เมื่อเกิดแผลบนร่างกายจนเลือดออก หลายคนจะนึกถึง โรคบาดทะยัก โดยเฉพาะตอนที่ถูกของมีคมซึ่งขึ้นสนิมบาดร่างกาย จริง ๆ แล้วโรคนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร ป้องกันได้หรือไม่ วัคซีนบาดทะยัก เมื่อฉีดให้ผู้ใหญ่ ต้องฉีดวัคซีนกี่เข็ม
[embed-health-tool-bmi]
โรคบาดทะยัก คืออะไร
โรคบาดทะยัก (Tetanus) จัดว่าเป็นโรคติดเชื้อที่อยู่ในกลุ่มของโรคทางประสาทและกล้ามเนื้อ สาเหตุของโรคบาดทะยัก เกิดจากเชื้อแบคทีเรียชื่อว่า Clostidium tetani ซึ่งเชื้อแบคทีเรียชนิดนี้จะผลิต Exotoxin มีพิษต่อเส้นประสาทซึ่งควบคุมการทำงานของกล้ามเนื้อ เกิดเป็นอาการหดเกร็งตัวอยู่ตลอดเวลา อาการเริ่มแรกของโรคบาดทะยัก กล้ามเนื้อขากรรไกรจะเกร็ง จนอ้าปากไม่ได้ โรคบาดทะยัก จึงมีอีกชื่อหนึ่งว่า โรคขากรรไกรแข็ง (Lockjaw) ทำให้ผู้ป่วยมีอาการคอแข็ง หลังแข็ง จากนั้นจะเกิดอาการเกร็งของกล้ามเนื้อทั่วทั้งตัว และเสี่ยงต่ออาการชัก
เนื่องจากเชื้อแบคทีเรียชนิดนี้อยู่ในรูปแบบของสปอร์ พบได้ในดินตามพื้นหญ้า ในสิ่งแวดล้อมที่ปนเปื้อนด้วยมูลสัตว์ และพบได้ในลำไส้ของคนและสัตว์ โดยเชื้อจะเข้าสู่ร่างกายทางบาดแผล แบ่งตัวและขับ Exotoxin ออกมา โดยเฉพาะในแผลลึกที่เชื้อจะเจริญแบ่งตัวได้ดี เช่น
- บาดแผลจากตะปูตำ
- แผลไฟไหม้
- แผลจากน้ำร้อนลวก
- เกิดผิวหนังถลอกเป็นบริเวณกว้าง
- เกิดบาดแผลในปาก ฟันผุ
- เชื้อแบคทีเรียเข้าทางหูที่อักเสบ จากการใช้เศษไม้หรือต้นหญ้าที่มีเชื้อ มาแคะฟันหรือแยงในใบหู
อาการของโรคบาดทะยัก
- ระยะจากที่เชื้อเข้าสู่ร่างกายจะมีอาการขากรรไกรแข็ง อ้าปากไม่ได้ มีอาการคอแข็ง
- หลังจากอาการแรก 1-2 วัน จะเริ่มมีอาการเกร็งแข็งในส่วนอื่น เช่น หลัง แขน ขา ลักษณะอาการจะทำให้การยืนและเดินผิดปกติ หลังแข็ง แขนเหยียดเกร็ง ก้มหลังลงไม่ได้ และใบหน้าจะมีลักษณะเฉพาะคล้ายยิ้มแสยะ
- ระยะต่อไปอาจเกิดการกระตุก หากเกิดเสียงดังหรือสัมผัสร่างกายของผู้ติดเชื้อ ตัวจะเกร็ง อาการกระตุกจะหนักขึ้น ลักษณะหลังแอ่น ใบหน้าจะออกสีเขียว
- เมื่อเกิดอาการรุนแรงมาก ผู้ป่วยจะหายใจลำบากถึงขั้นเสียชีวิตได้
การดูแลร่างกายเมื่อเกิดแผล
- ทำความสะอาดแผลทันที ด้วยการฟอกด้วยสบู่ ล้างด้วยน้ำสะอาด เช็ดด้วยยาฆ่าเชื้อ เช่น แอลกอฮอล์ 70% หรือทิงเจอร์ใส่แผลสด พร้อมทั้งให้ยารักษาการติดเชื้อ
- ผู้ป่วยที่ไม่เคยได้รับวัคซีนป้องกันบาดทะยักมาก่อน แพทย์หรือเจ้าหน้าที่โรงพยาบาล อาจได้รับวัคซีนบาดทะยัก
- หากเคยได้รับวัคซีนบาดทะยักมานานเกิน 10 ปี แพทย์จะพิจารณาให้วัคซีนบาดทะยักสำหรับผู้ใหญ่ ในปริมาณที่เหมาะสม
- ผู้ป่วยที่หายจากโรคบาดทะยัก ต้องให้วัคซีนป้องกันโรคบาดทะยักครบชุด
วัคซีนบาดทะยัก ผู้ใหญ่ กี่เข็ม
โรคคอตีบและบาดทะยัก สามารถป้องกันได้ด้วยวัคซีนป้องกันโรคคอตีบ – บาดทะยัก (dT) ซึ่งเป็นวัคซีนที่มีประสิทธิภาพสูงในการป้องกันโรคคอตีบ บาดทะยัก สร้างขึ้นจากพิษของเชื้อที่ทำให้หมดความสามารถในการก่อโรค ผ่านขบวนการผลิตที่มีมาตรฐาน ปลอดภัย ไม่มีเชื้อโรคที่มีชีวิตหลงเหลืออยู่ โดยวัคซีนบาดทะยักจะให้กับเด็กและผู้ใหญ่ แตกต่างกัน ดังนี้
- เด็กที่มีอายุ7 ปีขึ้นไป และผู้ใหญ่ต้องได้รับวัคซีน ป้องกันโรคคอตีบ บาดทะยัก ทุกคน โดยฉีดเข้ากล้ามเนื้อ
- บุคคลที่ได้รับวัคซีนคอตีบ-บาดทะยัก-ไอกรน ครบ 5 ครั้ง เมื่อวัยเด็กและได้รับวัคซีนคอตีบ บาดทะยัก 1 ครั้ง เมื่อเรียนชั้นประถามศึกษา ปีที่ 6 (12 ปี) ให้วัคซีน 1 ครั้ง เมื่ออายุ 20 ปี จากนั้นกระตุ้นซ้ำ 1 ครั้ง ทุก 10 ปี
- บุคคลที่ไม่ได้รับวัคซีนคอตีบ ไอกรน บาดทะยัก มาก่อน หรือไม่ครบ 3 ครั้งต้องให้วัคซีนจนครบ 3 ครั้ง โดยมีระยะห่าง 0, 1, 6 เดือน เป็นชุดแรก หลังจากนั้นกระตุ้นซ้ำ 1 ครั้ง ทุก 10 ปี
บุคคลที่ไม่ทราบประวัติ/จำประวัติการได้รับวัคซีนคอตีบไม่ได้ควรให้วัคซีนจนครบ 3 ครั้ง โดยมีระยะห่าง 0, 1, 6 เดือน หลังจากนั้นกระตุ้นซ้ำ 1 ครั้ง ทุก 10 ปี ในกรณีที่มีอาการปวดบวมที่แขน บริเวณที่ฉีดลามไปถึงบริเวณหัวไหล่ ข้อศอก หรือทั้งแขน ให้ยุติการให้วัคซีนครั้งต่อไปและกระตุ้นซ้ำทุก 10 ปี