ลักษณะท้องของคนท้อง อาจแตกต่างกันในแต่ละคน โดยอาจเปลี่ยนแปลงตามอายุครรภ์ การออกกำลังกาย การรับประทานอาหาร ขนาดตัวหรือลักษณะของทารกในครรภ์ ลักษณะท้องที่เปลี่ยนแปลงไปอาจไม่ได้บ่งบอกถึงเพศของทารกในครรภ์ว่าเป็นเพศชายหรือเพศหญิง และอาจไม่ได้บอกถึงสุขภาพของทางรกในครรภ์ แต่ในบางกรณีลักษณะท้องอาจเป็นสัญญาณเตือนของภาวะสุขภาพบางประการ ดังนั้น คุณแม่จึงควรเข้ารับการตรวจครรภ์ตามนัดหมายของคุณหมออย่างสม่ำเสมอ เพื่อสุขภาพครรภ์ของคุณแม่และสุขภาพของทารกในครรภ์
ลักษณะท้องของคนท้อง บอกอะไร
ลักษณะท้องของคนท้องแต่ละคนอาจแตกต่างกันไป อาจขึ้นอยู่กับอาหาร การออกกำลังกายและลักษณะของทารกในครรภ์ด้วย ดังนี้
ลักษณะท้องเล็ก
ลักษณะท้องของคนท้องที่มีลักษณะท้องเล็ก อาจมีสาเหตุมาจากการรับประทานอาหาร การออกกำลังกายและขนาดตัวทารกในครรภ์ นอกจากนี้ลักษณะท้องเล็กยังอาจเกี่ยวข้องกับสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้
- หน้าท้องที่เล็กอาจเกี่ยวข้องกับอายุครรภ์ โดยหน้าท้องจะขยายใหญ่ขึ้นประมาณ 1 เซนติเมตร/สัปดาห์ หากอายุครรภ์ยังน้อยและทารกยังมีขนาดตัวเล็กก็อาจทำให้ลักษณะหน้าท้องมีขนาดเล็ก
- สำหรับคุณแม่ที่รับประทานอาหารเพื่อสุขภาพ เช่น อาหารไขมันต่ำ น้ำตาลน้อย และออกกำลังกายเป็นประจำ อาจช่วยให้มดลูกที่กำลังเติบโตไม่ยื่นออกมามากนัก ทั้งยังทำให้กล้ามเนื้อหน้าท้องแข็งแรง ไม่มีการสะสมของไขมัน ส่งผลให้หน้าท้องดูเล็กลง อาจเป็นไปได้ว่าคุณแม่ที่มีขนาดตัวสูงอาจมีหน้าท้องที่เล็กกว่าคุณแม่ที่มีขนาดตัวที่เล็กกว่า
นอกจากนี้ ลักษณะท้องเล็กอาจเป็นเพราะปัญหาการตั้งครรภ์บางประการอย่างภาวะน้ำคร่ำน้อย คือ ภาวะมีปริมาณน้ำคร่ำน้อยกว่า 500 มิลลิลิตร ส่งผลให้หน้าท้องมีขนาดเล็ก ดังนั้น ควรเข้าพบคุณหมอเมื่ออายุครรภ์ 15-20 สัปดาห์ เพื่อตรวจวัดหน้าท้องและติดตามการเจริญเติบโตของทารกในครรภ์
ลักษณะท้องใหญ่
ลักษณะท้องของคนท้องที่มีลักษณะท้องใหญ่ อาจมีสาเหตุมาจากน้ำหนักตัวของคุณแม่ในขณะตั้งครรภ์เพิ่มขึ้นมากกว่าปกติ ซึ่งน้ำหนักที่เพิ่มขึ้นในระหว่างตั้งครรภ์ของแต่ละคนอาจไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับน้ำหนักและค่า BMI ก่อนตั้งครรภ์ด้วย โดยค่า BMI ที่เหมาะสมระหว่างตั้งครรภ์มีดังนี้
- ผู้ที่มี BMI น้อยกว่า 18.5 ก่อนการตั้งครรภ์ ควรมีน้ำหนักเพิ่มขึ้น 12.5-18 กิโลกรัมตลอดการตั้งครรภ์
- ผู้ที่มี BMI 18.5-24.9 ก่อนการตั้งครรภ์ ควรมีน้ำหนักเพิ่มขึ้น 11.5-16 กิโลกรัมตลอดการตั้งครรภ์
- ผู้ที่มี BMI 25-29.9 ก่อนการตั้งครรภ์ ควรมีน้ำหนักเพิ่มขึ้น 7-11.5 กิโลกรัมตลอดการตั้งครรภ์
- ผู้ที่มี BMI มากกว่า 30 ก่อนการตั้งครรภ์ ควรมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นเพียง 5-9 กิโลกรัมตลอดการตั้งครรภ์
โดยสามารถคำนวณ BMI ได้จากค่า น้ำหนักตัว (กิโลกรัม) ÷ ด้วยส่วนสูง (เมตร) ยกกำลังสอง ได้ผลลัพธ์เป็นหน่วย กิโลกรัม/เมตรยกกำลังสอง
สำหรับอีกหลายสาเหตุที่ทำให้หน้าท้องใหญ่อาจเป็นเพราะอายุครรภ์ การท้องลูกแฝดหรือขนาดตัวของทารกในครรภ์ที่ขยายใหญ่ขึ้น นอกจากนี้ การท้องลูกคนที่สองยังอาจทำให้หน้าท้องขยายใหญ่เร็วกว่าท้องแรก เนื่องจากกล้ามเนื้อสามารถรับแรงกดของมดลูกที่ขยายตัวได้ง่ายขึ้น รวมถึงอาจเป็นเพราะโครงสร้างร่างกายของคุณแม่ หากคุณแม่มีขนาดตัวเล็กก็อาจทำให้มองเห็นว่าหน้าท้องมีขนาดใหญ่กว่าปกติ
ในบางกรณี หน้าท้องที่ใหญ่ขึ้นอาจมีสาเหตุมาจากปัญหาการตั้งครรภ์อย่างภาวะน้ำคร่ำมาก ซึ่งเป็นภาวะที่มีน้ำคร่ำมากผิดปกติส่งผลให้หน้าท้องขยายใหญ่ หากเกิดภาวะเช่นนี้ควรเข้าพบคุณหมอทันที เพื่อรับการตรวจวัดหน้าท้องและตรวจครรภ์
ลักษณะท้องยกสูง
ลักษณะท้องของคนท้องที่มีลักษณะท้องยกสูง คือ ท้องกลมและยกขึ้นสูงเกือบถึงใต้ราวนม คุณแม่บางคนอาจมีลักษณะท้องยกสูงตั้งแต่เริ่มตั้งครรภ์ไปจนถึงกำหนดคลอด หรือบางคนอาจมีลักษณะท้องยกสูงในช่วงไตรมาสที่ 2-3 จนถึงกำหนดคลอด ซึ่งอาจมีสาเหตุมาจากหน้าท้องของคุณแม่มีความแข็งแรง เนื่องมาจากการออกกำลังกายเป็นประจำและรับประทานอาหารเพื่อสุขภาพ เช่น อาหารไขมันต่ำ ธัญพืชไม่ขัดสี ผักผลไม้ ลดไขมันและน้ำตาลส่งผลให้หน้าท้องกระชับและยกตัวสูงขึ้นได้เช่นกัน
ลักษณะท้องต่ำ
ลักษณะท้องของคนท้องที่มีลักษณะท้องต่ำ อาจมีสาเหตุมาจากการตั้งครรภ์ที่เกิดขึ้นหลายครั้งหรืออายุครรภ์ที่ถึงกำหนดใกล้คลอด นอกจากนี้ลักษณะท้องต่ำยังอาจเกี่ยวข้องกับสิ่งต่าง ๆ เหล่านี้
- คุณแม่บางคนที่ตั้งครรภ์ตั้งแต่ 2 ครั้งขึ้นไป อาจสังเกตเห็นว่าหน้าท้องของตนเองมีลักษณะต่ำลง ซึ่งอาจเกิดจากการที่กล้ามเนื้อหน้าท้องที่เคยยืดจากการท้องครั้งแรกกำลังขยายออกอีกครั้งเมื่อท้องครั้งที่ 2 แต่เนื้อเยื่อเกี่ยวพันที่คอยทำหน้าที่พยุงหน้าท้องเริ่มอ่อนแรงจนไม่สามารถอุ้มหน้าท้องให้ยกสูงขึ้นได้เหมือนการตั้งครรภ์ครั้งแรก
- คุณแม่ที่ท้องลูกแฝดหรือท้องลูกหลายคนในครรภ์เดียว น้ำหนักของทารกในครรภ์ที่มากขึ้นอาจส่งผลให้ท้องต่ำได้เช่นกัน
- คุณแม่ที่มีอายุครรภ์ใกล้ถึงกำหนดคลอดจะมีหน้าท้องที่ขยายใหญ่ขึ้นและท้องจะมีลักษณะต่ำลง เนื่องจากทารกในครรภ์อาจกำลังกลับหัวและเคลื่อนตัวไปยังกระดูกเชิงกรานเพื่อเตรียมพร้อมคลอด ดังนั้น หากสังเกตเห็นว่าท้องต่ำลงในชั่วข้ามคืนก่อนที่อายุครรภ์จะครบ 37 สัปดาห์ ควรรีบปรึกษาคุณหมอเพราะอาจเป็นสัญญาณว่าร่างกายพร้อมคลอดแล้ว
สำหรับลักษณะท้องต่ำอาจทำให้คุณแม่หลายคนรู้สึกไม่สบายตัว มีอาการปวดหลังส่วนล่างเนื่องจากต้องรับน้ำหนักและแรงกดมาก อาจลองออกกำลังกายหรือเปลี่ยนอิริยาบถเพื่อบรรเทาอาการและช่วยให้รู้สึกสบายขึ้น เช่น การนอนตะแคงข้าง เล่นโยคะ ออกกำลังกายบริหารอุ้งเชิงกราน
ลักษณะท้องขยายออกด้านข้าง
ลักษณะท้องของคนท้องที่มีลักษณะท้องขยายออกด้านข้าง อาจมีสาเหตุมาจากทารกในครรภ์นอนอยู่ในแนวขวาง ซึ่งไม่เป็นปัญหาต่อสุขภาพทารกหรือการตั้งครรภ์ เว้นแต่ทารกไม่กลับหัวเมื่อถึงกำหนดคลอด อาจทำให้คุณแม่จำเป็นต้องผ่าคลอด สำหรับคุณแม่ที่มีน้ำหนักเกินในขณะตั้งครรภ์อาจมีโอกาสที่ท้องจะขยายออกด้านข้างได้มากกว่าคุณแม่ที่มีน้ำหนักตัวขณะตั้งครรภ์อยู่ในเกณฑ์ปกติ ทั้งยังอาจเสี่ยงต่อการเกิดปัญหาสุขภาพของทารกในครรภ์ เช่น ภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ ทารกตัวโต ความผิดปกติของท่อประสาท
[embed-health-tool-due-date]