ตรวจสอบข้อมูลทางการแพทย์โดย เภสัชกรอาชานนท์ สมศักดิ์ · ยาและอาหารเสริม · Hello Health Group
ไรแมนตาดีน (Rimantadine) ใช้เพื่อป้องกันหรือรักษาไวรัสไข้หวัดใหญ่บางชนิดอย่างไวรัสอินฟลูเอนซา เอ (influenza A) หากคุณเคยติดเชื้อไข้หวัดใหญ่ ยานี้อาจจะช่วยให้อาการของคุณรุนแรงน้อยลงและหายไวขึ้น หากคุณเคยเปิดรับเชื้อ หรือกำลังจะเปิดรับเชื้อไข้หวัดใหญ่ การรับประทานยาไรแมนตาดีนจะช่วยป้องกันคุณจากโรคได้ ยานี้เป็นยาต้านไวรัสที่เชื่อว่า ทำงานโดยการหยุดยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ ยานี้ไม่ใช่วัคซีน เพื่อเพิ่มโอกาสในการไม่ติดโรคไข้หวัดใหญ่ ควรจะฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ปีละครั้งในช่วงฤดูกาลไข้หวัดใหญ่ หากเป็นไปได้
รับประทานยานี้พร้อมกับอาหาร หรือรับประทานแยกต่างหากตามที่แพทย์กำหนด หากรับประทานยานี้เพื่อป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ สำหรับเด็กที่อายุน้อยกว่า 10 ปีควรจะรับประทานวันละครั้ง สำหรับเด็กที่อายุ 10 ขึ้นไปควรจะรับประทานวันละสองครั้ง หากใช้ยานี้เพื่อรักษาโรคไข้หวัดใหญ่ในผู้ใหญ่ มักจะรับประทานวันละสองครั้ง อย่าเพิ่มขนาดยาหรือรับประทานบ่อยกว่าที่แพทย์กำหนด
ขนาดยาขึ้นอยู่กับสภาวะทางการแพทย์และการตอบสนองต่อการรักษา สำหรับเด็ก ขนาดยายังขึ้นอยู่กับน้ำหนักตัวอีกด้วย
รับประทานยาไรแมนตาดีนให้เร็วที่สุด หลังจากที่เปิดรับเชื้อไข้หวัดใหญ่ หรือเริ่มมีอาการไข้หวัดใหญ่ ควรรับประทานยาจนครบกำหนด การหยุดใช้ยาเร็วเกินไป อาจทำให้เชื้อไวรัสเจริญเติบโตต่อไป แล้วนำไปสู่การติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ที่รุนแรงได้
หากคุณรับประทานยาแบบน้ำเชื่อม ควรตวงขนาดยาด้วยความระมัดระวังด้วยช้อนหรือถ้วยตวงยา
แจ้งให้แพทย์ทราบหากอาการไม่ดีขึ้นหรือแย่ลง
ยาไรแมนตาดีนควรเก็บที่อุณหภูมิห้อง หลีกเลี่ยงแสงหรือความชื้น เพื่อป้องกันไม่ให้ตัวยาเกิดความเสียหาย ไม่ควรเก็บยานี้ในห้องน้ำหรือช่องแช่แข็ง ยาริแมนตาดีนบางยี่ห้ออาจจะต้องเก็บรักษาแตกต่างกัน จึงควรตรวจสอบฉลากยาหรือสอบถามเภสัชกรเสมอ เพื่อความปลอดภัย โปรดเก็บยาให้ห่างจากมือเด็กและสัตว์เลี้ยง
ไม่ควรทิ้งยาไรแมนตาดีนลงในชักโครก หรือเทยาลงในท่อระบายน้ำ เว้นเสียแต่จะได้รับคำแนะนำให้ทำ ควรกำจัดยาด้วยวิธีที่ถูกต้องเมื่อยาหมดอายุ หรือไม่มีความจำเป็นต้องใช้งาน โปรดสอบถามเภสัชกรเพิ่มเติม เกี่ยวกับวิธีการกำจัดยาที่ถูกต้อง
