ข้อบ่งใช้
ยาไทกีไซคลีนใช้สำหรับ
ยาไทกีไซคลีน (Tigecycline) ใช้เพื่อรักษาการติดเชื้อแบคทีเรียรุนแรงบางประเภทที่การใช้ยาปฏิชีวนะอื่นนั้นอาจจะไม่ได้ผล ยานี้เกี่ยวข้องกับยาในกลุ่มยาปฏิชีวนะเตตราไซคลีน (tetracycline antibiotics) ยานี้จะทำงานโดยการหยุดยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรีย
ยาปฏิชีวนะนี้ใช้เพื่อรักษาการติดเชื้อแบคทีเรียเท่านั้น ไม่ได้ผลกับการติดเชื้อไวรัส เช่นโรคหวัด หรือไข้หวัดใหญ่ การใช้ยาปฏิชีวนะโดยไม่จำเป็น สามารถทำให้ยาไม่ได้ผลกับการติดเชื้อในอนาคตได้
วิธีการใช้ยาไทกีไซคลีน
ผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลสุขภาพจะเป็นผู้ฉีดยาเข้าหลอดเลือดดำนานกว่า 30 ถึง 60 นาที ใช้ยานี้ตามที่แพทย์กำหนด โดยปกติคือทุกๆ 12 ชั่วโมง ขนาดยาขึ้นอยู่กับภาวะสุขภาพและการตอบสนองต่อการรักษา
หากคุณใช้ยานี้เองที่บ้าน ควรเรียนรู้วิธีการเตรียมและการใช้ยาทั้งหมดจากผู้เชี่ยวชาญด้านการดูแลสุขภาพ วิธีใช้คือ หมุนขวดยาเบาๆ เพื่อผสมยาให้เข้ากัน อย่าเขย่า ยาที่ผสมแล้วควรจะมีสีเหลืองจนถึงสีส้ม ก่อนใช้ยาควรตรวจสอบมองหาฝุ่นละอองหรือการเปลี่ยนสีเป็นสีเขียวหรือดำ หากมีลักษณะเหล่านั้นไม่ควรใช้ยานั้น ควรเรียนรู้วิธีการเก็บรักษาและการกำจัดอุปกรณ์ทางการแพทย์อย่างปลอดภัยด้วย
เพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ควรใช้ยาปฏิชีวนะโดยเว้นระยะเวลาให้เท่ากัน เพื่อให้ง่ายต่อการจำ ควรใช้ยาในเวลาเดียวกันทุกวัน
ควรใช้ยาอย่างต่อเนื่องจนครบกำหนด แม้ว่าอาการของคุณจะหายไปหลังจากผ่านไปไม่กี่วัน การหยุดใช้ยาเร็วเกินไปอาจส่งผลให้การติดเชื้อกำเริบได้
โปรดแจ้งให้แพทย์ทราบหากอาการของคุณไม่หายไปหรือแย่ลง
การเก็บรักษายาไทกีไซคลีน
เก็บผงยาที่ยังไม่ได้ผสมไว้ในอุณหภูมิห้อง เก็บให้พ้นจากความชื้นและความร้อน
ยาที่ผสมแล้วในถุงน้ำเกลือสำหรับหยอดยาเข้าหลอดเลือดดำสามารถเก็บไว้ในอุณหภูมิห้องที่เย็น แต่จะต้องใช้ยานั้นภายใน 24 ชั่วโมง ถ้าบรรจุในขวดยาจะอยู่ได้ถึง 6 ชั่วโมง และหากบรรจุในถุงน้ำเกลือสำหรับหยอดยาเข้าหลอดเลือดดำ จะอยู่ได้นานถึง 18 ชั่วโมง)
ยาไทกีไซคลีนในถุงน้ำเกลือสำหรับหยอดยาเข้าหลอดเลือดดำที่ผสมกับโซเดียม คลอไรด์ 0.9% หรือสารละลายเดกซ์โทรส 5% (dextrose) นั้นสามารถเก็บไว้ในตู้เย็นและใช้ภายใน 48 ชั่วโมง
ยาไทกีไซคลีนบางยี่ห้ออาจจะต้องเก็บรักษาแตกต่างกัน จึงควรตรวจสอบฉลากยาหรือสอบถามเภสัชกรเสมอ เพื่อความปลอดภัยโปรดเก็บยาให้ห่างจากมือเด็กและสัตว์เลี้ยง
ไม่ควรทิ้งยาไทกีไซคลีนลงในชักโครก หรือเทลงในท่อระบายน้ำ เว้นแต่ได้รับคำแนะนำให้ทำเช่นนั้น ควรกำจัดยาด้วยวิธีที่ถูกต้องเมื่อยาหมดอายุ หรือไม่มีความจำเป็นต้องใช้งาน โปรดสอบถามเภสัชกรเพิ่มเติม เกี่ยวกับวิธีการกำจัดยาที่ถูกต้อง
ข้อควรระวังและคำเตือน
ข้อควรรู้ก่อนใช้ยาไทกีไซคลีน
ก่อนใช้ยาไทกีไซคลีน แจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบหากคุณแพ้ต่อยานี้ หรือยาในกลุ่มเตตราไซคลีน เช่น ยาดอกซิไซคลีน (doxycycline) ยามิโนไซคลีน (minocycline) ยาเตตราไซคลีน (tetracycline) หรือหากคุณเป็นโรคภูมิแพ้อื่นๆ ยานี้อาจมีส่วนประกอบไม่ออกฤทธิ์ที่ทำให้เกิดอาการแพ้หรือปัญหาอื่น โปรดปรึกษาเภสัชกรสำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
ก่อนใช้ยานี้ แจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบเกี่ยวกับประวัติทางการแพทย์ของคุณ โดยเฉพาะโรคตับ
ยานี้อาจทำให้เกิดอาการวิงเวียน การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์หรือใช้กัญชานั้ อาจทำให้อาการวิงเวียนรุนแรงขึ้นได้ อย่าขับรถ ใช้เครื่องจักร หรือทำกิจกรรมที่ต้องการความตื่นตัวจนกว่าคุณจะสามารถทำได้อย่างปลอดภัย จำกัดปริมาณเครื่องดื่มแอลกอฮอล์และปรึกษาแพทย์หากคุณใช้กัญชา
ยาไทกีไซคลีนอาจทำให้วัคซีนแบคทีเรียเชื้อเป็น เช่น วัคซีนไข้ไทฟอยด์ (typhoid vaccine) ทำงานได้ไม่ดีดังเดิม อย่าสร้างภูมิคุ้มกันหรือรับวัคซีนขณะที่กำลังใช้ยานี้นอกเสียจากแพทย์จะสั่งให้ทำเช่นนั้น
ยานี้อาจทำให้คุณมีปฏิกิริยาไวต่อแสงอาทิตย์ได้ ควรจำกัดเวลาในการอยู่ใต้แดด หลีกเลี่ยงการใช้ตู้อบอาบแดดและโคมไฟแสงอาทิตย์ ควรทาครีมกันแดดและสวมเสื้อผ้าป้องกันเมื่ออยู่นอกบ้าน แจ้งให้แพทย์ทราบในทันทีหากคุณเกิดอาการแดดเผาหรือมีแผลพุพองหรือรอยแดงที่ผิวหนัง
ก่อนการผ่าตัด แจ้งให้แพทย์หรือทันตแพทย์ทราบเกี่ยวกับยาทั้งหมดที่คุณใช้ (ทั้งยาตามใบสั่งยา ยาที่หาซื้อเอง และสมุนไพรต่างๆ)
เด็กที่อายุน้อยกว่า 8 ปีอาจจะมีปฏิกิริยาไวต่อผลข้างเคียงของยาไทกีไซคลีนได้มากกว่า โดยเฉพาะอาการฟันเปลี่ยนสี อาการฟันเปลี่ยนสีนั้นยังเกิดได้ในเด็กโตและผู้ใหญ่ที่อายุน้อย โปรดปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับความเสี่ยงและประโยชน์ของการใช้ยา
โปรดแจ้งให้แพทย์ทราบหากคุณตั้งครรภ์หรือมีแผนที่จะตั้งครรภ์ คุณไม่ควรตั้งครรภ์ขณะที่กำลังใช้ยานี้ ยาไทกีไซคลีนอาจเป็นอันตรายต่อทารกในครรภ์ หากคุณตั้งครรภ์โปรดปรึกษาแพทย์ในทันทีเกี่ยวกับความเสี่ยงและประโยชน์ของยานี้
อย่างไรก็ตาม ยังไม่ทราบแน่ชัดว่ายานี้สามารถผ่านเข้าสู่น้ำนมแม่ได้หรือไม่ เนื่องจากโอกาสในการเกิดความเสี่ยงต่อทารก โปรดปรึกษาแพทย์ก่อนให้นมบุตร
ความปลอดภัยต่อการตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
ยังไม่มีงานวิจัยที่น่าเชื่อถือเกี่ยวกับความเสี่ยงในสตรีที่ใช้ยานี้ในช่วงการตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร โปรดปรึกษาแพทย์เพื่อหาประโยชน์และความเสี่ยงก่อนการใช้ยา
ยาไทกีไซคลีนจัดอยู่ในประเภทของยาที่มีความเสี่ยงต่อผู้ตั้งครรภ์ หมวด D โดยองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA)
การจัดประเภทของยาที่มีความเสี่ยงต่อผู้ตั้งครรภ์โดยองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกามีดังนี้
- A= ไม่มีความเสี่ยง
- B= ไม่พบความเสี่ยงในการวิจัยบางชิ้น
- C= อาจจะมีความเสี่ยง
- D= มีหลักฐานแสดงถึงความเสี่ยง
- X= ห้ามใช้
- N= ไม่ทราบแน่ชัด
ผลข้างเคียง
ผลข้างเคียงของการใช้ยาไทกีไซคลีน
อาจเกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน ปวดหัว วิงเวียน หรืออาการปวดหรือบวมตรงบริเวณที่ฉีดยา หากอาการเหล่านี้ไม่หายไปหรือรุนแรงขึ้นโปรดแจ้งแพทย์หรือเภสัชกรในทันที
โปรดจำไว้ว่าการที่แพทย์ให้คุณใช้ยาตัวนี้เนื่องจากคำนวณแล้วว่ายามีประโยชน์มากกว่าเป็นโทษ และคนที่ใช้ยานี้ส่วนใหญ่ไม่พบผลข้างเคียงที่ร้ายแรงใดๆ
โปรดแจ้งให้แพทย์ทราบในทันทีหากเกิดผลข้างเคียงที่รุนแรงดังนี้
- สัญญาณของปัญหาเกี่ยวกับไต (เช่นปริมาณของปัสสาวะเปลี่ยนแปลง)
- เหนื่อยล้าผิดปกติ
- ปวดท้องอย่างรุนแรง
- การได้ยินเปลี่ยนแปลง (มีเสียงอื้อในหู การได้ยินลดลง)
- หัวใจเต้นผิดปกติ
- มีเลือดออกหรือรอยช้ำง่าย
- ผิวหนังหรือดวงตาเป็นสีเหลือง
- ปัสสาวะสีคล้ำ
ในบางกรณีซึ่งพบได้ยากนั้น ยาในกลุ่มเตตราไซคลีนอย่างยาไทกีไซคลีน อาจทำให้เกิดภาวะความดันภายในกระโหลกศีรษะสูงอย่างรุนแรง (intracranial hypertension-IH) ความเสี่ยงนี้จะมากกว่าในผู้หญิงวัยเจริญพันธุ์ ผู้ที่มีน้ำหนักเกินหรือเคยมีภาวะความดันภายในกระโหลกศีรษะสูง หากเกิดภาวะความดันภายในกระโหลกศีรษะสูง โดยปกติภาวะนี้จะหายไปเมื่อหยุดใช้ยาไทกีไซคลีน อย่างไรก็ตาม อาจจะมีโอกาสในการเกิดอาการสูญเสียการมองเห็นหรือตาบอดอย่างถาวรได้
ควรรับการรักษาในทันทีหากคุณเคยมีอาการดังนี้
- ปวดหัวอย่างรุนแรงหรือไม่ยอมหาย
- คลื่นไส้อาเจียนไม่หยุด
- การมองเห็นเปลี่ยนแปลง (เช่นมองเห็นไม่ชัด มองเห็นภาพซ้อน การมองเห็นลดลง หรือตาบอดกะทันหัน)
ในบางครั้ง ยานี้อาจทำให้เกิดภาวะลำไส้ปผิดปกติที่รุนแรง เช่น อาการท้องร่วงที่เกี่ยวข้องกับคลอสทริเดียม ดิฟิซายล์ (Clostridium difficile-associated diarrhea) ที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียดื้อยาบางอย่าง ภาวะนี้สามารถเกิดได้ระหว่างการรักษาหรือหลายสัปดาห์ถึงเดือนหลังจากหยุดการรักษา ควรแจ้งให้แพทย์ทราบทันทีหากคุณมีอาการผิดปกติ เช่น ท้องร่วงไม่ยอมหยุด ปวดท้อง มีเลือดหรือเสมหะในอุจจาระ
อย่าใช้ยาแก้ท้องร่วงหรือยาแก้ปวดแบบเสพติด (narcotic pain medications) หากคุณมีอาการเหล่านี้เนื่องจากอาจทำให้อาการแย่ลงได้
การใช้ยานี้เป็นเวลานานหรือใช้ซ้ำๆ อาจทำให้เกิดเชื้อราในช่องปาก (oral thrush) หรือติดเชื้อยีสต์ครั้งใหม่ได้ โปรดปรึกษาแพทย์หากคุณสังเกตเห็นรอยปื้นขาวภายในปาก มีความเปลี่ยนแปลงของสารคัดหลั่งจากช่องคลอด หรือมีอาการใหม่อื่นๆ
การแพ้ยาที่รุนแรงต่อยานี้ ค่อนข้างเกิดขึ้นได้ยาก แต่จำเป็นต้องได้รับการรักษาที่ทันท่วงที อาการของการแพ้รุนแรงมีดังนี้ ผดผื่น คันหรือบวม (โดยเฉพาะบริเวณใบหน้า ลิ้น และลำคอ) วิงเวียนขั้นรุนแรง หายใจติดขัด
ไม่ใช่ทุกคนจะเจอกับผลข้างเคียงเหล่านี้อาจจะมีอาการอย่างอื่นนอกเหนือจากที่กล่าวมาข้างต้น ถ้าคุณมีข้อสงสัยใดๆ เกี่ยวกับผลข้างเคียง โปรดปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกร
ปฏิกิริยาของยา
ปฏิกิริยากับยาอื่น
ยาที่อาจจะมีปฏิกิริยากับยานี้ได้แก่ยาเรตินอยด์ (retinoid) สำหรับรับประทาน เช่น อาซิเทรติน (acitretin) หรือไอโซเตรทติโนอิน (isotretinoin)
แม้ว่ายาปฏิชีวนะนั้นมักจะไม่ส่งผลต่อการคุมกำเนิด เช่น ยาเม็ดคุมกำเนิด แผ่นแปะคุมกำเนิด หรือห่วงคุมกำเนิด แต่ยาปฏิชีวนะบางชนิด เช่น ยาไรแฟมพิน (rifampin) หรือยาไรฟาบูติน (rifabutin) นั้นอาจลดประสิทธิภาพของการคุมกำเนิดเหล่านี้และอาจส่งผลให้เกิดการตั้งครรภ์ได้ หากคุณกำลังใช้การคุมกำเนิดโดยใช้ฮอร์โมน โปรดปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรสำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
ยาไทกีไซคลีน อาจเกิดปฏิกิริยากับยาอื่นที่คุณกำลังใช้อยู่ ซึ่งอาจส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียง เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น คุณควรจะบอกแพทย์หรือเภสัชกรของคุณว่า คุณกำลังใช้ยาอะไรอยู่บ้าง (ทั้งยาตามใบสั่งแพทย์ ยาที่ซื้อได้เอง และสมุนไพรต่างๆ) เพื่อความปลอดภัย โปรดอย่าเริ่ม หยุด หรือเปลี่ยนขนาดยาใดๆ โดยไม่ได้รับความเห็นชอบจากแพทย์
ปฏิกิริยากับอาหารหรือแอลกอฮอล์
ยาไทกีไซคลีนอาจมีปฏิกิริยากับอาหารหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียง โปรดปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอ
ปฏิกิริยากับอาการของโรคอื่น
ยาไทกีไซคลีนอาจส่งผลให้อาการโรคของคุณแย่ลง หรือส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา โปรดแจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบถึงสภาวะโรคของคุณก่อนใช้ยาเสมอ
ขนาดยา
ข้อมูลในที่นี้ไม่มีเจตนาให้ใช้ทดแทนคำแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกรทุกครั้งเพื่อรับทราบข้อมูลเพิ่มเติม
ขนาดยาไทกีไซคลีนสำหรับผู้ใหญ่
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาการติดเชื้อภายในช่องท้อง
ขนาดยาเริ่มต้น : 100 มก. ฉีดเข้าหลอดเลือดดำ ตามด้วย 50 มก. ฉีดเข้าหลอดเลือดดำทุกๆ 12 ชั่วโมง
ระยะเวลาการรักษา: 5 ถึง 14 วัน
การใช้งาน: สำหรับการรักษาการติดเชื้อภายในช่องท้องที่ซับซ้อนเนื่องจากกลุ่มของเชื้อที่อ่อนไหวอย่างเชื้อไซโตรแบคเตอร์ ฟรุนดี (Citrobacter freundii) เชื้อเอนเทโรแบคเทอร์ โคลอาซี (Enterobacter cloacae) เชื้อเอชเชอริเชีย โคไล (Escherichia coli) เชื้อเคลบเซลลา ออกซิโทคา (Klebsiella oxytoca) เชื้อเค นิวโมเนีย (K pneumoniae) เชื้อเอนเทโรคอกคัส เฟคาลิส (Enterococcus faecalis) ซึ่งเป็นกลุ่มเชื้ออ่อนไหวต่อยาแวนโคมัยซิน (vancomycin-susceptible isolates) เชื้อสตาฟิโลคอคคัส ออเรียส (Staphylococcus aureus) ซึ่งเป็นกลุ่มเชื้อที่มีอ่อนไหวและดื้อต่อเมทิซิลลิน (methicillin-susceptible and -resistant isolates) กลุ่มเชื้อสเตรปโทคอกคัส แองจิโนซัส (Streptococcus anginosus group) รวมถึงเชื้อเอส แองจิโนซัส (S anginosus) เชื้อเอส อินเทอร์เมเดียส (S intermedius) และเชื้อเอส คอนสเตลลาทัส (S constellatus) เชื้อแบคเทอรอยด์ดีส ฟราจิลลิส (Bacteroides fragilis) เชื้อบี เททาไอโอทาโอไมครอน (B thetaiotaomicron) เชื้อบี ยูนิฟอร์มิส (B uniformis) เชื้อบี วาลกาทัส (B vulgatus) เชื้อคลอสทริเดียม เพอร์ฟริงเจน (Clostridium perfringens) และเชื้อเปปโซสเตรปโทคอกคัส ไมโครส (Peptostreptococcus micros)
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาการติดเชื้อที่ผิวหนังหรือเนื้อเยื่ออ่อน
ขนาดยาเริ่มต้น :100 มก. ฉีดเข้าหลอดเลือดดำ ตามด้วย 50 มก. ฉีดเข้าหลอดเลือดดำทุกๆ 12 ชั่วโมง
ระยะเวลาการรักษา: 5 ถึง 14 วัน
คำแนะนำ:
-ยานี้ไม่มีข้อบ่งใช้ในการรักษาการติดเชื้อแผลเบาหวาน (diabetic foot) การทดลองทางการแพทย์นั้นล้มเหลวในการแสดงความไม่ด้อยกว่าของยา (non-inferiority)
การใช้งาน: เพื่อรักษาการติดเชื้อที่ผิวหนังและโครงสร้างผิวแบบซับซ้อนเนื่องจากกลุ่มของเชื้อที่อ่อนไหวอย่างเชื้อ อีโคไล เชื้ออี เฟคาลิส (กลุ่มเชื้ออ่อนไหวต่อยาแวนโคมัยซิน ) เชื้อเอส ออเรียส (กลุ่มเชื้อที่มีอ่อนไหวและดื้อต่อเมทิซิลลิน) เชื้อเอส อะกาแลคทิเอ (S agalactiae) กลุ่มชื้อเอส แองจิโนซัส (รวมถึงเชื้อเอส แองจิโนซัส เชื้อเอส อินเทอร์เมเดียส และเชื้อเอส คอนสเตลลาทัส) เชื้อเอส ไพโอจีนีส (S pyogenes) เชื้ออี โคลอาซี เชื้อเค นิวโมเนีย และเชื้อบี ฟราจิลลิส
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาผิวหนังและโครงสร้าง
ขนาดยาเริ่มต้น: 100 มก. ฉีดเข้าหลอดเลือดดำ ตามด้วย 50 มก. ฉีดเข้าหลอดเลือดดำทุกๆ 12 ชั่วโมง
ระยะเวลาการรักษา: 5 ถึง 14 วัน
คำแนะนำ:
-ยานี้ไม่มีข้อบ่งใช้ในการรักษาการติดเชื้อแผลเบาหวาน การทดลองทางการแพทย์นั้นล้มเหลวในการแสดงความไม่ด้อยกว่าของยา
การใช้งาน: เพื่อรักษาการติดเชื้อที่ผิวหนังและโครงสร้างผิวแบบซับซ้อนเนื่องจากกลุ่มของเชื้อที่อ่อนไหวอย่างเชื้อ อีโคไล เชื้ออี เฟคาลิส (กลุ่มเชื้ออ่อนไหวต่อยาแวนโคมัยซิน ) เชื้อเอส ออเรียส (กลุ่มเชื้อที่มีอ่อนไหวและดื้อต่อเมทิซิลลิน) เชื้อเอส อะกาแลคทิเอ กลุ่มชื้อเอส แองจิโนซัส (วมถึงเชื้อเอส แองจิโนซัส เชื้อเอส อินเทอร์เมเดียส และเชื้อเอส คอนสเตลลาทัส) เชื้อเอส ไพโอจีนีส เชื้ออี โคลอาซี เชื้อเค นิวโมเนีย และเชื้อบี ฟราจิลลิส
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาโรคปอดบวม
ขนาดยาเริ่มต้น: 100 มก. ฉีดเข้าหลอดเลือดดำ ตามด้วย 50 มก. ฉีดเข้าหลอดเลือดดำทุกๆ 12 ชั่วโมง
ระยะเวลาการรักษา: 7 ถึง 14 วัน
คำแนะนำ:
-ยานี้ไม่มีข้อบ่งใช้ในการรักษาโรคปอดบวมในโรงพยาบาลหรือโรคปอดบวมที่เกี่ยวข้องกับเครื่องช่วยหายใจ (ventilator-associated pneumonia)
เคยมีรายงานพบการเสียชีวิตที่เพิ่มขึ้นและประสิทธิภาพที่ลดลงในการทดลองแบบเปรียบเทียบทางการแพทย์
การใช้งาน: เพื่อรักษา โรคปอดบวมจากเชื้อแบคทีเรียในชุมชนเนื่องจากกลุ่มเชื้ออ่อนไหวอย่างเชื้อเอส นิวโมเนีย ซึ่งเป็นกลุ่มเชื้อที่อ่อนไหวต่อยาเพนนิซิลลิน (penicillin-susceptible isolates) รวมถึงกรณีที่เกิดพร้อมกับภาวะเลือดมีเชื้อแบคทีเรีย (bacteremia) เชื้อฮีโมฟิลัส อินฟลูเอ็นซาอี (Haemophilus influenzae) และเชื้อลีเจเนลลา นิวโมฟิลา (Legionella pneumophila)
การปรับขนาดยาสำหรับไต
ไม่มีการปรับขนาดยาที่แนะนำ
การปรับขนาดยาสำหรับตับ
ผู้ป่วยที่เป็นผู้ใหญ่
-ผู้ป่วยไตวายระดับเบาถึงปานกลาง ไชด์พิว (Child-Pugh) เอและบี ไม่มีการปรับขนาดยาที่แนะนำ
–ผู้ป่วยไตวายระดับรุนแรง ไชด์พิว ซี 100 มก. ฉีดเข้าหลอดเลือดดำ ตามด้วย 25 มก. ฉีดเข้าหลอดเลือดดำทุกๆ 12 ชั่วโมง
คำแนะนำ
-ควรระมัดระวังการใช้ยากับผู้ป่วยไตวายระดับรุนแรง เช่นผู้ป่วยควรได้รับการเฝ้าระวังสำหรับการตอบสนองต่อการรักษา
การฟอกไต (Dialysis)
การฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม (Hemodialysis) ไม่มีการปรับขนาดยาที่แนะนำ
คำแนะนำอื่นๆ
คำแนะนำการใช้ยา
-ยานี้เป็นยาสำรองสำหรับสถานการณ์ที่การรักษาทางเลือกอื่นนั้นไม่เหมาะสม
-หยอดยาเข้าหลอดเลือดดำนานกว่า 30 ถึง 60 นาที ให้ยาผ่านทางสายเฉพาะหรือผ่านทางวายไซต์ (Y-site)
-หากสายยางเส้นเดิมใช้ในการหยอดยาหลายชนิดหลังจากนั้น ควรล้างสายยางก่อนและหยังจากให้ยานี้โดยใช้สารละลายสำหรับหยอดยาซึ่งเข้ากันได้กับยาทุกชนิด ควรศึกษาข้อมูลผิลภัณฑ์จากผู้ผลิต
-ระยะเวลาการรักษาควรจะมีแนวทางจากความรุนแรงและบริเวณที่ติดเชื้อและความคืบหน้าทางการแพทย์และทางแบคทีเรียของผู้ป่วย
การเก็บรักษา
-ก่อนผสมยา เก็บไว้ที่อุณหภูมิ 20 ถึง 25 องศาเซลเซียส (68 ถึง77 องศาฟาเรนไฮต์) อุณหภูมิที่อนุญาตระหว่างการเดินทางคือ 15 ถึง 30 องศาเซลเซียส (59 ถึง 86 องศาฟาเรนไฮต์)
-หลังจากผสมยา อาจจะเก็บไว้ที่อุณหภูมิห้อง (ไม่เกิน 25 องศาเซลเซียส [77 องศาฟาเรนไฮต์]) เป็นเวลานานถึง 24 ชั่วโมง (สูงถึง 6 ชั่วโมงในขวดยา และระยะเวลาที่เหลือในถุงน้ำเกลือสำหรับฉีดยาเข้าหลอดเลือดดำ) หากเก็บไว้ในอุณหภูมิที่สูงกว่า 25 องศาเซลเซียส (77 องศาฟาเรนไฮต์) ควรใช้ยาทันที อีกทางเลือกหนึ่ง หากผสมยากับโซเดียมคลอไรด์สำหรับฉีด 0.9% เภสัชตํารับของประเทศสหรัฐอเมริกา (USP) หรือเดกโทรสสำหรับฉีด 5% เภสัชตํารับของประเทศสหรัฐอเมริกา อาจเก็บไว้ในตู้เย็นที่อุณหภูมิ 2 ถึง 8 องศาเซลเซียส (36 ถึง 46 องศาฟาเรนไฮต์) เป็นเวลานานถึง 48 ชั่วโมง หลังจากเทยาที่ผสมแล้วเข้าในถุงน้ำเกลือสำหรับฉีดยาเข้าหลอดเลือดดำทันที
เทคนิคการผสมยาหรือการเตรียมยา
-ยานี้จะต้องทำการผสมยาและเจือจางเพิ่มกว่านั้น ควรศึกษาข้อมูลผิลตภัณฑ์จากผู้ผลิต
สารที่เข้ากันได้ (IV compatibility)
-สารละลายฉีดเข้าหลอดเลือดดำที่เข้ากันได้ โซเดียมคลอไรด์สำหรับฉีด 0.9% เภสัชตํารับของประเทศสหรัฐอเมริกา เดกโทรสสำหรับฉีด 5% เภสัชตํารับของประเทศสหรัฐอเมริกา ยาสารละลายแลคเตทริงเกอร์ (Lactated Ringer’s Injection) เภสัชตํารับของประเทศสหรัฐอเมริกา
