ฝี คือ ตุ่มหนองอักเสบที่เกิดขึ้นใต้ผิวหนัง อาจพบได้ในหลายบริเวณของร่างกาย เช่น ฝีที่รักแร้ ซึ่งอาจเกิดจากการติดเชื้อหรือมีสิ่งแปลกปลอมอยู่ใต้ผิวหนัง ทำให้บริเวณนั้นบวม แดง กดเจ็บ และเป็นหนองชนิดที่มีกลิ่นเหม็น และบางคนอาจมีไข้ หรือหนาวสั่น เวลาเป็นฝี นอกจากจะรักษาด้วยยาปฏิชีวนะ และการระบายหนองออกแล้ว เป็นฝีห้ามกินอะไร อาจเป็นคำถามที่หลายคนสงสัย เพราะอาการบางอย่างอาจทำให้ฝีมีอาการแย่ลงได้ ดังนั้น การเลือกกินอาหารร่วมกับการดูแลตัวเองด้วยวิธีอื่น ๆ อาจช่วยให้ฝีหายเร็วขึ้น
[embed-health-tool-heart-rate]
เป็นฝีห้ามกินอะไร
ฝีเกิดจากการติดเชื้อและอักเสบ ฉะนั้น อาหารที่ควรหลีกเลี่ยงหากอยากให้ฝีหายเร็วขึ้น ก็คือ อาหารที่กระตุ้นให้เกิดการอักเสบ ดังนั้น อาหารที่ห้ามกินตอนเป็นฝีอาจมีดังนี้
น้ำตาล
น้ำตาลที่ผ่านกระบวนการ เช่น น้ำตาลทรายขาว อาจกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งสารตั้งต้นของการอักเสบ (Pro-Inflammatory Cytokines) มากขึ้นได้ ฉะนั้น หากเป็นฝีจึงควรงดหรือลดอาหารที่เติมน้ำตาลที่ผ่านกระบวนการจะดีที่สุด
ไขมันอิ่มตัว
ไขมันอิ่มตัวอาจกระตุ้นการอักเสบที่เนื้อเยื่อไขมัน ซึ่งนอกจากจะทำให้ปัญหาสุขภาพที่เกิดจากการอักเสบ อย่างฝี ที่เป็นอยู่แย่ลงแล้ว ยังอาจเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดโรคหัวใจได้ด้วย อาหารที่อาจมีไขมันอิ่มตัว และควรหลีกเลี่ยงในช่วงที่เป็นฝี เช่น เบอร์เกอร์ พิซซ่า เฟรนช์ฟราย รวมถึงของทอดอื่น ๆ ด้วย
กรดไขมันโอเมก้า 6
แม้กรดไขมันโอเมก้า 6 จะเป็นไขมันที่ดีต่อสุขภาพ แต่หากได้รับโอเมก้า 6 มากเกินไป ก็อาจไปกระตุ้นให้ร่างกายหลั่งสารตั้งต้นของการอักเสบมากขึ้น โดยอาหารที่มีกรดโอเมก้า 6 เช่น น้ำมันข้าวโพด น้ำมันดอกคำฝอย น้ำมันดอกทานตะวัน น้ำมันถั่วเหลือง มายองเนส น้ำสลัดบางสูตร ฉะนั้น ในช่วงที่เป็นฝีจึงควรงดอาหารดังกล่าว เพื่อฝีจะได้หายเร็วขึ้น
คาร์โบไฮเดรตที่ผ่านการขัดสี
คาร์โบไฮเดรตที่ผ่านการขัดสี หรือ คาร์โบไฮเดรตที่ผ่านการแปรรูป (Refined Carbohydrates) เช่น ขนมปังขาว ข้าวขาว ก็เป็นอาหารอีกหนึ่งชนิดที่ไม่ควรกินในช่วงที่เป็นฝี เพราะคาร์โบไฮเดรตที่ผ่านการขัดสีจัดเป็นอาหารที่มีค่าไกลซีมิกหรือค่าดัชนีน้ำตาลสูงซึ่งกระตุ้นการสร้างสารที่เกิดจากการรับประทานโปรตีนและน้ำตาลในปริมาณที่มากเกินความจำเป็นของร่างกาย (Advanced Glycation End Products หรือ AGEs) เมื่อร่างกายมีสาร AGEs มาก ๆ ก็อาจไปกระตุ้นให้เกิดการอักเสบ และทำให้การอักเสบที่เป็นอยู่แย่ลงได้ด้วย
เครื่องดื่มแอลกอฮอล์
การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ทำให้ตับทำงานหนักขึ้น ยิ่งดื่มแอลกอฮอล์หนักและดื่มติดต่อกันเป็นเวลานาน ก็อาจยิ่งทำให้ตับต้องทำงานหนักมาก จนประสิทธิภาพการทำงานของตับแย่ลงเรื่อย ๆ และส่งผลกระทบต่อการทำงานเชื่อมโยงกันของหลายอวัยวะด้วย ดังนั้น เวลาเป็นฝีจึงควรงดการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์จะดีที่สุด
วิธีดูแลตัวเองเมื่อเป็นฝี
หากอยากให้ฝีหายเร็วขึ้น อาจดูแลตัวเองด้วยวิธีการเหล่านี้
สิ่งที่ควรทำ
- ใช้ผ้าชุบน้ำอุ่นประคบบริเวณที่เป็นฝีวันละ 4 ครั้ง ๆ ละ 10 นาที
- หากฝีแตก ให้ทำความสะอาดบริเวณที่เป็นฝีด้วยสบู่ต้านเชื้อแบคทีเรีย
- ใช้ผ้าก๊อซปิดบริเวณที่เป็นฝีไว้จนกว่าฝีจะหาย
- รักษาสุขอนามัยให้ดี ด้วยการอาบน้ำทุกวันอย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง และล้างมือเป็นประจำ โดยเฉพาะหลังเข้าห้องน้ำ ก่อนและหลังกินอาหาร
- กินยาพาราเซตามอล หรือไอบูโพรเฟน (Ibuprofen) เพื่อบรรเทาอาการปวด
- ซักผ้าเช็ดตัว และเครื่องนอนในน้ำร้อนอย่างน้อยสัปดาห์ละ 1 ครั้ง
สิ่งที่ไม่ควรทำ
- อย่าบีบ แกะ หรือเจาะฝี
- อย่าใช้ผ้าเช็ดตัวร่วมกับคนอื่น
- อย่าลงสระว่ายน้ำ หรือไปใช้บริการฟิตเนส เพราะอาจแพร่เชื้อไปสู่ผู้อื่นได้