ก่อนใช้ยาไรแมนตาดีน แจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบ หากคุณแพ้ต่อยานี้ หรือแพ้ต่อยาอะแมนตาดีน (Amantadine) หรือมีโรคภูมิแพ้อื่นๆ ยาพวกนี้อาจมีสารไม่ออกฤทธิ์ ที่ทำให้เกิดการแพ้ได้ ควรปรึกษากับเภสัชกรก่อนเสมอ
ก่อนใช้ยานี้ แจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบเกี่ยวกับประวัติทางการแพทย์ของคุณ โดยเฉพาะโรคตับ โรคไต อาการชัก
ยานี้อาจทำให้เกิดอาการวิงเวียนหรือง่วงซึม เครื่องดื่มแอลกอฮอล์อาจทำให้อาการวิงเวียนหรือง่วงซึมรุนแรงขึ้นได้ อย่าขับรถ ใช้เครื่องจักร หรือทำกิจกรรมที่ต้องการความตื่นตัวจนกว่าคุณจะสามารถทำได้อย่างปลอดภัย
การทำงานของไตจะลดลงเมื่อคุณมีอายุเพิ่มมากขึ้น ยานี้จะได้รับการกำจัดออกโดยไต ดังนั้น ผู้สูงอายุจึงอาจจะมีความเสี่ยงในการเกิดอาการวิงเวียน ปวดหัว หรืออ่อนแรงขณะที่กำลังใช้ยานี้ได้มากกว่า
ในช่วงระหว่างการตั้งครรภ์ควรใช้ยานี้เมื่อจำเป็นเท่านั้น โปรดปรึกษาแพทย์เกี่ยวกับความเสี่ยงและประโยชน์ของการใช้ยา
ยังไม่ทราบแน่ชัดว่า ยานี้สามารถเข้าสู่น้ำนมแม่ได้หรือไม่ แต่ยาที่คล้ายกันนี้สามารถเข้าสู่น้ำนมแม่ และอาจทำให้เกิดอันตรายต่อทารกได้ โปรดปรึกษาแพทย์ก่อนให้นมบุตร
ยังไม่มีงานวิจัยที่น่าเชื่อถือเกี่ยวกับความเสี่ยงในสตรีที่ใช้ยานี้ในช่วงการตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร โปรดปรึกษาแพทย์เพื่อหาประโยชน์และความเสี่ยงก่อนการใช้ยานี้
ยาไรแมนตาดีนจัดอยู่ในประเภทของยาที่มีความเสี่ยงต่อสตรีมีครรภ์ หมวด C โดยองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกา (FDA)
การจัดประเภทของยาที่มีความเสี่ยงต่อสตรีมีครรภ์ โดยองค์การอาหารและยาแห่งสหรัฐอเมริกามีดังนี้
อาจเกิดอาการมีปัญหากับการนอนหลับ คลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร ปากแห้งอ่อนแรง วิงเวียน ง่วงซึม หรือกังวลใจ หากอาการเหล่านี้ไม่หายไปหรือรุนแรงขึ้นโปรดแจ้งแพทย์หรือเภสัชกรในทันที
โปรดจำไว้ว่า การที่แพทย์ให้คุณใช้ยาตัวนี้ เนื่องจากพิจารณาแล้วว่า ยามีประโยชน์มากกว่าความเสี่ยง และคนที่ใช้ยานี้ส่วนใหญ่ไม่พบผลข้างเคียงที่ร้ายแรงใดๆ
แจ้งให้แพทย์ทราบในทันที หากเกิดผลข้างเคียงที่หายากแต่รุนแรงดังต่อไปนี้ ได้แก่ มีความเปลี่ยนแปลงทางจิตใจหรืออารมณ์ (เช่นซึมเศร้า) มีอาการชัก
การแพ้ยาที่รุนแรงต่อยานี้ ค่อนข้างเกิดขึ้นได้ยาก แต่จำเป็นต้องได้รับการรักษาที่ทันท่วงที อาการของการแพ้รุนแรงมีดังนี้คือ ผดผื่น คันหรือบวม (โดยเฉพาะบริเวณใบหน้า ลิ้น และลำคอ) วิงเวียนขั้นรุนแรง หายใจติดขัด