-ยาหรือตัวละลายที่เข้ากันได้สำหรับให้ผ่านทางสายวายไซต์ (เมื่อใช้ร่วมกับโซเดียมคลอไรด์สำหรับฉีด 0.9% เภสัชตํารับของประเทศสหรัฐอเมริกา หรือเดกโทรสสำหรับฉีด 5% เภสัชตํารับของประเทศสหรัฐอเมริกา) อย่างยาอะมิคาซิน (Amikacin) ยาโดบูตามีน (dobutamine) ยาโดพามีน (dopamine) ไฮโดรคลอไรด์ (hydrochloride) ยาเจนตามัยซิน (gentamicin) ยาสารละลายแลคเตทริงเกอร์ ยาลิโดคาอีน ไฮโดรคลอไรด์ (lidocaine HCl) ยาเมโทโคลพราไมด์ (metoclopramide) ยามอร์ฟีน (morphine) ยานอร์อิพิเนฟริน (norepinephrine) ยาโพแทสเซียม คลอไรด์ (potassium chloride) ยาโพรโพฟอล (propofol) ยาแรนิทิดีน ไฮโดรคลอไรด์ (ranitidine HCl) ยาทีโอฟิลลีน (theophylline) ยาโทบรามัยซิน (tobramycin)
-ยาที่ไม่เข้ากัน แอมโฟเทอริซิน บี (Amphotericin B) ยาลิพิดเชิงซ้อนแอมโฟเทอริซิน บี (amphotericin B lipid complex) ยาไดอาเซแพม (diazepam) ยาอีโซเมปราโซล (esomeprazole) ยาโอเมพราโซล (omeprazole)
-ควรศึกษาข้อมูลผลิตภัณฑ์จากผู้ผลิตในเรื่องเกี่ยวกัขความเข้ากันของยาฮาโลเพอริดอล (haloperidol) และยาพิเพอราซิลลิน-ทาโซแบคแตม (piperacillin-tazobactam) ซึ่งเป็นสุตรกรดเอทิลีนไดอามีนเตตราอาเซติก (ethylenediaminetetraacetic acid formulation)
ทั่วไป
-เพื่อลดการเกิดเชื้อที่ดื้อยาและรักษาระดับการรักษาที่มีประสิทธิภาพ ควรใช้ยานี้เพื่อรักษาการติดเชื้อที่ได้รับการพิสูนจ์หรือต้องสัยสัยอย่างรุนแรงว่าเกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่อ่อนไหวเท่านั้น
-ควรพิจารณาการเพาะเชื้อ (Culture) และข้อมูลของความอ่อนไหวง่ายเมื่อเลือกหรือปรับการรักษาต้านแบคทีเรีย หรือหากไม่มีข้อมูล อาจจะพิจารณาวิทยาการระบาดท้องถิ่น (local epidemiology) และรูปแบบความอ่อนไหวเมื่อเลือกการรักษาแบบครอบคลุมเชื้ออย่างกว้างๆ (empiric therapy)
-ควรรับตัวอย่างที่เหมาะสมสำหรับการตรวจทางวิทยาแบคทีเรีย (bacteriological) เพื่อแยกและระบุเชื้อที่เป็นสาเหตุและหาความอ่อนไหวต่อยานี้ อาจเพิ่มให้ยานี้เป็นการรักษาแบบครอบคลุมเชื้ออย่างกว้างๆ ก่อนที่จะทราบผลการตรวจ
-ผลิตภัณฑ์บางอย่างอาจจะมีส่วนผสมของน้ำตาลแล็กโทส โมโนไฮเดรต (lactose monohydrate) หรือน้ำตาลมอลโทส โมโนไฮเดรต (maltose monohydrate) 100 มก. ต่อขวดยา หากยารูปแบบที่มีส่วมผสมของน้ำตาลมอลโทสนั้นถูกแทนที่ด้วยยารูปแบบอื่น ควรใช้วิธีการทดสอบน้ำตาลกลูโคสที่ไม่ทำปฏิกิริยากับมอลโตส
การเฝ้าระวัง
-ทั่วไป สำหรับการตอบสนองต่อการรักษาในผู้ป่วยโรคตับวายระดับรุนแรง
-ตับ เฝ้าระวังการทำงานของตับแย่ลงในผู้ป่วยที่มีผลการตรวจสมรรถภาพตับผิดปกติ (ขณะการรักษา)
คำแนะนำสำหรับผู้ป่วย
-ควรหลีกเลี่ยงการข้ามมื้อยาและรับการรักษาจนครบกำหนดทั้งหมด
-โปรดปรึกษาแพทย์หากคุณมีอาการท้องร่วงเป็นน้ำหรือเป็นเลือด
ขนาดยาไทกีไซคลีนสำหรับเด็ก
ขนาดยาสำหรับเด็กเพื่อรักษาการติดเชื้อภายในช่องท้อง
ขนาดยาที่เสนอสำหรับการติดเชื้อซับซ้อน
อายุ 8 ถึง 11 ปี 1.2 มก./กก. ฉีดเข้าหลอดเลือดดำทุกๆ 12 ชั่วโมง
ขนาดยาสูงสุด 50 มก./ครั้ง
อายุ 12 ถึง 17 ปี 50 มก. ฉีดเข้าหลอดเลือดดำทุกๆ 12 ชั่วโมง
คำแนะนำ
-ควรหลีกเลี่ยงการใช้ยานี้นอกเสียจากว่าจะไม่มียาต้านแบคทีเรียอื่นให้ใช้
-ยังไม่มีการประเมินความปลอดภัยและประสิทธิภาพของสูตรยาที่เสนอนี้เนื่องจากพบว่ามีการเสียชีวิตที่เกี่ยวข้องกับยานี้เพิ่มขึ้นในผู้ป่วยผู้ใหญ่
-ขนาดยาที่เสนอมานั้นขึ้นอยู่กับการเปิดรับที่พบในการทดลองทางเภสัชจลนศาสตร์ (pharmacokinetic trials) (มีผู้ป่วยเด็กจำนวนน้อย)
ขนาดยาสำหรับเด็กเพื่อรักษาการติดเชื้อที่ผิวหนังและโครงสร้าง
ขนาดยาที่เสนอ สำหรับการติดเชื้อซับซ้อน
อายุ 8 ถึง 11 ปี 1.2 มก./กก. ฉีดเข้าหลอดเลือดดำทุกๆ 12 ชั่วโมง
ขนาดยาสูงสุด 50 มก./ครั้ง
อายุ 12 ถึง 17 ปี 50 มก. ฉีดเข้าหลอดเลือดดำทุกๆ 12 ชั่วโมง
คำแนะนำ
-ควรหลีกเลี่ยงการใช้ยานี้นอกเสียจากว่าจะไม่มียาต้านแบคทีเรียอื่นให้ใช้
-ยังไม่มีการประเมินความปลอดภัยและประสิทธิภาพของสูตรยาที่เสนอนี้เนื่องจากพบว่ามีการเสียชีวิตที่เกี่ยวข้องกับยานี้เพิ่มขึ้นในผู้ป่วยผู้ใหญ่
-ขนาดยาที่เสนอมานั้นขึ้นอยู่กับการเปิดรับที่พบในการทดลองทางเภสัชจลนศาสตร์ (มีผู้ป่วยเด็กจำนวนน้อย)
ขนาดยาสำหรับเด็กเพื่อรักษาโรคปอดอักเสบ
ขนาดยาที่เสนอ สำหรับการติดเชื้อโรคปอดอักเสบในชุมชน
อายุ 8 ถึง 11 ปี 1.2 มก./กก. ฉีดเข้าหลอดเลือดดำทุกๆ 12 ชั่วโมง
ขนาดยาสูงสุด 50 มก./ครั้ง
อายุ 12 ถึง 17 ปี 50 มก. ฉีดเข้าหลอดเลือดดำทุกๆ 12 ชั่วโมง
คำแนะนำ
-ควรหลีกเลี่ยงการใช้ยานี้นอกเสียจากว่าจะไม่มียาต้านแบคทีเรียอื่นให้ใช้
-ยังไม่มีการประเมินความปลอดภัยและประสิทธิภาพของสูตรยาที่เสนอนี้เนื่องจากพบว่ามีการเสียชีวิตที่เกี่ยวข้องกับยานี้เพิ่มขึ้นในผู้ป่วยผู้ใหญ่
-ขนาดยาที่เสนอมานั้นขึ้นอยู่กับการเปิดรับที่พบในการทดลองทางเภสัชจลนศาสตร์ (มีผู้ป่วยเด็กจำนวนน้อย)
ข้อควรระวัง
ยังไม่มีการพิสูจน์ความความปลอดภัยและประสิทธิภาพของขนาดยานี้สำหรับผู้ป่วยเด็กที่อายุน้อยกว่า 18 ปี ไม่แนะนำให้ใช้ยานี้ในผู้ป่วยเหล่านี้
-หากไม่มียาต้านแบคทีเรียอื่นให้เลือก เคยมีการแนะนำสูตรยาสำหรับเด็ก ไม่แนะนำให้ใช้ยานี้กับเด็กที่อายุต่ำกว่า 8 ปี (เนื่องจากผลต่อการเจริญเติบโตของฟัน)
รูปแบบของยา
ความแรงและรูปแบบของยามีดังนี้
- ยาผงสำหรับฉีดเข้าหลอดเลือดดำ
กรณีฉุกเฉินหรือใช้ยาเกินขนาด
หากเกิดเหตุฉุกเฉินหรือใช้ยาเกินขนาด ควรแจ้งเหตุฉุกเฉินหรือนำส่งห้องฉุกเฉินใกล้บ้านโดยทันที
กรณีลืมใช้ยา
หากคุณลืมใช้ยาควรรีบใช้ในทันทีที่นึกได้ หรือถ้าหากใกล้ถึงเวลาใช้ยาครั้งต่อไป ให้ข้ามรอบไปใช้ยาตามตารางปกติได้เลย ไม่ควรเพิ่มปริมาณยา
Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำทางการแพทย์ การวินิจฉัยโรคหรือการรักษาโรคแต่อย่างใด
[embed-health-tool-bmi]