4. ร้องเพลงง่ายๆ ที่มีจังหวะและวลีซ้ำๆ
เพลงเด็กๆ อย่างเช่น ‘แมงมุมลายตัวนั้น‘ และ ‘เป็ดอาบน้ำในคลอง‘ นับเป็นเพลงตัวอย่างที่ดีในการร้องให้ลูกน้อยฟัง ซึ่งคุณควรจะทำท่าทางประกอบ หรือแม้แต่การเคลื่อนไหวนิ้ว เพื่อช่วยให้ลูกน้อยจดจำเสียง ด้วยจังหวะการเคลื่อนไหวแบบเล็กๆ หรือแบบใหญ่ๆ นอกจากนี้เพลงเด็กพวกนั้นยังช่วยเพิ่มจังหวะ เสียงสัมผัส และรูปแบบทางภาษาในการเรียนรู้ให้ลูกน้อยด้วย
5. บรรยายการกระทำทุกสิ่งทุกอย่าง
การเล่าให้ลูกน้อยฟัง อย่างเช่น “แม่กำลังใส่ถุงเท้าให้ลูกอยู่นะ” หรือ “แม่กำลังจับตัวหนูให้นั่งอยู่บนเบาะนั่งนิรภัยสำหรับเด็กอยู่นะ” จะช่วยให้ลูกน้อยเรียนรู้คำศัพท์ต่างๆ รวมทั้งแสดงให้ลูกเห็นถึงความสำคัญของการสื่อสารด้วย
การป้อนนมให้ลูกน้อย ไม่เพียงแต่ช่วยสร้างความผูกพันระหว่างแม่กับลูกเท่านั้นนะ แต่ยังช่วยกระตุ้นสมองให้ลูกน้อยได้เป็นอย่างดีด้วย เมื่อทารกคลอดออกมานั้น เขาจะเพ่งมองใบหน้าของแม่ในระหว่างที่กำลังป้อนนม ซึ่งในช่วงนั้นคุณก็กำลังก้มมองลูกน้อยอยู่เหมือนกัน ซึ่งทั้งคุณและลูกน้อย ต่างก็แสดงความรู้สึกบนใบหน้า
การโต้ตอบและเลียนเสียงอ้อแอ้ของลูกน้อย จะช่วยให้เขาเรียนรู้ที่จะเปล่งคำพูด และการพูดคุยกับคุณ ถ้าคุณให้ลูกน้อยกินนมขวด ก็ควรวางขวดนมในระดับหน้าอก เพื่อให้แน่ใจว่ามีความใกล้พอจะให้ลูกน้อยเพ่งมองใบหน้าของคุณได้
งานเปลี่ยนผ้าอ้อมสกปรกๆ อาจไม่ใช่งานที่น่ารื่นรมย์สำหรับคุณพ่อคุณแม่มือใหม่นัก แต่อย่าประเมินภารกิจนี้ต่ำเกินไปล่ะ เพราะในช่วงเวลานี้ เป็นช่วงเวลาที่เหมาะมาก
ในการนำภาษาเข้ามาใช้ในชีวิตของลูกน้อย คุณควรพูดคุย หรือบรรยายสิ่งที่คุณกำลังทำให้เขาอยู่ และสิ่งที่จะทำให้เขาต่อไป ทารกจะได้สามารถคาดหวังรูปแบบการดำเนินชีวิตในชีวิตประจำวันของพวกเขาได้ ฉะนั้น ถ้าคุณเปลี่ยนผ้าอ้อมพร้อมกับร้องเพลงให้เขาฟัง ก็เป็นการสร้างรูปแบบการดำเนินชีวิตให้ลูกน้อยคาดการณ์ได้แล้ว
8. อาบน้ำให้ลูกน้อย
นี่ไม่ใช่แค่เวลาอาบน้ำเท่านั้น แต่ยังถือเป็นชั่วโมงเรียนคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์สำหรับลูกน้อยด้วย ทารกชอบการเทน้ำ จากภาชนะหนึ่งไปยังอีกภาชนะหนึ่ง และในระหว่างที่เจ้าตัวเล็กของคุณกำลังสนุกสนานอยู่ในอ่างอาบน้ำนั้น เขาก็สามารถเรียนรู้เหตุและผลว่า แรงโน้มถ่วงของโลกทำงานยังไง และสังเกตปริมาณของน้ำ ซึ่งนี่คือทักษะทางด้านคณิตศาสตร์ในวัยแรกเริ่มของลูกน้อย
นอกจากนี้ การร้องเพลงในขณะถูสบู่ให้ลูกน้อยนั้น จะช่วยส่งเสริมพัฒนาการทางภาษาให้เขาได้ และการใช้ผ้าขนหนูเล่น ‘จ๊ะเอ๋‘ กับเขา ก็จะช่วยให้ลูกน้อยเรียนรู้ว่า วัตถุจะคงยังอยู่ถึงแม้เขาจะมองไม่เห็นก็ตาม
9. พาลูกน้อยไปช้อปปิ้ง
แทนที่จะให้ลูกน้อยเล่นโทรศัพท์มือถือหรือแท็บเล็ตในรถเข็นของห้างสรรพสินค้า ผู้เชี่ยวชาญแนะนำให้เปิดมุมมองให้ลูกน้อย ด้วยการบรรยายสถานที่ กลิ่น และรูปร่างของสิ่งต่างๆ ให้ลูกน้อยมีโอกาสได้สัมผัสกับลูกกีวี่ และแสดงให้เขาเห็นว่าลูกกีวี่ต่างจากผลส้มยังไง นอกจากนี้คุณอาจระบุสี หรือนับจำนวนผักหรือผลไม้ ตอนที่คุณหยิบใส่ลงในถุงด้วยก็ได้
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย