สรรพคุณของมันฝรั่งป่าแอฟริกา
มันฝรั่งป่าแอฟริกาใช้สำหรับเหตุผลทางการแพทย์ดังต่อไปนี้ เช่น:
- ความผิดปกติของระบบทางเดินปัสสาวะรวมทั้งการติดเชื้อกระเพาะปัสสาวะ (Cystitis)
- ปัญหาเกี่ยวกับต่อมลูกหมาก ได้แก่ ต่อมลูกหมากโต (BPH) และมะเร็งต่อมลูกหมาก
- โรคปอด
- วัณโรค
- โรคข้ออักเสบ
- โรคสะเก็ดเงิน
- บรรเทาอาการของโรคเอดส์
บางคนใช้มันฝรั่งป่าแอฟริกากับผิวหนังโดยตรงเพื่อช่วยรักษาบาดแผล
มันฝรั่งป่าแอฟริกาอาจใช้ในการรักษาอาการอื่นๆ อื่นๆ ควรสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้จากแพทย์ เภสัชกร หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพร
กลไกการออกฤทธิ์
งานวิจัยเกี่ยวกับกลไกการออกฤทธิ์ของมันฝรั่งป่าแอฟริกายังมีไม่มากพอ หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรหรือแพทย์ อย่างไรก็ตามจากการศึกษาที่มีอยู่ พบว่ามันฝรั่งป่าแอฟริกามีสารไฮโปโซไซด์ (Hypoxoside) และไฟโตเคมิคอล ไฮโปโซไซด์ (Phytochemicals Hypoxoside) ช่วยปกป้องผิวจากอนุมูลอิสระที่สามารถทำลายเซลล์ และทำให้เกิดโรคต่างๆ นอกจากนี้ ไฟโตเคมิคอล (Phytochemicals) ยังทำหน้าที่เป็นสารต้านอนุมูลอิสระในร่างกายได้อีกด้วย
ข้อควรระวังและคำเตือน
สิ่งที่ควรรู้ก่อนใช้สารสกัดจากมันฝรั่งป่าแอฟริกา
ควรปรึกษากับแพทย์ เภสัชกรหรือผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรหาก:
- กำลังตั้งครรภ์หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร เนื่องจากในขณะที่ให้นมบุตรนั้น ควรใช้ยาตามแพทย์สั่งเท่านั้น
- กำลังใช้ยาอื่น ๆ ซึ่งรวมถึงยาที่หาซื้อได้โดยไม่ต้องมีใบสั่งจากแพทย์
- มีอาการแพ้สารในสารสกัดจากมันฝรั่งป่าแอฟริกา ยาอื่น ๆ หรืออาหารเสริมอื่น ๆ
- มีโรคอื่น ๆ มีความผิดปกติ หรือพยาธิสภาพอื่น ๆ
- มีประวัติการแพ้อื่น ๆ เช่น แพ้อาหาร แพ้สีผสมอาหาร แพ้สารกันบูด หรือแพ้เนื้อสัตว์ต่าง ๆ
ข้อกำหนดสำหรับผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจากสารสกัดจากมันฝรั่งป่าแอฟริกานั้นมีความเข้มงวดน้อยกว่ายาชนิดอื่น ๆ จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมเพื่อความปลอดภัย การใช้ผลิตภัณฑ์นี้ต้องมีประโยชน์มากกว่าที่จะเสี่ยงใช้ ควรปรึกษาแพทย์สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม
มันฝรั่งป่าแอฟริกาปลอดภัยแค่ไหน
ช่วงตั้งครรภ์และให้นมบุตร : ข้อมูลเกี่ยวกับความปลอดภัยในการใช้มันฝรั่งป่าแอฟริกาในระหว่างตั้งครรภ์และให้นมบุตรนั้นมีไม่แพร่หลายนัก ควรปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินประโยชน์และความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นก่อนที่จะใช้
