โรควาร์เดนเบิร์ก ถือได้ว่าเป็นโรคทางพันธุกรรมอีกหนึ่งโรค ที่อาจเกิดขึ้นได้ตั้งแต่แรกเกิด จนถึงช่วงเยาว์วัย ซึ่งบุคคลรอบข้างสามารถสังเกตได้ง่าย แต่โรคนี้จะมีสัญญาณเตือนอย่างไรเผยออกมาให้คุณพบเห็นบ้างนั้น ติดตามได้ในบทความของ Hello คุณหมอ ที่นำมาฝากทุกคนกันค่ะ
โรควาร์เดนเบิร์ก คืออะไร
วาร์เดนเบิร์ก หรือ กลุ่มอาการวาร์เดนเบิร์ก (Waardenburg syndrome) ได้ถูกระบุสภาพของโรคเป็นครั้งแรกในช่วงปี พ.ศ. 2494 โดยเป็นการตั้งชื่อตามจักษุแพทย์ชาวดัตช์ท่านหนึ่งนามว่า DJ Waardenburg ที่ได้ทำการค้นพบลักษณะภาวะทางพันธุกรรมที่หายากนี้ อีกทั้งโรควาร์เดนเบิร์กยังสามารถแบ่งย่อยออกเป็น 4 ประเภท ด้วยกัน คือ
-
ประเภทที่ 1
ผู้ที่ประสบกับโรควาร์เดนเบิร์กประเภทแรก มักมีดวงตาที่เบิกกว้าง หรือดวงตาเกิดการเปลี่ยนสีเป็นสีฟ้าซีด และอาจมีภาวะการสูญเสียการได้ยินร่วมด้วย
-
ประเภทที่ 2
ผู้ป่วยที่ประสบกับโรควาร์เดนเบิร์กประเภทที่ 2 ค่อนข้างมีอาการคล้ายคลึงกับประเภทที่ 1 อย่างมาก แต่อาจมีข้อแตกต่างเล็กน้อยตรงที่ดวงตาของผู้ป่วยโรควาร์เบิร์กประเภทนี้จะไม่มีดวงตาที่เบิกกว้างจนเกินไป
-
ประเภทที่ 3
อาจทำให้ผู้ป่วยมีการเคลื่อนไหวของข้อต่อ แขน และไหล่ที่อ่อนแรง พร้อมทั้งอาจมีความผิดปกติของทางด้านระบบประสาท หรือสติปัญญา แต่ถึงอย่างไรก็ยังคงมีอาการบางอย่างที่คล้ายกับประเภทที่ 1 และประเภทที่ 2 ร่วมด้วย เช่น สูญเสียการได้ยิน ดวงตาเปลี่ยนสี เป็นต้น
-
ประเภทที่ 4
ประเภทที่ 4 อาจมีอาการคล้ายคลึงกับผู้ป่วยประเภทที่ 2 แต่อาจมีอาการบางอย่างที่ส่งผลให้มีเซลล์ประสาทบางเซลล์ขาดหายไป จนทำให้ระบบการทำงานของลำไส้แปรปรวน และเกิดอาการท้องผูกได้บ่อยครั้ง
ลักษณะของอาการของ โรควาร์เดนเบิร์ก เป็นอย่างไร
ถึงแม้อาการของแต่ละประเภทข้างต้นจะแตกต่างกันออกไป แต่ถึงอย่างไรคุณก็สามารถสังเกตอาการโดยรวมส่วนใหญ่ที่ผู้ป่วยมักประสบได้ ดังต่อไปนี้
- มีการเปลี่ยนแปลงของเส้นผมเป็นสีขาว หรือผมหงอกเร็ว
- สีของผิวหนังอ่อนลง
- เพดานในช่องปากโหว่
- จมูกมีฐานค่อนข้างกว้าง
- กระดูกนิ้วมีลักษณะติดรวมกัน
- ดวงตาเปลี่ยนเป็นสีฟ้า
- บกพร่องทางสติปัญญา
หากคุณพบอาการดังกล่าวจากคนใกล้ตัว หรือคนในครอบครัว คุณควรนำพาพวกเขาเข้าขอรับคำปรึกษาจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทันที เพื่อตรวจสอบอาการอย่างละเอียด และพร้อมหาขั้นตอนรักษาลำดับต่อไปได้อย่างเท่าทัน ก่อนเกิดอาการแทรกซ้อนอื่น ๆ ที่รุนแรงขึ้นตามมา
การรักษา กลุ่มอาการวาร์เดนเบิร์ก
ปัจจุบันทางการแพทย์ยังไม่มีการรักษาผู้ป่วย กลุ่มอาการวาร์เดนเบิร์ก ให้หายขาดได้ แต่สามารถรักษาอาการข้างเคียงที่ผู้ป่วยประสบจากโรคได้แทน ดังนี้
- กรณีที่ผู้ป่วยประสบกับภาวะสูญเสียการได้ยิน แพทย์อาจแนะนำให้ผู้ป่วยมีการใช้อุปกรณ์เครื่องช่วยฟังร่วมด้วย
- ผ่าตัดแก้ไขอาการปากแหว่งเพดานโหว่
- ผ่าตัดเพื่อขจัดสิ่งอุดตันในสำไส้ แก้อาการท้องผูก
นอกจากการรักษาทางการแพทย์แล้ว ในกรณีที่ผู้ป่วยมีการเปลี่ยนแปลงของสีผม คุณอาจสามารถใช้ยาย้อมสีผมมาฟอกสีผมให้กลับสู่สีปกติที่คุณต้องการได้อีกด้วย