ข้อบ่งใช้
แคลเซียมอะซิเตทใช้สำหรับ
แคลเซียมอะซิเตท (calcium acetate) มักใช้เพื่อป้องกันระดับฟอสเฟตในเลือดที่สูงเกินไป ในผู้ป่วยซึ่งอยู่ระหว่างฟอกไต เนื่องจากโรคเกี่ยวกับไตขั้นรุนแรง แคลเซียมอะซิเตท (Calcium Acetate) ช่วยเรื่องการฟอกไตทำให้ค่าฟอสเฟตในเลือดลดลง แต่ไม่สามารถรักษาระดับเฟสเฟตในเลือดให้สมดุลได้
เมื่อค่าฟอสเฟตในเลือดลดลง จะช่วยทำให้กระดูกแข็งแรง ป้องกันการสร้างแร่ธาตุที่ไม่ปลอดภัยในร่างกาย และอาจะลดความเสี่ยงการเกิดโรคหัวใจ หรือโรคหลอดเลือดสมอง ที่เป็นผลมาจากระดับฟอสเฟตในเลือดสูง แคลเซียมอะซิเตทเป็นแร่ธาตุตามธรรมชาติ ที่ช่วยดึงฟอสเฟตจากอาหาร เพื่อให้ถูกขับออกจากร่างกาย
วิธีใช้แคลเซียมอะซิเตท
หากคุณใช้ยาที่มีขายตามร้านขายยาทั่วไป เพื่อรักษาอาการด้วยตนเอง ควรอ่านและปฏิบัติตามคำแนะนำข้างบรรจุภัณฑ์ก่อนใช้ยา หากมีข้อสงสัยควรปรึกษาเภสัชกร หากแพทย์เป็นผู้จ่ายยา คุณควรใช้ยาตามคำแนะนำของแพทย์
ยาชนิดนี้มักใช้รับประทานพร้อมกับอาหาร ขนาดยาที่ใช้ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกาย และการตอบสนองต่อการรักษา
หากคุณทานยาน้ำ ควรใช้ช้อนหรืออุปกรณ์ตวงยาตามที่กำหนด ไม่ควรใช้ช้อนรับประทานอาหาร เพราะอาจไม่ได้รับยาตามขนาดที่ถูกต้อง
ควรใช้ยาเป็นประจำเพื่อการรักษาที่ได้ผล และรับประทานพร้อมมื้ออาหารทุกวันหรือตามเวลาที่แพทย์แนะนำ
ควรใช้ยาตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด ไม่ควรเพิ่มขนาดยาหรือใช้ยาเกินกว่าปริมาณที่แนะนำ เพราะอาจมีผลต่อการเกิดอาการแพ้ได้
การเก็บรักษาแคลเซียมอะซิเตท
แคลเซียมอะซิเตทควรเก็บที่อุณหภูมิห้อง ให้พ้นแสงและความชื้น เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวยาเสื่อมสภาพ ไม่ควรเก็บยานี้ในห้องน้ำหรือช่องแช่แข็ง แคลเซียมอะซิเตทบางยี่ห้ออาจมีวิธีเก็บรักษาแตกต่างกัน จึงควรอ่านคำแนะนำบนบรรจุภัณฑ์หรือสอบถามเภสัชกรเสมอ และโปรดเก็บยาให้พ้นจากมือเด็กและสัตว์เลี้ยงเพื่อความปลอดภัย
ไม่ควรทิ้งแคลเซียมอะซิเตทลงในชักโครก หรือเทยาลงในท่อระบายน้ำ เว้นแต่จะได้รับคำแนะนำให้ทำเช่นนั้น หากยาหมดอายุ หรือไม่มีความจำเป็นต้องใช้ยา ควรกำจัดยาด้วยวิธีที่ถูกต้อง โดยสามารถสอบถามข้อมูลวิธีกำจัดยาที่ถูกต้องได้จากเภสัชกร
ข้อควรระวังและคำเตือน
ข้อควรรู้ก่อนใช้แคลเซียมอะซิเตท
ก่อนใช้แคลเซียมอะซิเตท ควรแจ้งให้แพทย์ทราบหากคุณแพ้แคลเซียมอะซิเตท หรือแพ้ยาชนิดอื่น เนื่องจากอาจมีส่วนผสมที่อาจทำให้เกิดการแพ้หรือปัญหาอื่นๆ โปรดปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร สำหับข้อมูลเพิ่มเติม
ไม่ควรใช้แคลเซียมอะซิเตท หากมีปัญหาสุขภาพบางอย่าง หากคุณมีค่าแคลเซียมในเลือดสูง (hypercalcemia) ควรแจ้งประวัติการรักษาแก่แพทย์หรือเภสัชกร ก่อนการใช้ยา