เด็ก (อายุต่ำกว่า 18 ปี) : ไม่มีการพิสูจน์ว่ามันฝรั่งป่าแอฟริกา ปลอดภัยหรือมีประสิทธิภาพ และไม่แนะนำให้ใช้ในเด็ก
ศัลยกรรม : ควรหยุดใช้มันฝรั่งป่าแอฟริกาอย่างน้อย 2 สัปดาห์ก่อนการผ่าตัด
ผลข้างเคียง
มันฝรั่งป่าแอฟริกามีผลข้างเคียงอะไรบ้าง
มันฝรั่งป่าแอฟริกาทำให้เกิดผลข้างเคียง เช่น
- คลื่นไส้
- อาหารไม่ย่อย
- มีแก๊ส
- ท้องเสีย
- ท้องผูก
- ผลข้างเคียงทางเพศอาจเป็นเช่นปัญหาในการแข็งตัวของอวัยวะเพศ หรือมีความสนใจในเรื่องเพศน้อยลง
- การผลิตเซลล์เม็ดเลือดแดงลดลง
- การเต้นของหัวใจไม่สม่ำเสมอ
หลายคนอาจมีอาการข้างเคียงบางอย่างที่ไม่ได้ระบุไว้ข้างต้น ดังนั้น หากมีข้อกังวลเกี่ยวกับผลข้างเคียงใด ๆ โปรดปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรหรือแพทย์ก่อนใช้
ปฏิกิริยาระหว่างยา
มันฝรั่งป่าแอฟริกาอาจทำให้เกิดมีปฏิกิริยาใดบ้าง
มันฝรั่งป่าแอฟริกาอาจมีผลต่อยาที่ใช้อยู่หรือพยาธิสภาพในปัจจุบัน โปรดปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรหรือแพทย์ก่อนใช้มันฝรั่งป่าแอฟริกา
ผลิตภัณฑ์บางอย่างที่อาจมีปฏิกิริยากับยานี้ เช่น
- ยารักษาโรคเบาหวานทางช่องปากหรืออินซูลิน
- ยาเอชไอวี / เอดส์หรือยาต้านไวรัสอื่น ๆ
- ไซโตโครม พี450 3เอ4 (Cytochrome p450 3a4)
- ยาที่เป็นอันตรายต่อไต
ขนาดยา
ข้อมูลนี้ไม่สามารถใช้เป็นคำแนะนำทางการแพทย์ได้ โปรดปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรหรือแพทย์ของคุณก่อนใช้มันฝรั่งป่าแอฟริกา
ปริมาณที่เหมาะสมในการใช้มันฝรั่งป่าแอฟริกาอยู่ที่เท่าไร
สำหรับโรคต่อมลูกหมากโต(BPH):
มันฝรั่งป่าแอฟริกาที่มีเบต้า-ซิโตสเตอโรล (Beta-sitosterol) 60 ถึง 130 มก. 2-3 ครั้งทุกวัน
สำหรับโรคมะเร็งปอด:
1,200-3,200 มิลลิกรัมของมาตรฐานสารสกัดจากพืชไฮโปซีส (Hypoxis) (200 มิลลิกรัมแคปซูล) ต่อวันแบ่งเป็น 3 ขนาดโดยการรับประทาน
ปริมาณการใช้มันฝรั่งป่าแอฟริกานี้อาจแตกต่างกันในผู้ป่วยแต่ละราย ขึ้นอยู่กับอายุ สุขภาพและพยาธิสภาพอื่น ๆ การใช้มันฝรั่งป่าแอฟริกาไม่ได้ปลอดภัยเสมอไป ควรปรึกษาผู้ชำนาญด้านสมุนไพรหรือแพทย์เพื่อทราบปริมาณที่เหมาะสมก่อนใช้ยา
รูปแบบผลิตภัณฑ์มันฝรั่งป่าแอฟริกา
ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารสมุนไพรนี้อาจมีจำหน่ายในรูปแบบต่อไปนี้:
- แคปซูล
*** Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำทางการแพทย์ การวินิจฉัยหรือการรักษาแต่อย่างใด ***
[embed-health-tool-bmi]