สูตรเจลลี่สตรอว์เบอร์รี่

เมื่อคุณรับประทานอาหารคาวเป็นอันเสร็จสิ้น แน่นอนว่าคุณอาจกำลังต้องการขนมหวานไว้ดับคาวจากอาหารมื้อที่ผ่านมาเล็กน้อย เพื่อตัดรสชาติคาวของเนื้อสัตว์ หรือดับอาการเผ็ดร้อนจากอาหารที่เพิ่งรับประทานไป แต่จะเลือกทำขนมอย่างไร ให้มีประโยชน์ทางสุขภาพร่วมด้วย บทความของ Hello คุณหมอ วันนี้จึงได้มี สูตรเจลลี่สตรอว์เบอร์รี่ มาฝากเป็นอีกทางเลือกให้ทุกคนได้ลองทำกันค่ะ

สูตรเจลลี่สตรอว์เบอร์รี่

วัตถุดิบในการทำเจลลี่สตรอว์เบอร์รี่

• ผงเจลาติน 2 ช้อนโต๊ะ
• น้ำผลไม้สตรอว์เบอร์รี่สำเร็จรูป 4 ถ้วย (คุณอาจเลือกใช้เป็น น้ำสตรอว์เบอร์รี่คั้นสด แบบปราศจากการเติมน้ำตาล)
• น้ำผึ้ง 2 ช้อนโต๊ะ

ขั้นตอนการทำเจลลี่สตรอว์เบอร์รี่

หากมีความต้องการในการเปลี่ยนรสชาติผลไม้ หรือต้องการทำเจลลี่ที่มีรสชาติหลากหลายเพิ่มอรรถรสในการรับประทาน อาจสามารถหาน้ำผลไม้อื่น ๆ ที่ชื่นชอบมาร่วมด้วยได้ เช่น น้ำมะม่วง น้ำแตงโม น้ำองุ่น เป็นต้น

ประโยชน์ของสตรอว์เบอร์รี่ ที่ดีต่อสุขภาพ

สตรอว์เบอร์รี่ (Strawberry) ถือเป็นหนึ่งในผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ที่อุดมไปด้วยสารอาหารมากมาย เช่น วิตามินซี วิตามินเอ โพแทสเซียม และฟอสฟอรัส เป็นต้น ที่อาจช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานระบบต่าง ๆ ในร่างกายของเราให้แข็งแรง รวมถึงยังให้ประโยชน์อีกมากมายแก่สุขภาพ ดังต่อไปนี้

• ปรับปรุงสุขภาพหัวใจ

จากการศึกษาหนึ่ง โดยมีผู้เข้าร่วมทดสอบอยู่ในกลุ่มวัยกลางคนที่มีอัตราเสี่ยงในการประสบกับโรคหัวใจพบว่า สตรอว์เบอร์รี่นั้น อาจสามารถช่วยลดคอเลสเตอรอล ลดความดันโลหิต ปรับปรุงการทำงานของหลอดเลือด และลดปฏิกิริยาออกซิเดชั่นได้เป็นอย่างดี เนื่องจากผลเบอร์รี่มักประกอบด้วยแอนโธไซยานิน (Anthocyanin) ที่มีส่วนช่วยให้สุขภาพหัวใจมีการทำงานที่ดีขึ้น

• บรรเทาอาการท้องผูก

การรับประทานผลไม้จำพวกสตรอว์เบอร์รี่ องุ่น แตงโม อย่างเป็นประจำ อาจช่วยให้เพิ่มปริมาณน้ำในร่างกายได้มากขึ้น และยังทำให้ร่างกายภายในของเรารู้สึกชุ่มชื้นตลอดเวลา อีกทั้งยังปรับปรุงระบบการเคลื่อนไหวของลำไส้ ให้เราห่างไกลจากอาการท้องผูกได้ เพราะผลไม้ส่วนใหญ่นั้นมักประกอบด้วยไฟเบอร์ที่มีส่วนช่วยสำคัญในการบรรเทาอาการท้องผูกได้เป็นอย่างดี

เนื่องจากสารต้านอนุมูลอิสระในสตรอว์เบอร์รี่ มีส่วนช่วยในการต้านอนุมูลอิสระภายในร่างกายที่อาจก่อให้เกิดโรคร้ายแรงต่าง ๆ ได้หลายประการ จากการทบทวนการศึกษาในปีค.ศ. 2016 ชี้ให้เห็นว่าสารต้านอนุมูลอิสระสามารถช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเนื้องอก และลดการอักเสบของเซลล์ที่ได้รับความเสียหายได้

แต่ถึงอย่างไรการทานผลไม้อย่างเป็นประจำก็อาจไม่สามารถช่วยรักษาโรคมะเร็งได้โดยตรง แต่อาจสามารถช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดโรคมะเร็งในผู้ป่วยบางคนที่กำลังประสบได้แทน

ข้อควรระวัง เมื่อทานสตรอว์เบอร์รี่

สำหรับบุคคลทั่วไปแล้ว การรับประทานสตรอว์เบอร์รี่อาจให้ความปลอดภัย แต่ขณะเดียวกันก็อาจส่งผลกระทบบางอย่างโดยเฉพาะกับเด็กเล็กได้ หรืออาจก่อให้เกิดอาการแพ้ละอองเกสรขึ้น อีกทั้งยังอาจทำให้ผู้ที่แพ้สตรอว์เบอร์รี่บางราย มีอาการเสี่ยวซ่านในช่องปาก ลมพิษ ปวดศีรษะ ใบหน้าบวม จนกระทั่งพัฒนาสู่กรณีรุนแรงอย่างอาการหายใจลำบากได้อีกด้วย

ดังนั้นการบริโภคสตรอว์เบอร์รี่ควรจัดให้อยู่ในปริมาณที่เหมาะสม หรือในปริมาณหนึ่งถ้วยต่อวัน (166 กรัม) อีกทั้งหากเกิดอาการแพ้ดังกล่าวข้างต้นขึ้น คุณควรรีบหยุดรับประทาน และเข้ารับการรักษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในทันทีก่อนเกิดอันตรายต่อสุขภาพตามมา