ในระหว่างการตั้งครรภ์ ควรใช้ยานี้ในกรณีที่จำเป็นเท่านั้น โปรดปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับความเสี่ยงและผลที่อาจเกิดขึ้นในการใช้ยา ยานี้จะเข้าไปผสมกับน้ำนม แต่ไม่เป็นอันตรายต่อทารก ควรปรึกษาแพทย์ก่อนการให้นมในกรณีใช้ยาชนิดนี้
ความปลอดภัยต่อการตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
ยังไม่มีงานวิจัยที่เพียงพอ เกี่ยวกับความเสี่ยงในสตรีที่ใช้แคลเซียมอะซิเตท ในช่วงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร โปรดปรึกษาแพทย์ เพื่อประเมินประโยชน์และความเสี่ยงก่อนใช้ยานี้
แคลเซียมอะซิเตทจัดอยู่ในประเภทของยาที่มีความเสี่ยงต่อผู้ตั้งครรภ์ หมวด C โดยองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA)
ต่อไปนี้ คือประเภทความเสี่ยงต่อสตรีมีครรภ์โดยองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา
- A = ไม่เสี่ยง
- B = ไม่พบความเสี่ยงในงานวิจัยบางชิ้น
- C = อาจมีความเสี่ยงบางอย่าง
- D = พบหลักฐานเกี่ยวกับความเสี่ยง
- X = ห้ามใช้
- N = ไม่ทราบแน่ชัด
ผลข้างเคียง
ผลข้างเคียงจากการใช้แคลเซียมอะซิเตท
อาการระคายเคืองกระเพาะอาหารอาจเกิดขึ้นได้ ควรแจ้งแพทย์ทันทีหากยังมีอาการอยู่หรืออาการแย่ลง
โปรดระลึกไว้ว่า การที่แพทย์แนะนำให้คุณใช้แคลเซียมอะซิเตท เนื่องจากคำนวณแล้วว่ายามีประโยชน์มากกว่าเป็นโทษ และคนที่ใช้ยานี้ส่วนใหญ่ไม่พบผลข้างเคียงที่ร้ายแรงใดๆ
แจ้งแพทย์ทันทีหากมีผลข้างเคียง ได้แก่ ปวดท้อง เบื่ออาหาร คลื่นไส้ อาเจียน ท้องผูก มึนงง ปากแห้ง กระหายน้ำ หรือปัสสาวะเพิ่มขึ้น
อาการแพ้รุนแรงมีโอกาสเกิดน้อย แต่หากสังเกตเห็นอาการที่เกิดจากการแพ้ยา เช่น ผื่นแดง อาการคัน บวมบริเวณหน้า ลิ้น หรือลำคอ เวียนหัวขั้นรุนแรง หายใจลำบาก ควรรีบเข้ารับการรักษาทันที
ผลข้างเคียงที่กล่าวมาข้างต้น อาจไม่ได้เกิดกับทุกคน หรือบางคนอาจมีอาการอื่นนอกเหนือจากนี้ หากคุณมีข้อสงสัยใดๆ เกี่ยวกับผลข้างเคียง โปรดปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกร
ปฏิกิริยาของยา
ปฏิกิริยากับยาอื่น
ยาบางชนิดอาจทำปฎิกิริยากับแคลเซียมอะซิเตท ได้แก่ กลุ่มยายับยั้งแคลเซียม (calcium channel blockers) เช่น เวราปามิล (verapamil) อาหารเสริมแคลเซียม ยาลดกรดที่มีส่วนผสมของแคลเซียม อาหารเสริมธาตุเหล็ก
แคลเซียมอะซิเตทสามารถลดการดูดซึมยาบางประเภท ได้แก่
- ยากลุ่มบิสฟอสโฟเนต (bisphosphonates) เช่น ยาอะเลนโดรเนท (alendronate) เฟนิโทอิน (phenytoin)
- ยากลุ่มควิโนโลน (quinolone antibiotics) เช่น ไซโปรฟลอกซาซิน (ciprofloxacin) ลีโวฟลอกซาซิน (levofloxacin) สตรอนเทียม (strontium)
- ยารักษาไทรอยด์ เช่น ยาเลโวไทรอกซีน (levothyroxine)
- ยาปฏิชีวนะกลุ่มเตตระไซคลีน (tetracycline) เช่น ด็อกซีไซคลิน (doxycycline) ยามิโนไซคลีน (minocycline)
