ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย เภสัชกรวิสสุตา ชั้นประเสริฐ · ยาและอาหารเสริม · Hello Health Group
ยา วาร์ฟาริน (Warfarin) คือยาต้านการแข็งตัวของเลือด (anticoagulant) ช่วยลดการเกิดลิ่มเลือด
ยาวาร์ฟารินนั้นช่วยป้องโรคหัวใจขาดเลือดฉับพลัน โรคหลอดเลือดสมอง และลิ่มเลือดในหลอดเลือดดำและหลอดเลือดแดง
ยาวาร์ฟารินยังอาจใช้เพื่อจุดประสงค์อื่นที่ไม่มีอยู่ในคู่มือการใช้ยา
รับประทานยาวาร์ฟารินตามที่แพทย์กำหนดอย่างเคร่งครัด ทำตามขั้นตอนบนฉลากยา แพทย์อาจจะปรับขนาดยาในบางครั้ง เพื่อให้แน่ใจว่าได้ผลดีที่สุด ห้ามใช้ยาวาร์ฟารินมากกว่า น้อยกว่า หรือนานกว่าที่แพทย์กำหนด
รับประทานยาวาร์ฟารินในเวลาเดียวกันทุกวัน พร้อมกับอาหาร หรือรับประทานแยกต่างหาก ห้ามรับประทานยาสำหรับสองครั้งในคราวเดียว
ขณะใช้ยา วาร์ฟาริน คุณจะต้องตรวจตรวจสอบ INR (International Normalized Ratio) หรือการตรวจโปรทรอมบินไทม์ (prothrombin time) เป็นประจำ (เป็นการตรวจสอบระยะเวลาในการแข็งตัวของเลือด) คุณอาจจะไม่สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของอาการตัวเอง แต่การทำงานของเลือดของคุณ จะช่วยให้แพทย์พิจารณาว่า ควรใช้ยาวาร์ฟารินรักษาคุณอีกนานเท่าไหร่ คุณต้องอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ ขณะที่ใช้ยานี้
หากคุณรับยาวาร์ฟารินจากโรงพยาบาล ไปหาแพทย์ภายใน 3 ถึง 7 วันหลังจากออกจากโรงพยาบาล เพราะอาจต้องตรวจระยะเวลาในการแข็งตัวของเลือด อย่าพลาดนัดหมอไม่ว่าจะเป็นครั้งใดก็ตาม
แจ้งแพทย์ของคุณ หากคุณรู้สึกไม่สบายเนื่องจากท้องร่วง เป็นไข้ หนาวสั่น หรือมีอาการไข้หวัดใหญ่ หรือหากน้ำหนักตัวเปลี่ยนแปลงไป
คุณอาจต้องหยุดใช้ยาวาร์ฟาริน เป็นเวลา 5 ถึง 7 วันก่อนการผ่าตัด หรือทำฟัน ปรึกษาแพทย์เพื่อขอรับคำแนะนำในเรื่องนี้ คุณยังอาจต้องหยุดใช้ยาวาร์ฟารินเป็นเวลาสั้นๆ ด้วย หากคุณต้องใช้ยาปฏิชีวนะ หรือหากคุณต้องเจาะไขสันหลัง หรือให้ยาระงับความรู้สึกทางไขสันหลัง
คุณควรบันทึกข้อมูลทางการแพทย์ของตัวเองติดตัวเอาไว้เสมอ ด้วยวิธีการที่เหมาะสมสำหรับคุณ ไม่ว่าจะเป็นการพกบัตรที่ระบุว่า คุณกำลังใช้ยาวาร์ฟาริน หรือบันทึกข้อมูลไว้ในแอพในมือถือของคุณ เพื่อให้ผู้ดูแลสุขภาพที่กำลังรักษาคุณทราบว่า คุณกำลังใช้ยาวาร์ฟาริน
ยาวาร์ฟารินควรเก็บไว้ในอุณหภูมิห้อง หลีกเลี่ยงการโดนแสงหรือความชื้นโดยตรง เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวยาเกิดความเสียหาย ไม่ควรเก็บยานี้ในห้องน้ำหรือช่องแช่แข็ง ยาวาร์ฟารินบางยี่ห้ออาจจะต้องเก็บรักษาแตกต่างกัน จึงควรตรวจสอบฉลากยาหรือสอบถามเภสัชกรเสมอ เพื่อความปลอดภัย โปรดเก็บยาให้ห่างจากมือเด็กและสัตว์เลี้ยง
วาร์ฟาริน ไม่ควรทิ้งยาวาร์ฟารินลงในชักโครก หรือเทยาลงในท่อระบายน้ำ เว้นเสียแต่จะได้รับคำแนะนำให้ทำเช่นนั้น ควรกำจัดยาด้วยวิธีที่ถูกต้องเมื่อยาหมดอายุ หรือไม่มีความจำเป็นต้องใช้งาน โปรดสอบถามเภสัชกรเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการกำจัดยาที่ถูกต้อง
ขณะที่พิจารณาว่าจะใช้ยานี้ ควรพิจารณาความเสี่ยงและประโยชน์ของการใช้ยานี้ก่อน ซึ่งเป็นเรื่องที่แพทย์และคุณจะต้องตัดสินใจ สำหรับยานี้ควรพิจารณาดังต่อไปนี้
อาการแพ้
