นกเขาไม่ขัน หรืออาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศของผู้ชาย มักส่งผลต่อการแข็งตัวของอวัยวะเพศ ภาวะนี้อาจเกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น การสูบบุหรี่ การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ภาวะซึมเศร้า การหย่อนสมรรถภาพทางเพศอาจส่งผลให้ความมั่นใจในตนเองลดลง เกิดความเครียด และบางครั้งอาจนำไปสู่ปัญหาความสัมพันธ์ ดังนั้น หากมีภาวะนกเขาไม่ขันเป็นเวลานาน ควรไปปรึกษาคุณหมอเพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและรักษาตามขั้นตอน
[embed-health-tool-bmr]
คำจำกัดความ
นกเขาไม่ขัน คืออะไร
นกเขาไม่ขัน คือ ภาวะสุขภาพที่อวัยวะเพศชายไม่สามารถแข็งตัวได้ตามปกติ หรือที่เรียกว่า หย่อนสมรรถภาพทางเพศ ซึ่งอาจมีอาการอวัยวะเพศไม่แข็งตัว หรือแข็งตัวไม่นานพอ รวมถึงอาจมีอาการหลั่งเร็วหรือหลั่งช้ากว่าปกติ จนอาจทำให้มีปัญหาทางร่างกายและจิตใจ เช่น ความมั่นใจในตัวเองลดลง มีปัญหาเรื่องชีวิตคู่หรือความสัมพันธ์
นกเขาไม่ขันพบบ่อยแค่ไหน
อาการนกเขาไม่ขันมักพบได้บ่อยในผู้ชายที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไปแล้ว โดยเฉพาะเมื่ออายุมากกว่า 70 ปี ทั้งนี้ วัยรุ่นก็สามารถมีอาการนกเขาไม่ขันได้เช่นกัน
อาการ
อาการนกเขาไม่ขัน
นกเขาไม่ขันอาจมีอาการดังนี้
- มีความต้องการทางเพศลดลง
- มีปัญหาอวัยวะเพศชายไม่แข็งตัว หรือแข็งตัวไม่นานพอสำหรับการมีเพศสัมพันธ์
- มีปัญหาในการหลั่งน้ำอสุจิเร็วหรือช้าเกินไป
อาการที่เกิดขึ้นเมื่อนกเขาไม่ขัน อาจส่งผลต่อสุขภาพจิตใจ ให้ขาดความมั่นใจ เครียด และเกิดความวิตกกังวลได้
ควรไปพบคุณหมอเมื่อใด
หากมีปัญหาเรื่องของอวัยวะเพศแข็งตัวช้าหรือไม่แข็งตัวเลย หลั่งช้าหรือเร็วเกินไป หรือมีปัญหาทางด้านสุขภาพ เช่น โรคเบาหวาน โรคหัวใจ ที่ส่งผลทำให้หย่อนสมรรถภาพทางเพศ ควรไปพบคุณหมอเพื่อเข้ารับการตรวจวินิจฉัยและรักษาอย่างเหมาะสม
สาเหตุ
สาเหตุของนกเขาไม่ขัน
นกเขาไม่ขันอาจเกิดจากสาเหตุดังต่อไปนี้
- สาเหตุทางด้านจิตใจ
สมองมีบทบาทสำคัญในการกระตุ้นให้เกิดอารมณ์ทางเพศ ซึ่งส่งผลให้อวัยวะเพศชายแข็งตัว แต่ภาวะทางจิตใจบางอย่าง เช่น ความเครียด ความวิตกกังวล ภาวะซึมเศร้า อาจส่งผลต่ออารมณ์ทางเพศ และทำให้นกเขาไม่ขันได้
- สาเหตุทางด้านร่างกาย
ปัญหาสุขภาพดังต่อไปนี้ อาจส่งผลให้นกเขาไม่ขัน
-
- ความผิดปกติของเส้นเลือดในอวัยวะเพศ เมื่อเส้นเลือดแดงที่เข้าไปเลี้ยงอวัยวะเพศอุดตัน อาจทำให้เลือดเข้าไปเลี้ยงอวัยวะเพศได้ไม่เพียงพอ จนอวัยวะเพศไม่แข็งตัวหรือนกเขาไม่ขัน
- โรคหัวใจ
- โรคความดันโลหิตสูง
- โรคอ้วน
- โรคเบาหวาน
- โรคพิษสุราเรื้อรัง
- โรคพาร์กินสัน
ปัจจัยเสี่ยง
ปัจจัยเสี่ยงนกเขาไม่ขัน
ปัจจัยดังต่อไปนี้ อาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดภาวะนกเขาไม่ขัน
- การสูบบุหรี่ และการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
- ภาวะน้ำหนักเกินเกณฑ์มาตรฐาน รวมถึงขาดการออกกำลังกาย