คุณจึงควรแยกยาเหล่านี้ออกจากแคลเซียมอะซีเตท ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร ถึงระยะห่างในการใช้ยา และขอคำแนะนำเกี่ยวกับตารางเวลาทานยาเพื่อการใช้ยาที่ได้ผล
แคลเซียมอะซิเตทอาจเกิดปฏิกิริยากับยาอื่นที่คุณกำลังใช้อยู่ ซึ่งอาจส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียง เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น
คุณควรแจ้งแพทย์หรือเภสัชกรด้วยว่า คุณกำลังใช้ยาอะไรอยู่บ้าง ไม่ว่าจะเป็นยาตามใบสั่งแพทย์ ยาที่ซื้อได้เอง สมุนไพร เป็นต้น และเพื่อความปลอดภัย คุณไม่ควรเริ่ม หยุด หรือเปลี่ยนขนาดยาเองโดยไม่ได้รับความเห็นชอบจากแพทย์
ปฏิกิริยากับอาหารหรือแอลกอฮอล์
แคลเซียมอะซิเตทอาจมีปฏิกิริยากับอาหารหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดผลข้างเคียง โปรดปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอ
ปฏิกิริยาต่ออาการโรคอื่น
แคลเซียมอะซิเตท อาจส่งผลให้อาการโรคของคุณแย่ลง หรือส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา โปรดแจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบถึงสภาวะโรคของคุณก่อนใช้ยาเสมอ
ขนาดยา
ข้อมูลในที่นี้ไม่มีเจตนาให้ใช้ทดแทนคำแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกรทุกครั้งเพื่อรับทราบข้อมูลเพิ่มเติม
ขนาดยาแคลเซียมอะซิเตทสำหรับผู้ใหญ่
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่ที่มีภาวะฟอสฟอรัสสูงในเลือด (Hyperphosphatemia)
- ขนาดที่ใช้เริ่มต้น : 1334 มิลลิกรัม (2 เม็ดหรือแคปซูล หรือ 10 มิลลิกรัม) รับประทานพร้อมอาหาร
- ขนาดเพื่อพยุงอาการ : 2,001-2,668 มิลลิกรัม (3-4 เม็ดหรือแคปซูล หรือ 15-20 มิลลิกรัม) รับประทานพร้อมอาหาร
ข้อแนะนำ
- ปรับขนาดยาทุกๆ 2-3 สัปดาห์ จนระดับฟอสฟอรัสอยู่ในระดับที่เหมาะสม
การใช้ : ลดระดับฟอสฟอรัสในผู้ป่วยที่เป็นโรคไตระยะสุดท้าย
ขนาดยาแคลเซียมอะซิเตทสำหรับเด็ก
ยังไม่มีการกำหนดขนาดยาที่ใช้ในผู้ป่วยเด็ก ยาชนิดนี้อาจเป็นอันตรายต่อเด็ก การทำความเข้าใจเกี่ยวกับความปลอดภัยในการใช้ยาเป็นสิ่งสำคัญ โปรดปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรสำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
รูปแบบของแคลเซียมอะซิเตท
แคลเซียมอะซิเตทอยู่ในรูปแบบดังต่อไปนี้
- ชนิดเม็ด
- ชนิดแคปซูล
กรณีฉุกเฉินหรือการใช้ยาเกินขนาด
หากเกิดเหตุฉุกเฉินหรือใช้ยาเกินขนาด ควรแจ้งเหตุฉุกเฉินหรือนำส่งห้องฉุกเฉินใกล้บ้านโดยทันที
กรณีลืมใช้ยา
หากคุณลืมใช้ยาควรรีบใช้ทันทีที่นึกได้ หรือถ้าหากใกล้ถึงเวลาใช้ยาครั้งต่อไป ให้ข้ามรอบไปใช้ยาตามตารางปกติ ไม่ควรเพิ่มขนาดยาเป็นสองเท่า
Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำทางการแพทย์ การวินิจฉัยโรคหรือการรักษาโรคแต่อย่างใด
[embed-health-tool-bmi]