แจ้งแพทย์หากคุณมีอาการผิดปกติ หรืออาการแพ้ยาตัวนี้หรือยาอื่นๆ และแจ้งผู้ดูแลสุขภาพ หากคุณเป็นโรคภูมิแพ้แบบอื่นๆ เช่น แพ้อาหาร สีย้อม สารกันบูด หรือสัตว์ สำหรับยาที่หาซื้อเอง ควรอ่านข้อมูลส่วนประกอบของยาบนฉลากยาให้ระเอียด
เด็ก
ยังไม่มีงานวิจัยที่เหมาะสม ซึ่งศึกษาในเรื่องเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของอายุกับผลของการใช้ยาวาร์ฟารินในเด็ก จึงถือว่ายังไม่มีการพิสูจน์ความปลอดภัยและประสิทธิภาพ
ผู้สูงอายุ
งานวิจัยที่เหมาะสมจนถึงปัจจุบัน ไม่ได้แสดงให้เห็นถึงปัญหาเฉพาะกับผู้สูงอายุ ที่อาจจะจำกัดประโยชน์ของการใช้ยาวาร์ฟารินในผู้สูงอายุ อย่างไรก็ตาม ควรใช้ยาด้วยความระมัดระวัง และอาจต้องปรับขนาดยาสำหรับผู้สูงอายุ โดยเฉพาะผู้ที่มีความเสี่ยงว่าจะมีเลือดออกได้ง่าย
ยังไม่มีข้อมูลมากพอ เกี่ยวกับความปลอดภัยของการใช้ยานี้ ขณะตั้งครรภ์และให้นมบุตร โปรดปรึกษากับแพทย์ เพื่อพิจารณาประโยชน์และความเสี่ยงของการใช้ยานี้
รับการรักษาพยาบาลในทันทีหากคุณมีอาการแพ้ที่รุนแรง ได้แก่ ลมพิษ หายใจติดขัด บวมที่ใบหน้า ริมฝีปาก ลิ้น หรือลำคอ
หยุดใช้ยานี้แล้วแจ้งแพทย์หากมีผลข้างเคียงที่รุนแรง ดังต่อไปนี้
ผลข้างเคียงที่รุนแรงน้อยกว่ามีดังนี้
ไม่ใช่ทุกคนจะเจอกับผลข้างเคียงเหล่านี้ และอาจจะมีอาการอย่างอื่นนอกเหนือจากที่กล่าวมาข้างต้น ถ้าคุณมีข้อสงสัยใดๆ โปรดปรึกษาหมอของคุณ
ยาวาร์ฟารินอาจเกิดปฏิกิริยากับยาอื่นที่คุณกำลังใช้อยู่ ซึ่งอาจส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียง เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น คุณควรจะบอกแพทย์หรือเภสัชกรของคุณว่า คุณกำลังใช้ยาอะไรอยู่บ้าง (ทั้งยาตามใบสั่งแพทย์ ยาที่ซื้อได้เอง และสมุนไพรต่างๆ) เพื่อความปลอดภัย โปรดอย่าเริ่ม หยุด หรือเปลี่ยนขนาดยา โดยไม่ได้รับความเห็นชอบจากแพทย์
ไม่แนะนำให้ใช้ยาวาร์ฟารินกับยาดังต่อไปนี้ แพทย์อาจจะไม่ใช้ยานี้รักษาคุณหรือเปลี่ยนยาบางตัวที่คุณกำลังใช้อยู่
ไม่แนะนำให้ใช้ยาวาร์ฟารินร่วมกับยาดังต่อไปนี้ แต่อาจจำเป็นในบางกรณี หากคุณได้รับใบสั่งยาทั้งสองชนิดร่วมกัน แพทย์อาจจะต้องปรับขนาดยา หรือความถี่ในการใช้ยาตัวใดตัวหนึ่ง หรือทั้งสองชนิด
การใช้ยาต่อไปนี้อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อผลข้างเคียงบางประการ แต่การใช้ยาทั้งสองตัวร่วมกัน อาจเป็นการรักษาที่ดีที่สุดสำหรับคุณ หากคุณได้รับใบสั่งยาทั้งสองชนิดร่วมกัน แพทย์อาจจะต้องปรับขนาดยาหรือความถี่ในการใช้ยาตัวใดตัวหนึ่ง หรือทั้งสองชนิด
ยาวาร์ฟารินอาจมีปฏิกิริยากับอาหารหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียง โปรดปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
ยาวาร์ฟารินอาจส่งผลให้อาการโรคของคุณแย่ลง หรือส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา โปรดแจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบถึงสภาวะโรคของคุณก่อนใช้ยาเสมอ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง
ข้อมูลในที่นี้ไม่มีเจตนาให้ใช้ทดแทนคำแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกรทุกครั้งเพื่อรับทราบข้อมูลเพิ่มเติมก่อนใช้ยานี้
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาภาวะหัวใจล้มเหลว (Congestive Heart Failure):