ไม่ใช่ทุกคนจะเจอกับผลข้างเคียงเหล่านี้ และอาจจะมีอาการอย่างอื่นนอกเหนือจากที่กล่าวมาข้างต้น ถ้าคุณมีข้อสงสัยใดๆ เกี่ยวกับผลข้างเคียง โปรดปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกร
ไม่ควรใช้ยานี้ร่วมกับยาดังต่อไปนี้เพราะอาจทำให้เกิดปฏิกิริยาที่รุนแรงมากได้ ได้แก่ วัคซีนสำหรับไข้หวัดใหญ่แบบพ่นจมูก
หากคุณกำลังใช้ยาดังกล่าว ควรแจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบก่อนใช้ยาไรแมนตาดีน
ก่อนใช้ยานี้ โปรดแจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบเกี่ยวกับยาทั้งหมดที่คุณใช้ ทั้งยาตามใบสั่งยา ยาที่หาซื้อเอง และสมุนไพรต่างๆ
ยาไรแมนตาดีนอาจเกิดปฏิกิริยากับยาอื่นที่คุณกำลังใช้อยู่ ซึ่งอาจส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียง เพื่อป้องกันปัญหาที่อาจจะเกิดขึ้น คุณควรจะบอกแพทย์หรือเภสัชกรของคุณว่าคุณกำลังใช้ยาอะไรอยู่บ้าง (ทั้งยาตามใบสั่งแพทย์ ยาที่ซื้อได้เอง และสมุนไพรต่างๆ) เพื่อความปลอดภัย โปรดอย่าเริ่ม หยุด หรือเปลี่ยนขนาดยาโดยไม่ได้รับความเห็นชอบจากแพทย์
ยาไรแมนตาดีนอาจมีปฏิกิริยากับอาหารหรือเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ โดยส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา หรือเพิ่มความเสี่ยงที่จะเกิดผลข้างเคียง โปรดปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเสมอ
ยาไรแมนตาดีนอาจส่งผลให้อาการโรคของคุณแย่ลง หรือส่งผลต่อการออกฤทธิ์ของยา โปรดแจ้งให้แพทย์หรือเภสัชกรทราบถึงสภาวะโรคของคุณก่อนใช้ยาเสมอ
ข้อมูลในที่นี้ไม่มีเจตนาให้ใช้ทดแทนคำแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษากับแพทย์หรือเภสัชกรทุกครั้ง เพื่อรับทราบข้อมูลเพิ่มเติม
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อรักษาการติดเชื้อไวรัสอินฟลูเอนซา เอ (influenza A)
ขนาดยาที่แนะนำตามปกติ 100 มก. รับประทานวันละสองครั้งเป็นเวลา 7 วัน
ขนาดยาสำหรับผู้ใหญ่เพื่อป้องกันการติดเชื้อไวรัสอินฟลูเอนซา เอ (influenza A)
ขนาดยาที่แนะนำตามปกติ 100 มก. รับประทานวันละสอง
ขนาดยาสำหรับผู้สูงอายุเพื่อป้องกันการติดเชื้อไวรัสอินฟลูเอนซา เอ (influenza A)
ผู้ป่วยสูงอายุที่รักษาตัวที่บ้านและผู้ป่วยที่มีอายุมากกว่า 65 ปี ตามปกติจะแนะนำให้ลดขนาดยายาลงมาที่ 100 มก. วันละครั้ง
ขนาดยาสำหรับผู้สูงอายุเพื่อรักษาการติดเชื้อไวรัสอินฟลูเอนซา เอ (influenza A)
ผู้ป่วยสูงอายุที่รักษาตัวที่บ้านและผู้ป่วยที่มีอายุมากกว่า 65 ปี ตามปกติจะแนะนำให้ลดขนาดยายาลงมาที่ 100 มก. วันละครั้ง
การปรับขนาดยาสำหรับไต
ไตบกพร่องระดับรุนแรง (ค่าครีอะตินีนเคลียรานซ์ [CrCl] 5 ถึง 29 มล./นาที) หรือไตวาย (ค่าครีอะตินีนเคลียรานซ์ 10 มล./นาที หรือน้อยกว่า) ตามปกติจะแนะนำให้ลดขนาดยายาลงมาที่ 100 มก. วันละครั้ง
การปรับขนาดยาสำหรับตับ
ตับบกพร่องระดับรุนแรง ตามปกติจะแนะนำให้ลดขนาดยายาลงมาที่ 100 มก. วันละครั้ง
การปรับขนาดยา
แพทย์บางรายแนะนำให้รับประทานยา 200 มก. วันละครั้ง เพื่อการรักษาหรือป้องกันการติดเชื้อติดเชื้อไวรัสอินฟลูเอนซา เอตามฤดูกาลในผู้ใหญ่
การฟอกไต (Dialysis)
ไตบกพร่องระดับรุนแรง (ค่าครีอะตินีนเคลียรานซ์ [CrCl] 5 ถึง 29 มล./นาที) หรือไตวาย (ค่าครีอะตินีนเคลียรานซ์ 10 มล./นาที หรือน้อยกว่า): ตามปกติจะแนะนำให้ลดขนาดยายาลงมาที่ 100 มก. วันละครั้ง
คำแนะนำ
ยาไรแมนตาดีนไม่สามารถกำจัดได้ด้วยการฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม (hemodialysis)
คำแนะนำอื่นๆ
บนพื้นฐานของผลการทดสอบการต้านไวรัสที่มีอยู่ ศูนย์ควบคุมโรคติดต่อ (CDC) แนะนำว่าไม่ควรใช้ยาไรแมนตาดีนเพื่อการรักษาหรือป้องกันเชื้อไวรัสอินฟลูเอนซา เอ สายพันธุ์ในปัจจุบัน แนะนำให้ใช้ยาโอเซลทามิเวียร์ (oseltamivir) หรือยาซานามิเวียร์ (zanamivir) หากจำเป็นต้องใช้ยาต้านไวรัส
คำแนะนำการใช้ยา
เทคนิคการคืนรูปยาหรือการเตรียมตัว
เฉพาะในสถานการณ์ฉุกเฉินเท่านั้น: สำหรับผู้ป่วยที่กลืนยาเม็ดได้ลำบากหรือจำเป็นต้องใช้ยาในขนาดต่ำกว่า การเตรียมยาแขวนตะกอนสำหรับรับประทาน (10 มก./มล.) จากยาเม็ดไรแมนตาดีน 100 มก. โดยใช้ยาโอราสวีท (Ora-Sweet [R]) ควรมีการศึกษาข้อมูลผลิตภัณฑ์จากผู้ผลิตสำหรับการประกอบยา
ทั่วไป
การเฝ้าระวัง
ขนาดยาสำหรับเด็กเพื่อรักษาการติดเชื้อไวรัสอินฟลูเอนซา เอ (influenza A)
ขนาดยาที่แนะนำตามปกติ:
อายุ 17 ปีขึ้นไป: 100 มก. รับประทานวันละสองครั้งเป็นเวลา 7 วัน
ขนาดยาสำหรับเด็กเพื่อป้องกันการติดเชื้อไวรัสอินฟลูเอนซา เอ (influenza A)
ขนาดยาที่แนะนำตามปกติ:
อายุ 1 ถึง 9 ปี: 5 มก./กก. (สูงสุด 150 มก.) รับประทานวันละครั้ง
อายุ 10 ปีขึ้นไป: 100 มก. รับประทานวันละสองครั้ง
ความแรงและรูปแบบของยามีดังนี้
หากเกิดเหตุฉุกเฉินหรือใช้ยาเกินขนาด ควรแจ้งเหตุฉุกเฉินหรือนำส่งห้องฉุกเฉินใกล้บ้านโดยทันที
หากคุณลืมใช้ยาควรรีบใช้ในทันทีที่นึกได้ หรือถ้าหากใกล้ถึงเวลาใช้ยาครั้งต่อไป ให้ข้ามรอบไปใช้ยาตามตารางปกติได้เลย ไม่ควรเพิ่มปริมาณยา
Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำทางการแพทย์ การวินิจฉัยโรคหรือการรักษาโรคแต่อย่างใด
Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย