การใช้
ไพเจียม ใช้ทำอะไร?
ไพเจียม เป็นพืชชนิดหนึ่ง คนนิยมนำเปลือกมาใช้เป็นยาสำหรับรักษาโรคหรืออาการต่อไปนี้:
- โรคต่อมลูกหมากโต (benign prostatic hyperplasia, BPH)
- มะเร็งต่อมลูกหมาก
- แผลอักเสบ
- โรคไต
- ปัสสาวะปัญหา
- ไข้มาลาเรีย
- ปวดท้อง
- เป็นไข้
- ความต้องการทางเพศ
- ต่อมลูกหมากอักเสบ
- อาการทางจิต
จำเป็นต้องมีหลักฐานเพิ่มเติมเพื่อประเมินประสิทธิภาพของไพเจียมสำหรับการใช้งานเหล่านี้
ไพเจียมอาจมีสรรพคุณนอกเหนือจากนี้ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้จากแพทย์หรือเภสัชกร
ไพเจียม ทำงานอย่างไร?
ยังมีการศึกษาไม่เพียงพอเกี่ยวกับการทำงานของผลิตภัณฑ์สมุนไพรเสริมอาหาร กรุณาปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรหรือแพทย์สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม มีการศึกษาที่แสดงให้เห็นว่าไพเจียมมีสารเคมีบางชนิดอยู่ เช่น
- ไตรเทอร์พีน (14%): กรดโอลีนโนลิก (oleanolic acid), กรดคราเทโกลิค (crataegolic acid) และกรดอัวโซลิค (ursolic acid)
- กรดเฟอรูลิก (Ferulic acid)
- ไฟโตสเตอรอล (Phytosterols): เบต้า-ซิโตสเตอรอล (beta-sitosterol), เบต้า-ซิโตสเตอโรน (beta-sitosterone) และ แคมเปสตอรอล (campesterol)
- แทนนิน (Tannins)
สารเคมีเหล่านี้ช่วยลดอาการของโรคต่อมลูกหมาก, ลดปัญหาทางเดินปัสสาวะ เช่น การไหลเวียนของปัสสาวะไม่ดีและการถ่ายปัสสาวะในเวลากลางคืนในผู้ชายที่เป็นโรคต่อมลูกหมากโต
ข้อควรระวังและคำเตือน
ควรรู้อะไรก่อนที่จะใช้ไพเจียม?
ควรปรึกษากับแพทย์, เภสัชกรหรือผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรถ้ามีอาการหรือลักษณะดังต่อไปนี้:
- กำลังตั้งครรภ์หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร เนื่องจากในระหว่างการมีครรภ์หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตรจึงควรใช้ยาตามคำแนะนำของแพทย์เท่านั้น
- อยู่ในระหว่างการใช้ยาชนิดอื่น รวมไปถึงยาที่สามารถซื้อได้โดยไม่ต้องใช้ใบสั่งยา
- มีอาการแพ้สารใดๆที่มีสารประกอบของไพเจียมผสมยู่ หรือยาและสมุนไพรอื่นๆ
- มีอาการเจ็บป่วย ความผิดปกติ หรือพยาธิสภาพอื่นๆ
- มีอาการแพ้ เช่น แพ้อาหาร สีผสมอาหาร สารกันบูด หรือเนื้อสัตว์
ข้อบังคับสำหรับผลิตภัณฑ์สมุนไพรเสริมอาหารนั้นมีความเข้มงวดน้อยกว่าข้อบังคับของการใช้ยา จึงจำเป็นต้องศึกษาเพิ่มเติมเพื่อความปลอดภัยในการใช้ ประโยชน์ของการใช้ผลิตภัณฑ์สมุนไพรเสริมอาหาร จะต้องมีค่าน้ำหนักมากกว่าความเสี่ยง ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรหรือแพทย์หากต้องการข้อมูลเพิ่มเติม
ไพเจียมปลอดภัยแค่ไหน?