ขนาดยาเริ่มต้น: 2 ถึง 5 มก. รับประทานหรือฉีดเข้าหลอดเลือดดำวันละครั้ง เป็นเวลา 1-2 วัน แล้วปรับขนาดยาให้สอดคล้องกับผลการตรวจดูระยะเวลาในการแข็งตัวของเลือด (International Normalized Ratio) หรือโปรทรอมบินไทม์ (prothrombin time)
ขนาดยาปกติ: ขนาดยาปกติมักจะอยู่ระหว่าง 2 ถึง 10 มก. รับประทานหรือฉีดเข้าหลอดเลือดดำวันละครั้ง
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อป้องกันภาวะหลอดเลือดสมองตีบ (Thrombotic Stroke):
ขนาดยาเริ่มต้น: 2 ถึง 5 มก. รับประทานหรือฉีดเข้าหลอดเลือดดำวันละครั้ง เป็นเวลา 1-2 วัน แล้วปรับขนาดยาให้สอดคล้องกับผลการตรวจดูระยะเวลาในการแข็งตัวของเลือด (International Normalized Ratio) หรือโปรทอมบินไทม์ (prothrombin time)
ขนาดยาปกติ: ขนาดยาปกติมักจะอยู่ระหว่าง 2 ถึง 10 มก. รับประทานหรือฉีดเข้าหลอดเลือดดำวันละครั้ง
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาโรคกล้ามเนื้อหัวใจตาย (Myocardial Infarction):
ขนาดยาเริ่มต้น: 2 ถึง 5 มก. รับประทานหรือฉีดเข้าหลอดเลือดดำวันละครั้ง เป็นเวลา 1-2 วัน แล้วปรับขนาดยาให้สอดคล้องกับผลการตรวจดูระยะเวลาในการแข็งตัวของเลือด (International Normalized Ratio) หรือการโปรทรอมบินไทม์ (prothrombin time)
ขนาดยาปกติ: ขนาดยาปกติมักจะอยู่ระหว่าง 2 ถึง 10 มก. รับประทานหรือฉีดเข้าหลอดเลือดดำวันละครั้ง
ระยะเวลาของการรักษาตามปกติคือ 3 เดือน หลังจากภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน (Acute myocardial infarction)
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อป้องกันหลอดเลือดอุดตันในภาวะหัวใจห้องบนสั่นพลิ้ว (Thromboembolism in Atrial Fibrillation):
ขนาดยาเริ่มต้น: 2 ถึง 5 มก. รับประทานหรือฉีดเข้าหลอดเลือดดำ วันละครั้ง เป็นเวลา 1-2 วัน แล้วปรับขนาดยาให้สอดคล้องกับผลการตรวจดูระยะเวลาในการแข็งตัวของเลือด (International Normalized Ratio) หรือการตรวจโปรทรอมบินไทม์ (prothrombin time)
ขนาดยาปกติ: ขนาดยาปกติมักจะอยู่ระหว่าง 2 ถึง 10 มก. รับประทานหรือฉีดเข้าหลอดเลือดดำวันละครั้ง
หากมีแผนที่จะช็อคหัวใจด้วยไฟฟ้า (cardioversion) มักจะเริ่มรักษาด้วยยาต้านการแข็งตัวของเลือด (anticoagulant) ตั้งแต่ 2 ถึง 4 สัปดาห์ก่อนทำการช็อคหัวใจด้วยไฟฟ้า หากไม่ได้ทำการช็อคหัวใจด้วยไฟฟ้า และผู้ป่วยมีภาวะหัวใจห้องบนสั่นพลิ้วที่ซับซ้อน (ภาวะหัวใจห้องบนสั่นพลิ้วพร้อมทั้งเป็นโรคหัวใจ) ระยะเวลาในการรักษามักจะเป็นตลอดชีวิต
ยังไม่มีการจัดขนาดยาสำหรับเด็กโดยเฉพาะ ดังนั้น การใช้ยากับเด็กจึงอาจยังไม่ปลอดภัย ควรปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกรเพื่อทำความเข้าใจกับตัวยาก่อนการใช้งาน
ความแรงและรูปแบบของยามีดังนี้:
ยาเม็ด 1 มก. 2 มก. 2.5 มก. 3 มก. 4 มก. 5 มก. 6 มก. 7.5 มก
หากเกิดเหตุฉุกเฉินหรือใช้ยาเกินขนาด ควรแจ้งเหตุฉุกเฉินหรือนำส่งห้องฉุกเฉินใกล้บ้านโดยทันที
หากคุณลืมรับประทานยาควรรีบรับประทานทันทีที่นึกได้ หรือถ้าหากใกล้ถึงเวลารับประทานยาครั้งต่อไป ให้ข้ามรอบไปรับประทานยาตามตารางปกติได้เลย ไม่ควรเพิ่มปริมาณยา
Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำทางการแพทย์ การวินิจฉัยโรคหรือการรักษาโรคแต่อย่างใด
Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย