ปัจจุบันเทคโนโลยีทางด้านการแพทย์มีความก้าวหน้าไปอย่างมาก โดยมีความมุ่งมั่นในการวิจัยรักษาโรคมะเร็งด้วยวิธีใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง ทำให้ค้นพบวิธีการรักษามะเร็งแบบใหม่ที่เรียกว่า ‘ยาภูมิคุ้มกันบำบัด’ ซึ่งเป็นวิธีการรักษามะเร็งที่ช่วยควบคุมโรคได้ และมีผลข้างเคียงกับร่างกายน้อย แต่หลายคนอาจยังมีข้อสงสัยเกี่ยวกับภูมิคุ้มกันบำบัด บทความนี้จึงได้รวบรวมคำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับภูมิคุ้มกันบำบัดมาไว้ให้ทุกคนได้หาคำตอบกัน
1. ภูมิคุ้มกันบำบัด คืออะไร ทำงานอย่างไร?
หลักการทำงานเพื่อการรักษามะเร็งของภูมิคุ้มกันบำบัด หรือ Immunotherapy คือ การกระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ที่มีหน้าที่คอยกำจัดสิ่งแปลกปลอมในร่างกาย ให้สามารถตรวจพบและกำจัดเซลล์มะเร็งได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
นอกจากนี้ ภูมิคุ้มกันบำบัดยังอาจช่วยชะลอการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง และช่วยลดการลุกลามของมะเร็งได้อีกด้วย
สนใจ “ยาภูมิคุ้มกันบำบัด” อ่านเพิ่มเติมได้ คลิก!
2. ภูมิคุ้มกันบำบัด ต่างจากจากเคมีบำบัด หรือยามุ่งเป้าอย่างไร
ภูมิคุ้มกันบำบัด หรือ Immunotherapy คือ วิธีที่แตกต่างจากวิธีการรักษามะเร็งอื่น ๆ อย่างการทำเคมีบำบัดหรือการใช้ยามุ่งเป้า เนื่องจากภูมิคุ้มกันบำบัดไม่ได้เข้าทำลายเซลล์มะเร็งโดยตรง แต่จะใช้วิธีการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันให้สามารถตรวจจับและทำลายเซลล์มะเร็งได้ ซึ่งอาจทำให้ผู้ป่วยสามารถทนต่อยาได้ดีกว่าและมีโอกาสเกิดผลข้างเคียงที่รุนแรงน้อยกว่าการรักษามะเร็งรูปแบบอื่น
3. จะรู้ได้อย่างไรว่าควรใช้ภูมิคุ้มกันบำบัดประเภทไหน?
คุณหมอจะเป็นผู้แนะนำประเภทของภูมิคุ้มกันบำบัดเพื่อรักษามะเร็งที่เหมาะสมสำหรับคุณ โดยพิจารณาจากปัจจัยต่าง ๆ ดังนี้
- ประเภทของโรคมะเร็ง
- ระยะของโรคมะเร็ง
- ประวัติการรักษาโรคมะเร็งของคุณ
4. สามารถใช้ภูมิคุ้มกันบำบัดรักษาโรคมะเร็งชนิดใดได้บ้าง?
ในปัจจุบัน ภูมิคุ้มกันบำบัดได้รับการยืนยันว่าสามารถใช้เพื่อรักษาโรคมะเร็งได้หลายชนิด โดยอาจใช้ร่วมกับการรักษามะเร็งรูปแบบอื่น ๆ เช่น เคมีบำบัด การฉายรังสีบำบัด เพื่อช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการรักษามะเร็ง
โดยตัวอย่างโรคมะเร็งที่ได้รับการยืนยันประสิทธิภาพในการรักษาด้วยภูมิคุ้มกันบำบัด ได้แก่
- มะเร็งปอด
- มะเร็งปากมดลูก
- มะเร็งเต้านม
- มะเร็งศีรษะและคอ
- มะเร็งลำไส้
- มะเร็งกระเพาะอาหาร
- มะเร็งกระเพาะปัสสาวะ
5. ภูมิคุ้มกันบำบัดให้ได้ตอนไหน
สามารถให้ได้เป็นทั้งการรักษาหลัก และการรักษาเสริม สำหรับการรักษาหลัก เป็นการกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้รู้จักมะเร็ง และทำให้เซลล์เม็ดเลือดขาวแข็งแกร่งขึ้น และฆ่าเซลล์มะเร็งได้อย่างตรงจุดโดยใช้ภูมิคุ้มกันในร่างกายตัวเอง
ในการรักษาเสริม เป็นการให้ก่อนการผ่าตัดเพื่อลดขนาดก้อนมะเร็ง ทำให้สามารถผ่าตัดเอาก้อนมะเร็งออกได้ดียิ่งขึ้น หรือ ให้ภายหลังการผ่าตัดเอาก้อนมะเร็งออกหมดแล้ว เพื่อลดการกลับมาเป็นซ้ำ และเพิ่มโอกาสการหายจากโรค
6. ภูมิคุ้มกันบำบัดมีผลข้างเคียงอย่างไร?
การทำภูมิคุ้มกันบำบัดเพื่อรักษามะเร็ง อาจทำให้เกิดผลข้างเคียงบางอย่างที่มักจะไม่รุนแรงและสามารถหายไปได้เอง โดยผลข้างเคียงที่พบได้บ่อยของภูมิคุ้มกันบำบัด มีดังนี้
- เป็นไข้
- อ่อนเพลีย
- ท้องเสีย
- คลื่นไส้ อาเจียน
- รบกวนการทำงานของอวัยวะส่วนอื่น ๆ เช่น ตับ ไต ต่อมไทรอยด์
- บางคนอาจมีอาการแพ้ต่าง ๆ เช่น ผื่นคัน รอยแดง และอาการปวดในบริเวณที่ได้รับยา
อย่างไรก็ตาม การใช้ยาภูมิคุ้มกันบำบัดอาจจะเหมาะสมสำหรับผู้ป่วยบางคนเท่านั้น ดังนั้นจึงควรปรึกษาแพทย์เพิ่มเติมสำหรับการรักษาที่เหมาะสมต่อไป