backup og meta

โนโมโฟเบีย (Nomophobia) โรคยอดฮิตของคนติดมือถือ

โนโมโฟเบีย (Nomophobia) โรคยอดฮิตของคนติดมือถือ

โทรศัพท์กลายเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ทุกคนต้องมี และเนื่องจากทุกอย่างสามารถทำได้ในโทรศัพท์ จึงทำให้คนจำนวนไม่น้อยเกิดอาการติดโทรศัพท์ บางคนถึงขั้นหงุดหงิด หรือวิตกกังวลเมื่อขาดโทรศัทพ์ไป มากกว่านั้นอาจกลายเป็นโรคโนโมโฟเบีย (Nomophobia) โรคที่หลายคนเป็นแต่ไม่รู้ตัว

โนโมโฟเบีย (Nomophobia) คืออะไร?

สำหรับคำว่าโนโมโฟเบีย (Nomophobia) มาจากคำศัพท์เต็มๆ ที่ว่า “no mobile phone phobia” ซึ่งเป็นคนที่ใช้อธิบายอาการของผู้ที่มีอาการทุกข์เมื่อต้องเผชิญหน้ากับความกลัวที่จะต้องไม่มีโทรศัพท์มือถือ สัญญาณโทรศัพท์ รวมถึงการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต ซึ่งอาการที่เกิดขึ้นนั้นสามารถทำให้ส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน งาน รวมถึงความสันพันธ์ต่างๆ ได้

ผลการศึกษาหลายชิ้นชี้ว่าโรคโนโมโฟเบียนี้กำลังแพร่หลายมากขึ้น จากข้อมูลการวิจัยที่เชื่อถือได้ของปี 2019 พบว่าเกือบร้อยละ 53 ของคนอังกฤษที่เป็นเจ้าของโทรศัพท์ตั้งแต่ปี 2008 จะใความรู้สึกกังวลเมื่อโทรศัพท์ของพวกเขาแบตเตอรี่หมด หรือไม่มีสัญญาณโทรศัพท์

ผู้ที่เป็นโนโมโฟเบีย อาจจะหลีกเลี่ยงการเดินทางไปยังพื้นที่ที่มีสัญญาณโทรศัพท์ที่ไม่ดี เหตุผลก็เพราะ เขากลัวที่จะถูกตัดจากการเชื่อมต่อ หรือบางคนอาจจะพลาดการเดินทางไปยังสถานที่บางแห่ง เพราะสถานที่แห่งนั้นเป็นสถานที่ที่ไม่มีที่ให้ชาร์ตแบตเตอรี่โทรศัพท์ นอกจากนั้นแล้วบางคนยังอาจจะชอบตื่นมากลางดึกหลายๆ ครั้ง เพื่อตรวจสอบว่าพวกเขายังมีการเชื่อมต่ออยู่หรือไม่ รวมถึงตรวจสอบการอัพเดตบนโซเชียลของตนเอง จนทำให้เกิดการนอนไม่หลับ ซึ่งอาจส่งผลร้ายตามมาก็เป็นได้

อาการที่บ่งบอกว่ากำลังเป็นโนโมโฟเบีย

หลังจากทำความรู้จักกับโนโมโฟเบียกันไปแล้ว คราวนี้ลองมาดูอาการที่อาจจะบ่งบอกได้ว่าคุณกำลังเป็นโนโมโฟเบียอยู่หรือไม่ โดยอาการนั้นแบ่งเป็นอาการทางอารมณ์ และอาการทางกายภาพ ดังนี้

อาการทางอารมณ์

  • กังวลหรือตื่นตระหนก เมื่อคิดว่าจะไม่มีโทรศัพท์ใช้ หรือโทรศัพท์อาจใช้งานไม่ได้
  • กังวลหรือรู้สึกปั่นป่วน หากต้องวางโทรศัพท์ลง หรือรู้ว่าจะไม่สามารถใช้งานโทรศัพท์ได้ในชั่วขณะหนึ่ง
  • วิตกกังวลหรือตื่นตระหนก หากหาโทรศัพท์ไม่พบ
  • เกิดความเครียด หรือวิตกกังวล เมื่อไม่สามารถตรวจสอบโทรศัพท์ได้

อาการทางกายภาย

  • แน่นหน้าอก
  • การหายใจผิดปกติ
  • ตัวสั่น
  • เหงื่อออกมากขึ้น
  • รู้สึกหน้ามืด ตาลาย หรืองุนงง
  • การเต้นของหัวใจเร็วขึ้น

เมื่อเป็นโนโมโฟเบียควรรักษาอย่างไร

สำหรับวิธีการรักษาที่ดีที่สุดเมื่อเป็นโนโมโฟเบียก็คือ การเอาชนะความกลัวที่เกิดขึ้น ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ท้าทายเป็นอย่างมากของผู้ที่เป็นโนโมโฟเบีย การพัฒนาหรือฝึกฝนการเผชิญหน้ากับปัญหาด้วยตัวเองก็ถือเป็นเรื่องที่สำคัญ นอกจากนั้นแล้วการเล่นโยคะ การสร้างภาพเชิงบวก การทำสมาธิ ฟังเพลง หรือการเข้าร่วมการบำบัดกับกลุ่มบำบัด ก็ถือเป็นเรื่องที่ดี เนื่องจากช่วยบรรเทาความกลัวจากการไม่มีโทรศัพท์ได้ แต่หากมีอาการวิตกกังวลอย่างหนักร่วมด้วย อาจจะต้องมีการเข้าปรึกษากับผู้เชียวชาญ รวมถึงอาจจะต้องมีการใช้ยาคลายความวิตกกังวลร่วมด้วย

หมายเหตุ

Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด

NOMOPHOBIA: NO MObile PHone PhoBIA. https://www.ncbi.nlm.nih.gov/pmc/articles/PMC6510111/. Accessed September 29, 2021.

Fear of Being Without a Mobile Phone Phobia – Nomophobia. https://www.fearof.net/fear-of-being-without-a-mobile-phone-phobia-nomophobia/. Accessed September 29, 2021.

What is nomophobia, and how can it be coped with?. https://ehorus.com/nomophobia/. Accessed September 29, 2021.

 

Nomophobia and lifestyle: Smartphone use and its relationship to psychopathologies.

https://www.sciencedirect.com/science/article/pii/S2451958820300257. Accessed September 29, 2021.

 

Danger of Nomophobia is growing, says expert.

https://www.aa.com.tr/en/life/danger-of-nomophobia-is-growing-says-expert/1612092. Accessed September 29, 2021.

เวอร์ชันปัจจุบัน

29/09/2021

เขียนโดย สิฏฐิณิศา รัชตวโรทัย

ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย Duangkamon Junnet

อัปเดตโดย: Duangkamon Junnet


บทความที่เกี่ยวข้อง

ก้มจิ้มมือถือทั้งวันระวัง โรคเท็กซ์เน็ค ไหล่ห่อคอตก

โรควิตกกังวล ผู้ป่วยมีทางทางเลือกการรักษาอย่างไรบ้าง


ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย

Duangkamon Junnet


เขียนโดย สิฏฐิณิศา รัชตวโรทัย · แก้ไขล่าสุด 29/09/2021

ad iconโฆษณา

คุณได้รับประโยชน์จากบทความนี้หรือไม่?

ad iconโฆษณา
ad iconโฆษณา