เด็ก:
ห้ามใช้ไพเจียมกับเด็ก
หญิงมีครรภ์หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร:
ยังมีข้อมูลที่เชื่อถือได้ไม่เพียงพอเกี่ยวกับความปลอดภัยในการบริโภคไพเจียมระหว่างให้นมบุตร ควรอยู่ในด้านความปลอดภัยและหลีกเลี่ยงการใช้
ผลข้างเคียง
ผลข้างเคียงจากไพเจียมมีอะไรบ้าง?
โดยทั่วไปแล้วไพเจียมปลอดภัยกับคนส่วนใหญ่เมื่อใช้ในขนาดที่เหมาะสม
อย่างไรก็ตาม ไพเจียมอาจทำให้เกิดอาการคลื่นไส้, ปวดท้อง, ท้องอืด, ท้องเสีย, ท้องผูกคลื่นไส้, วิงเวียนศีรษะหรือความผิดปกติเกี่ยวกับการมองเห็น
ผลข้างเคียงที่กล่าวมาข้างต้นไม่ได้เกิดขึ้นกับทุกคน อย่างไรก็ตาม อาจเกิดผลข้างเคียงอื่นนอกเหนือจากที่ระบุไว้ โปรดปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรหรือแพทย์หากกังวลเรื่องผลข้างเคียงที่จะเกิดขึ้น
ปฏิกิริยาระหว่างยา
ปฏิกิริยาที่อาจเกิดขึ้นเมื่อใช้ยาอื่นร่วมกับไพเจียม
**ผลิตภัณฑ์สมุนไพรเสริมอาหารชนิดนี้อาจมีปฏิกิริยากับยาหรือภาวะทางการแพทย์ในปัจจุบันของท่านควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรหรือแพทย์ก่อนใช้
ผลิตภัณฑ์ยาที่อาจมีปฏิกิริยาต่อไพเจียมเหล่านี้ ได้แก่
- สารสกัดไพเจียม สามารถแทรกแซงยาฮอร์โมนรวมถึง เอสโตรเจน (estrogen) และเอสโทสเทอโรน (testosterone) ดังนั้นจึงไม่ควรใช้ร่วมกับยาคุมกำเนิด อาจทำให้เกิดความล้มเหลวในการคุมกำเนิด
- ไพเจียมอาจไปยับยั้งเอนไซม์ไซโตโครม ซีวายพี3เอ4 (CYP3A4) และ ซีวายพี2ซี9 (CYP2C9) อย่างมาก จึงอาจกระทบต่อประสิทธิผลของยาและอาหารเสริมบางชนิด
ขนาดยา
ข้อมูลนี้ไม่ใช่คำแนะนำจากแพทย์โดยตรง ควรปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรหรือแพทย์ก่อนใช้เสมอ
ขนาดปกติของการใช้ไพเจียมอยู่ที่เท่าไร?
- โรคต่อมลูกหมากโต (BPH)
ขนาดที่แนะนำคือ 75 มิลลิกรัม สารสกัดลิโพฟิลิกมาตรฐาน (14% ไตรเทอร์พีน, 0.5% โดโคซานอล) ของไพเจียมต่อวัน
ขนาดที่พบบ่อยของเปลือกไม้ชนิดผง:
ขนาดที่แนะนำคือ 50 ถึง 200 มิลลิกรัม
ขนาดการใช้ผลิตภัณฑ์สมุนไพรเสริมอาหารอาจแตกต่างกันไปในผู้ป่วยแต่ละราย ทั้งนี้ ขนาดการใช้ขึ้นอยู่กับช่วงอายุ สุขภาพและปัจจัยอื่นๆ ผลิตภัณฑ์สมุนไพรเสริมอาหารไม่ปลอดภัยเสมอไป โปรดปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านสมุนไพรหรือแพทย์เพื่อทราบขนาดที่เหมาะสม
ไพเจียมมีจำหน่ายในรูปแบบใดบ้าง?
ไพเจียมอาจมีจำหน่ายในรูปแบบต่อไปนี้
- ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารซอฟท์เจล
- สารสกัดจากของเหลว
Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำทางการแพทย์ วินิจฉัยหรือการรักษาแต่อย่างใด
[embed-health-tool-bmi]