- ผลข้างเคียงจากการรับประทานยาบางชนิด เช่น ยาแก้แพ้ ยาลดความดันโลหิต ยากล่อมประสาท
- สภาพจิตใจ เช่น ความเครียด ความวิตกกังวล ก็อาจส่งผลทำให้นกเขาไม่ขัน
- การผ่าตัดต่อมลูกหมาก หรือการฉายรังสีรักษามะเร็ง
การวินิจฉัยและการรักษาโรค
ข้อมูลในที่นี้ไม่มีเจตนาให้ใช้ทดแทนคำแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษาคุณหมอทุกครั้งเพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
การวินิจฉัยนกเขาไม่ขัน
คุณหมออาจวินิจฉัยภาวะนกเขาไม่ขันด้วยการซักประวัติเกี่ยวกับพฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวัน โรคประจำตัว ยาที่รับประทาน เป็นต้น ร่วมกับการตรวจสุขภาพขั้นพื้นฐาน เช่น วัดความดันโลหิต การตรวจเลือดเพื่อวิเคราะห์จำนวนเม็ดเลือด ระดับน้ำตาลและคอเลสเตอรอลในเลือด รวมถึงการตรวจอวัยวะเพศเพื่อหาสาเหตุของอาการนกเขาไม่ขัน ทั้งนี้ หากผู้ป่วยปัสสาวะบ่อย คุณหมออาจจะทำการตรวจต่อมลูกหมากร่วมด้วย
การรักษานกเขาไม่ขัน
การรักษานกเขาไม่ขันขึ้นอยู่กับสาเหตุ โดยอาจรักษาได้ด้วยวิธีดังต่อไปนี้
- การรับประทานยา คุณหมออาจให้รับประทานยาในกลุ่ม PDE-5 Inhibitor เช่น ยาซิลเดนาฟิล (Sildenafil) ยาวาร์เดนาฟิล (Vardenafil) ยาทาดาลาฟิล (Tadalafil) ซึ่งอาจช่วยปรับปรุงการไหลเวียนของเลือดไปยังอวัยวะเพศ ทำให้อวัยวะเพศตื่นตัว ทั้งนี้ ไม่ควรรับประทานยากลุ่มนี้เกิน 1 ครั้ง และการรับประทานยาดังกล่าวอาจก่อให้เกิดผลข้างเคียง เช่น มีอาการร้อนวูบวาบ ปวดศีรษะ การมองเห็นเปลี่ยนแปลง ปวดหลัง ท้องไส้ปั่นป่วน
- การฉีดยา โดยฉีดยาเข้าไปในอวัยวะเพศโดยตรง อาจช่วยทำให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงอวัยวะเพศได้ดีขึ้น ซึ่งอาจส่งผลให้อวัยวะเพศแข็งตัว
- การใช้กระบอกสุญญากาศ (Vacuum Device) โดยการสอดอวัยวะเพศเข้าไปในกระบอกแล้วสูบอากาศออกจากกระบอก วิธีนี้อาจช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดที่บริเวณอวัยวะเพศ และช่วยให้อวัยวะเพศแข็งตัว
- การบำบัดรักษาภาวะทางจิตใจ โดยการบำบัดอาจช่วยให้คู่รักปรับตัวเข้าหากันและทำความเข้าใจกันมากขึ้น
- การใส่แกนองคชาตเทียม มักใช้ในกรณีที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาภาวะนกเขาไม่ขันด้วยวิธีอื่น โดยคุณหมอจะผ่าตัดใส่แกนองคชาตเทียมเข้าไปซึ่งอาจช่วยให้อวัยวะเพศแข็งตัวและขยายขนาดได้ตามต้องการ
การปรับไลฟ์สไตล์และการดูแลตัวเอง
การปรับไลฟ์สไตล์และการดูแลตัวเอง
การปรับไลฟ์สไตล์และการดูแลตัวเองด้วยวิธีป้องกันดังต่อไปนี้ อาจช่วยป้องกันไม่ให้เกิดภาวะนกเขาไม่ขันได้
- ตรวจเช็คสุขภาพร่างกายเป็นประจำอย่างน้อย 1-2 ปีครั้ง
- ออกกำลังกาย เช่น วิ่ง แอโรบิก เป็นประจำอย่างน้อย 30-45 นาที/วัน หรือ 150 นาที/สัปดาห์ และหลีกเลี่ยงการปั่นจักรยาน เพราะอาจทำให้อวัยวะเพศชายกระทบกระเทือน หรือเสี่ยงเกิดอุบัติเหตุที่ส่งผลให้นกเขาไม่ขันได้
- หลีกเลี่ยงการสูบบุหรี่และการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
- หลีกเลี่ยงพฤติกรรมที่ทำให้เครียดหรือความวิตกกังวล