ปัญหาทางสายตา ไม่ว่าจะเป็น ตาแห้ง ตาพร่า ตาแพ้แสง กล้ามเนื้อตาล้า ล้วนส่งผลให้สายตา หรือประสิทธิภาพการมองเห็นเสื่อมลง การรับประทาน วิตามินบำรุงสายตา ควบคู่ไปกับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการใช้ชีวิต อาจช่วยชะลอการพัฒนาการเสื่อมสภาพของสายตาได้
ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย พลอย วงษ์วิไล
ปัญหาทางสายตา ไม่ว่าจะเป็น ตาแห้ง ตาพร่า ตาแพ้แสง กล้ามเนื้อตาล้า ล้วนส่งผลให้สายตา หรือประสิทธิภาพการมองเห็นเสื่อมลง การรับประทาน วิตามินบำรุงสายตา ควบคู่ไปกับการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการใช้ชีวิต อาจช่วยชะลอการพัฒนาการเสื่อมสภาพของสายตาได้
ปัญหาสายตาที่ส่งผลให้ประสิทธิภาพการมองเห็นลดลง มีดังนี้
วิตามินที่อาจช่วยบำรุงสายตา และชะลอการเสื่อมสภาพตา มีดังต่อไปนี้
วิตามินเอ และเบต้าแคโรทีน อาจช่วยพิ่มประสิทธิภาพการมองเห็น โดยเฉพาะในช่วงเวลากลางคืน หรือแสงน้อย นอกจากนี้ยังอาจช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงของกระจกตา ตามรายงานของสถาบันจักษุวิทยาแห่งอเมริกัน เผยว่า หากร่างกายขาดวิตามินเออาจส่งผลให้เสี่ยงต่อภาวะตาบอดตอนกลางคืน และผลิตความชื้นในดวงตาน้อยลงได้
ข้อควรระวังในการกินวิตามินเอ ไม่ควรรับประทานเกิน 10,000 หน่วยต่อวัน เพราะอาจเพิ่มความเสี่ยงก่อให้เกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น ปวดท้อง คลื่นไส้ อาเจียน โรคกระดูกพรุน โรคข้อเข่าเสื่อม
แอลฟา โทโคฟีรอล เป็นวิตามินอีที่มีส่วนช่วยในการต้านสารอนุมูลอิสระ บางครั้งอนุมูลอิสระนี้อาจทำลายโปรตีนในดวงตา อาจทำให้มีโอกาสเสี่ยงเป็นโรคต้อกระจก อย่างไรก็ตามอาจจำเป็นต้องศึกษาเพิ่มเติมถึงความเชื่อมโยงของวิตามินอีที่อาจช่วยชะลอการลุกลามของต้อระจก
ข้อแนะนำการรับประทานวิตามินอี สำหรับวัยรุ่น ผู้ใหญ่ และสตรีตั้งครรภ์อาจรับประทานไม่เกิน 15 มิลลิกรัม หากอยู่ใน่วงให้นมบุตรอาจรับประทานได้ 19 มิลลิกรัมต่อวัน
วิตามินซีเป็นสารต้านอนุมูลอิสระ ที่อาจช่วยป้องกันความเสียหายจากอนุมูลอิสระ และความเสียหายที่เกิดจากปฏิกิริยาออกซิเดชัน จากการศึกษาในปีพ.ศ. 2559 ที่ทำการทดสอบเกี่ยวกับป้องกันการเกิดต้อกระจกชนิดนิวเคลียร์ โดยให้คู่แฝดหญิงมากกว่า 1,000 คู่ รับประทานวิตามินซี และสารอาหารชนิดอื่น ๆ เมื่อสิ้นสุดระยะเวลาศึกษา นักวิจัยได้ตรวจวัดต้อกระจกของฝาแฝดผู้เข้าร่วมทดสอบ 324 คู่ ซึ่งพบวิตามินซีอาจมีส่วนช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดต้อกระจกได้ถึง 33%
ข้อแนะนำการรับประทานวิตามินซี สำหรับผู้หญิงอาจรับประทานไม่เกิน 70 มิลลิกรัม สตรีตั้งครรภ์ไม่ควรเกิน 85 มิลลิกรัม หากอยู่ในช่วงให้นมบุตรอาจรับประทานไม่เกินวันละ 120 มิลลิกรัม และสำหรับผู้ชายไม่ควรรับประทานเกิน 90 มิลลิกรัม
จากการศึกษาในปี พ.ศ. 2552 ตามที่ระบุในหอสมุดแพทศาสตร์ แห่งชาติสหรัฐ เอาไว้ว่า การรับประทานวิตามินบี6 บี9 และบี12 อาจช่วยลดความเสี่ยงจอตาเสื่อมในผู้สูงอายุที่ส่งผลต่อการมองเห็น
ข้อแนะนำการรับประทานวิตามินบี สำหรับผู้หญิงควรรับประทานอยู่ที่ 1.1 มิลลิกรัม หากอยู่ในระหว่างการตั้งครรภ์ หรืออยู่ในช่วงการให้นมบุตร อาจรับประทานไม่เกิน 1.4 มิลลิกรัม สำหรับผู้ชายอาจรับประทานได้ไม่เกิน 1.2 มิลลิกรัม
ลูทีนและซีแซนทีนเป็นแคโรทีนอยด์ และสารต้านอนุมูลอิสระที่มีอยู่ในผักใบเขียว ซึ่งอาจช่วยลดความเสียหายจากปฏิกิริยาออกซิเดชั่นในเรตินา ปกป้องดวงตาจากรังสีอัลตราไวโอเลตจากแสงแดด และลดความเสี่ยงการเกิดปัญหาจอตาเสื่อม
ข้อแนะนำการรับประทานลูทีนและซีแซนทีน สำหรับลูทีนควรรับประทานไม่เกิน 10 มิลลิกรัม และสำหรับซีแซนทีนควรรับประทานไม่เกิน 20 มิลลิกรัม
กรดไขมันโอเมก้า 3 อาจช่วยปกป้องเรตินา และการเสื่อมสภาพของดวงตา รวมถึงลดความเสี่ยงการเกิดภาวะตาแห้ง อาหารที่ประกอบด้วยโอเมก้า 3 ได้แก่ ปลาซาร์ดีน ปลาทูน่า ปลาแซลมอน วอลนัท
ข้อแนะนำการรับประทานโอเมก้า 3 ควรเขารับคำปรึกษาจากคุณหมอ หรืออ่านฉลากข้างบรรจุภัณฑ์หากเลือกรับประทานในรูปแบบอาหารเสริม
สังกะสี หรือซิงค์ เป็นแร่ธาตุ ที่อาจช่วยปกป้องเรตินา เยื่อหุ้มเซลล์ และโปรตีนในดวงตา อีกทั้งยังผลิตเมลานินที่มีส่วนช่วยปกป้องดวงตาจากรังสีอัลตราไวโอเลต และลดความเสี่ยงการเกิดโรคตาที่อาจนำไปสู่การเสื่อมสภาพของดวงตา และสูญเสียการมองเห็นตามช่วงอายุ
ข้อแนะนำการรับประทานสังกะสี สำหรับผู้หญิงอาจรับประทานไม่เกิน 8 มิลลิกรัม หากอยู่ในระหว่างการตั้งครรภ์ควรรับประทานไม่เกิน 11 มิลลิกรัม และช่วงให้บุตรอาจรับประทานไม่เกิน 12 มิลลิกรัม สำหรับผู้ชายอาจรับประทานไม่เกิน 11 มิลลิกรัม
หากเลือกรับประทานวิตามินบำรุงสายตาในรูปแบบอาหารเสริม ควรเข้าขอรับคำปรึกษาจากคุณหมอ ถึงปริมาณการใช้ เพื่อความปลอดภัย และลดการเกิดผลข้างเคียงที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพ
วิธีดูแลสายตา เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการมองเห็น ได้แก่
ควรเข้ารับการวินิจฉัย และการรักษาโดยทันที หากมีอาการผิดปกติที่เกิดขึ้นกับดวงตาในระดับรุนแรง ดังนี้
หมายเหตุ
Hello Health Group ไม่ได้ให้คำแนะนำด้านการแพทย์ การวินิจฉัยโรค หรือการรักษาโรคแต่อย่างใด
ตรวจสอบความถูกต้องของข้อมูลโดย
พลอย วงษ์วิไล