในแท้และโรคหนองในเทียม อาจทำให้มีอาการปวดอุ้งเชิงกราน เจ็บปวดเมื่อปัสสาวะ และอาจมีเลือดออกทางช่องคลอดขณะมีเพศสัมพันธ์ หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที อาจเสี่ยงต่อภาวะมีบุตรยาก หรือการตั้งครรภ์นอกมดลูกได้

[embed-health-tool-ovulation]

คำจำกัดความ

อุ้งเชิงกรานอักเสบคืออะไร

อุ้งเชิงกรานอักเสบ คือ การติดเชื้อทางอวัยวะสืบพันธ์ุของสตรี ได้แก่ มดลูก รังไข่ ท่อนำไข่ และปากมดลูก ซึ่งอาจเป็นภาวะแทรกซ้อนจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น โรคหนองในเทียม โรคหนองในแท้ หากไม่ได้รับการรักษาอาจทำให้เกิดปัญหามีลูกยาก ปัญหาระหว่างตั้งครรภ์ หรืออาจมีอาการปวดกระดูกเชิงกรานเรื้อรังได้

อุ้งเชิงกรานอักเสบพบบ่อยแค่ไหน

อุ้งเชิงกรานอักเสบพบบ่อยในผู้หญิงอายุ 15-24 ปี และความเสี่ยงเป็นโรคอุ้งเชิงกรานอักเสบอาจเพิ่มสูงขึ้นหากมีโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เคยมีประวัติอุ้งเชิงกรานอักเสบมาก่อน เปลี่ยนคู่นอนบ่อย และสวนล้างอวัยวะเพศ

อาการ

อาการอุ้งเชิงกรานอักเสบ

โรคอุ้งเชิงกรานอักเสบมักไม่แสดงอาการชัดเจน ทำให้ผู้ป่วยหลายคนอาจไม่รู้ตัว อาการของอุ้งเชิงกรานอักเสบอาจมีอาการตั้งแต่ไม่รุนแรงไปจนถึงรุนแรงมาก ดังนี้

  • ปวดบริเวณอุ้งเชิงกราน หรือท้องน้อย
  • รู้สึกเจ็บปวดเมื่อปัสสาวะ หรือระหว่างมีเพศสัมพันธ์
  • มีเลือดออกทางช่องคลอด โดยเฉพาะหลังหรือระหว่างมีเพศสัมพันธ์
  • ตกขาวผิดปกติ มีกลิ่นเหม็น อาจมีสีเขียวหรือสีเหลือง
  • ประจำเดือนมามาก

ผู้ป่วยบางคนอาจมีอาการรุนแรงขึ้น ดังนี้

  • ไม่สบายตัว หนาวสั่น มีไข้
  • ปวดท้องรุนแรง

สาเหตุ

สาเหตุอุ้งเชิงกรานอักเสบ

อุ้งเชิงกรานอักเสบเกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรีย สาเหตุที่พบบ่อยที่สุด คือ โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ โดยเฉพาะโรคหนองในเทียม และโรคหนองในแท้ ซึ่งสามารถติดต่อได้เมื่อมีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน นอกจากนี้ อวัยวะสืบพันธ์ุอาจได้รับเชื้อแบคทีเรียจากสาเหตุอื่นได้ เช่น การสวนล้างช่องคลอด ช่วงมีประจำเดือน ช่วงหลังคลอด การทำแท้ง การแท้งบุตร หรือกระบวนการทางแพทย์ที่ต้องใช้อุปกรณ์สอดเข้าช่องคลอด

ปัจจัยเสี่ยง

ปัจจัยเสี่ยงอุ้งเชิงกรานอักเสบ

ปัจจัยบางประการอาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคอุ้งเชิงกรานอักเสบได้ ดังนี้

  • เปลี่ยนคู่นอนบ่อย
  • อายุน้อยกว่า 25 ปี
  • มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ป้องกัน
  • สวนล้างช่องคลอดบ่อยครั้ง
  • เคยเป็นโรคกระดูกเชิงกรานอักเสบ หรือเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์

การวินิจฉัยและการรักษา

ข้อมูลในที่นี้ไม่มีเจตนาให้ใช้ทดแทนคำแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษาคุณหมอทุกครั้งเพื่อรับทราบข้อมูลเพิ่มเติม

การวินิจฉัยอุ้งเชิงกรานอักเสบ

การวินิจฉัยอุ้งเชิงกรานอักเสบ คุณหมอสามารถทำได้ ดังนี้

  • ตรวจร่างกายเพื่อหาสัญญาณของอุ้งเชิงกรานอักเสบ และตรวจหาโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ โดยเฉพาะโรคหนองในแท้และหนองในเทียม เพราะอาจทำให้เกิดอุ้งเชิงกรานอักเสบได้
  • หากผู้ป่วยมีอาการปวดท้องน้อย คุณหมออาจตรวจช่องคลอดหรือปากมดลูก หากมีอาการตกขาวผิดปกติ อาจตรวจรังไข่หรือท่อนำไข่เพื่อตรวจหาฝี และตรวจอาการเจ็บปวดอวัยวะเพศด้วย
  • ตรวจการติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ
  • อัลตราซาวด์ตรวจอวัยวะภายใน เพื่อหาสัญญาณของอุ้งเชิงกรานอักเสบ

การรักษาอุ้งเชิงกรานอักเสบ

หากตรวจพบโรคอุ้งเชิงกรานอักเสบตั้งแต่ในระยะแรก ๆ สามารถรักษาได้ด้วยยาปฏิชีวนะ โดยคุณหมอจะรักษาอย่างครอบคลุม เนื่องจากอุ้งเชิงกรานอักเสบอาจเกิดจากโรคหนองในแท้ หรือโรคหนองในเทียม จึงต้องให้ยาปฏิชีวนะผสมกันเพื่อรักษาสาเหตุของการเกิดโรคอุ้งเชิงกรานอักเสบด้วย

ในการรักษา ผู้ป่วยต้องรับประทานยาปฏิชีวนะประมาณ 14 วัน หรืออาจรับการฉีดยาปฏิชีวนะเพียงครั้งเดียว ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของคุณหมอ และควรมีวินัยในการรับประทานยา เพื่อจะได้กำจัดการติดเชื้อได้ทั้งหมด

หากมีอาการปวดอุ้งเชิงกรานหรือปวดท้องน้อย ผู้ป่วยสามารถกินยาแก้ปวด เช่น พาราเซตามอลหรือไอบูโพรเฟน (Ibuprofen) ร่วมกับยาปฏิชีวนะได้

การรักษาอุ้งเชิงกรานอักเสบสามารถช่วยป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้ ดังนี้

  • ปวดอุ้งเชิงกรานหรือปวดท้องน้อยเรื้อรัง
  • ภาวะมีบุตรยาก
  • การตั้งครรภ์นอกมดลูก
  • ป้องกันท่อนำไข่อุดตันที่อาจเกิดจากการก่อตัวของเนื้อเยื่อแผลภายในและภายนอกท่อน้ำไข่

การปรับไลฟ์สไตล์และการดูแลตัวเอง

การปรับไลฟ์สไตล์และการดูแลตัวเองเพื่อช่วยจัดการอุ้งเชิงกรานอักเสบ

การดูแลตัวเองเพื่อป้องกัน และจัดการปัญหาอุ้งเชิงกรานอักเสบสามารถทำได้ ดังนี้

  • ป้องกันทุกครั้งที่มีเพศสัมพันธ์ ด้วยถุงยางอนามัย แผ่นยางอนามัย เป็นต้น และไม่ควรเปลี่ยนคู่นอนบ่อย นอกจากนี้ ควรถามประวัติสุขภาพทางเพศของคู่นอน เพื่อลดความเสี่ยงในการเกิดโรคติดต่อทางเพศ
  • ตรวจคัดกรองโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ หากมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ควรรีบเข้าพบคุณหมอเพื่อตรวจและรักษาตั้งแต่เนิ่น ๆ เพื่อลดโอกาสเกิดโรคอุ้งเชิงกรานอักเสบ
  • หลีกเลี่ยงการสวนล้างช่องคลอด เพราะการสวนล้างจะทำลายความสมดุลของแบคทีเรียภายในช่องคลอด ซึ่งอาจทำให้เกิดการติดเชื้อได้ง่ายขึ้น
  • หากผู้ป่วยมีปัญหาอุ้งเชิงกรานอักเสบหรือมีโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ควรแนะนำให้คู่นอนเข้ารับการตรวจและรักษาเพื่อป้องกันการแพร่กระจายของโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และการกลับมาเกิดซ้ำของโรคอุ้งเชิงกรานอักเสบ

หมายเหตุ

Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

What Is Pelvic Inflammatory Disease?. https://www.webmd.com/women/guide/what-is-pelvic-inflammatory-disease. Accessed September 20, 2021

Pelvic inflammatory disease. https://www.nhs.uk/conditions/pelvic-inflammatory-disease-pid/. Accessed September 20, 2021

Pelvic inflammatory disease (PID). https://www.mayoclinic.org/diseases-conditions/pelvic-inflammatory-disease/symptoms-causes/syc-20352594. Accessed September 20, 2021

Pelvic Inflammatory Disease (PID). https://www.cdc.gov/std/pid/stdfact-pid.htm. Accessed September 20, 2021

Pelvic Inflammatory Disease (PID). https://www.acog.org/womens-health/faqs/pelvic-inflammatory-disease. Accessed September 20, 2021

Pelvic inflammatory disease. https://www.womenshealth.gov/a-z-topics/pelvic-inflammatory-disease. Accessed September 20, 2021

เวอร์ชันปัจจุบัน

30/09/2022

เขียนโดย ทัตพร อิสสรโชติ

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย พลอย วงษ์วิไล

อัปเดตโดย: พลอย วงษ์วิไล


บทความที่เกี่ยวข้อง

ความบกพร่องทางเพศของผู้ชาย กับปัจจัยเสี่ยงที่ควรระวัง

ปัจจัยเสี่ยงมีลูกยากในผู้หญิง มีอะไรบ้าง


ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย

พลอย วงษ์วิไล


เขียนโดย ทัตพร อิสสรโชติ · แก้ไขล่าสุด 30/09/2022

ad iconโฆษณา

คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา