หน้าเป็นหลุม เป็นอาการที่มักเกิดขึ้นหลังจากสิวอักเสบหายไป เนื่องจากเนื้อเยื่อใต้ผิวหนังถูกทำลายลึกลงไปและเป็นบริเวณกว้างจนคอลลาเจนใต้ชั้นผิวหนังอาจไม่สามารถฟื้นฟูได้ทัน และเกิดเป็นหลุมสิวขึ้น ส่งผลให้ผิวหน้าหยาบกระด้าง ไม่เรียบเนียน ดังนั้น การป้องกันปัญหาสิวและการรักษาหลุมสิวอย่างถูกวิธีจึงอาจช่วยปรับปรุงสุขภาพผิวให้ดีขึ้นได้
สาเหตุของหน้าเป็นหลุม
หน้าเป็นหลุม มักมีสาเหตุมาจากการอักเสบของสิวที่เกิดขึ้นลึกลงไปใต้ชั้นผิวหนัง ส่งผลให้เนื้อเยื่อใต้ชั้นผิวหนังสลายหายไปจนกลายเป็นหลุมลึก เมื่อสิวหายจากการอักเสบหากหลุมลึกใต้ชั้นผิวหนังมีขนาดเล็ก คอลลาเจนที่เป็นโครงสร้างเนื้อเยื่อผิวหนังจะค่อย ๆ สร้างเนื้อเยื่อใหม่ขึ้นมาแทนที่เนื้อเยื่อที่หายไป แต่ในบางกรณีที่หลุมลึกมีขนาดใหญ่หรือเนื้อเยื่อรอบข้างอักเสบมาก และถูกทำลายอย่างรุนแรงจนไม่สามารถฟื้นฟูได้ทันก็อาจส่งผลให้เกิดเป็นหลุมสิวลึกและมีขนาดใหญ่ได้ สำหรับปัจจัยที่อาจก่อให้เกิดหลุมสิว อาจมีดังนี้
- สิวอักเสบ มีอาการบวม แดงและเจ็บปวด สิวประเภทนี้มักอักเสบลึกลงไปในผิวหนังและทำลายเนื้อเยื่อผิวหนังมาก
- การไม่รักษาสิวอักเสบ การปล่อยให้สิวอักเสบคงอยู่เป็นเวลานานอาจยิ่งเพิ่มการทำลายเซลล์เนื้อเยื่อใต้ชั้นผิวหนังมากขึ้น
- การกดหรือบีบสิว อาจเพิ่มการอักเสบให้กับสิวและผิวหนังมากขึ้น
การรักษาหน้าเป็นหลุม
การรักษาหลุมสิวของแต่ละคนอาจแตกต่างกันไป ขึ้นอยู่กับลักษณะผิว ความรุนแรงของหลุมสิวและประเภทของแผลเป็นจากสิว ซึ่งวิธีที่ใช้รักษาหลุมสิวได้ อาจมีดังนี้
- การฉีดฟิลเลอร์ เป็นการฉีดสารเติมเต็มลงไปใต้ชั้นผิวหนัง เพื่อช่วยให้ผิวหนังเต่งตึงและช่วยเติมเต็มบริเวณที่เป็นหลุม ซึ่งช่วยให้รอยแผลเป็นและหลุมสิวดูจางลง แต่ผลลัพธ์ของการฉีดฟิลเลอร์อาจคงอยู่เพียงชั่วคราว จึงจำเป็นต้องทำการรักษาซ้ำเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีอย่างต่อเนื่อง
- การฉีดสเตียรอยด์ เป็นการฉีดสเตียรอยด์เข้าไปในแผลเป็นนูน ซึ่งอาจช่วยปรับปรุงลักษณะของหลุมสิว และอาจทำให้รอยนูนดูจางลง
- การผลัดผิวด้วยเลเซอร์ เป็นการยิงเลเซอร์ลงบนผิวหนังที่เป็นแผลเป็นหรือหลุม เพื่อผลัดเซลล์ผิวเก่าและให้ผิวใหม่พัฒนาขึ้นมาแทนที่ ซึ่งอาจมีผลข้างเคียงในผู้ที่มีสีผิวคล้ำหรือเคยมีประวัติเป็นคีลอยด์
- การขัดผิวเพื่อกำจัดแผลเป็น (Dermabrasion) เป็นการรักษาที่มักใช้สำหรับรอยแผลเป็นที่รุนแรงมาก โดยคุณหมอจะเอาผิวหนังชั้นบนออกด้วยการขัดด้วยแปรงหมุนเร็ว ทำให้หลุมสิวแลดูจางลง แต่อาจมีผลข้างเคียงที่ร้ายแรง เช่น รอยแผลเป็นใหม่ สีผิวเปลี่ยนแปลง
- การลอกหน้าผลัดเซลล์ผิว (Chemical Peel) คุณหมอจะใช้สารเคมีเพื่อกำจัดเนื้อเยื่อแผลเป็นชั้นบนสุดของผิวหนังเพื่อลดรอยหลุมสิว อาจมีผลข้างเคียง เช่น สีผิวเปลี่ยนแปลง โดยเฉพาะกับผู้ที่มีสีผิวคล้ำ
- ลูกกลิ้งนวดหน้า (Skin Needling) เป็นอุปกรณ์คล้ายลูกกลิ้งที่มีเข็มขนาดเล็ก โดยคุณหมอจะกลิ้งลูกกลิ้งไปบนผิวเพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในเนื้อเยื่อใต้ผิวหนัง ซึ่งเป็นเทคนิคที่มีประสิทธิภาพในการรักษาหลุมสิว
- การผ่าตัด คุณหมอจะทำการผ่าตัดขนาดเล็กบริเวณหลุมสิวแต่ละส่วนบนผิวหนัง และซ่อมแซมบาดแผลด้วยการเย็บแผลหรือการปลูกถ่ายผิวหนังใหม่
- การฉีดโบท็อกซ์ หากบริเวณหลุมสิวมีรอยย่น คุณหมออาจแนะนำให้ฉีดโบท็อกซ์ เพื่อกระตุ้นให้ผิวกระชับซึ่งอาจช่วยให้หลุมสิวดูจางลง แต่ผลลัพธ์ของการฉีดโบท็อกซ์อาจคงอยู่เพียงชั่วคราว จึงจำเป็นต้องทำการรักษาซ้ำเพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีอย่างต่อเนื่อง
การป้องกันหน้าเป็นหลุม
วิธีป้องกันและการดูแลตัวเองเพื่อไม่ให้หน้าเป็นหลุมสิว อาจทำได้ดังนี้
- หน้าเป็นหลุมส่วนใหญ่อาจเกิดจากสิวอักเสบ จึงควรป้องกันสภาพผิวไม่ให้เป็นสิวอักเสบ หรือหากเกิดสิวอักเสบขึ้นควรเข้าพบคุณหมอเพื่อทำการรรักษาทันที
- หลีกเลี่ยงการแกะสิว บีบสิวเอง
- งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เนื่องจากเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อาจมีฤทธิ์ยับยั้งการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว ส่งผลให้ผิวฟื้นตัวช้าหลังจากสิวหายและอาจก่อให้เกิดหลุมสิวในที่สุด
- ใช้ผลิตภัณฑ์บำรุงผิวที่มีส่วนผสมของคอลลาเจน เพื่อช่วยเพิ่มคอลลาเจนให้ชั้นผิวหนังในการสร้างเซลล์ผิวใหม่ ช่วยเพิ่มความยืดหยุ่นและช่วยให้ผิวแข็งแรง
- นวดหน้าเพื่อช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือดบริเวณใบหน้า ซึ่งอาจช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิวในการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของผิวหนัง
- การรับประทานอาหารเสริมคอลลาเจน เพื่อบำรุงและกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนที่สำคัญต่อการฟื้นฟูและบำรุงผิวใหม่จากภายในสู่ภายนอก
[embed-health-tool-heart-rate]