ยาคุมพรีม (Preme) เป็นยาเม็ดรวมฮอร์โมนสำหรับรับประทานเพื่อคุมกำเนิด ประกอบด้วยตัวยาฮอร์โมน ไซโปรเทอโรน อะซีเตท (Cyproterone Acetate) และเอทินิล เอสทราไดออล (Ethinyl Estradiol) ยาคุมพรีมแบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือยาคุมชนิด 21 เม็ดและยาคุมชนิด 28 เม็ด ทั้งนี้ ก่อนเลือกใช้ยาคุมพรีม ควรปรึกษาและเข้ารับการประเมินภาวะสุขภาพจากคุณหมอหรือเภสัชกรเสียก่อน เนื่องจากการใช้ยาคุมพรีมอาจมีประสิทธิภาพต่อการคุมกำเนิดและส่งผลต่อสุขภาพแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล
ยาคุมพรีม คืออะไร
ยาคุมพรีม เป็นยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวมแบบรับประทาน ประกอบด้วยฮอร์โมนไซโปรเทอโรน อะซีเตท 2 มิลลิกรัม และเอทินิล เอสทราไดออล 0.035 มิลลิกรัม
ยาคุมพรีมออกฤทธิ์คุมกำเนิด โดยยับยั้งการตกไข่ ทำให้เกิดเมือกที่ปากมดลูก ซึ่งขัดขวางการเดินทางของเชื้ออสุจิ ที่หลั่งเข้ามาในช่องคลอดจากการมีเพศสัมพันธ์ รวมทั้งออกฤทธิ์ยับยั้งการทำงานของฮอร์โมนแอนโดรเจน (Androgen) ซึ่งอาจทำให้สิวและอาการหน้ามันลดลงด้วย
ยาคุมพรีมแบ่งออกเป็น 2 ชนิด คือ ยาคุมพรีมแบบ 21 เม็ด และ 28 เม็ด โดยแบบหลัง ประกอบด้วยเม็ดยา 21 เม็ด เช่นเดียวกับแบบแรก แต่จะมีเม็ดยาที่มีส่วนผสมจากแป้ง 7 เม็ด ซึ่งใช้สำหรับรับประทานหลอกระหว่าง 7 วันหลังจากรับประทานยา 21 เม็ดแรกหมดแผงแล้วเพื่อให้ง่ายต่อการจดจำหรือกำหนดการรับประทานยาก่อนเริ่มยาแผงใหม่
ทั้งนี้ ยาคุมพรีม ทั้งแบบ 21 เม็ดและ 28 เม็ด ราคาแผงละประมาณ 100-130 บาท
ยาคุมพรีม ใช้อย่างไรและมีข้อควรระวังอะไรบ้าง
ผู้ที่ต้องการคุมกำเนิดต้องรับประทานยาคุมพรีมวันละ 1 เม็ด ติดต่อกันเป็นเวลา 21 วัน จากนั้นเว้น 7 วัน (หรือรับประทานยาหลอก 7 วัน) แล้วจึงเริ่มรับประทานยาแผงใหม่ และควรรับประทานยาคุมพรีมในเวลาเดิมทุกวัน เพื่อป้องกันการลืมรับประทานยา ทั้งนี้ หากลืมรับประทานยาเกิน 12 ชั่วโมง จะทำให้ประสิทธิภาพการคุมกำเนิดลดลง หรืออาจพบเลือดไหลจากช่องคลอด ก่อนช่วงเวลามีประจำเดือน ทั้งนี้ ยาคุมพรีมยังมีข้อบ่งชี้และข้อควรระวังในการใช้ ดังต่อไปนี้
หากไม่เคยคุมกำเนิดเลย หรือไม่ได้คุมกำเนิดใน 1 เดือนที่ผ่านมา ให้เริ่มรับประทานยาคุมพรีมในวันแรกแต่ไม่เกินวันที่ห้าของการมีรอบเดือน โดยใน 14 วันแรกของการใช้ยา ควรคุมกำเนิดโดยสวมถุงยางอนามัยป้องกันร่วมด้วย ทั้งนี้ หากใช้ยากล่องถัดไป ควรสวมถุงยางอนามัยเพื่อป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ หากใช้ยาคุมกำเนิดชนิดอื่นมาก่อน ให้เริ่มรับประทานยาคุมพรีมในวันถัดจากวันสุดท้ายที่รับประทานยาคุมดังกล่าว หากใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนเดี่ยว (Minipill) มาก่อน ให้เริ่มรับประทานยาคุมพรีมในวันแรกของประจำเดือน แม้ว่าในวันนั้นจะรับประทานยาคุมกำเนิดฮอร์โมนเดี่ยวก่อนแล้ว หากใช้การคุมกำเนิดแบบฉีดหรือแบบแปะมาก่อน ให้เริ่มรับประทานยาคุมพรีม ในวันที่ยาแบบฉีดหรือแปะหมดฤทธิ์ หรือถูกนำออกจากร่างกาย อย่างไรก็ตาม หากเริ่มใช้ยาคุมพรีมในกรณีนี้ ควรใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วยหากมีเพศสัมพันธ์ในช่วง 14 วันแรกของการใช้ยาคุมพรีม หลังจากคลอดบุตร ไม่ควรเริ่มใช้ยาคุมพรีมจนกว่าจะมีประจำเดือนอีกครั้ง และไม่ควรเริ่มใช้ขณะให้นมบุตร ทั้งนี้ หากต้องการใช้ยาคุมพรีมหลังคลอด ควรปรึกษาคุณหมอเพื่อขอคำแนะนำ หากทำแท้งหรือแท้งลูก ก่อนตัดสินใจรับประทานยาคุมพรีม ควรปรึกษาคุณหมอเพื่อขอรับคำแนะนำ ยาคุมพรีม กับวิธีปฏิบัติตัวหากลืมรับประทาน
หากลืมรับประทานยาคุมพรีม ให้รีบรับประทานยาคุมพรีมทันทีที่นึกได้ และให้รับประทานยาเม็ดถัดไปในเวลาที่รับประทานยาปกติ ทั้งนี้ หากขาดยาคุมพรีมไปนานเกิน 12 ชั่วโมง จากเวลาที่รับประทานยาเป็นปกติ ให้รีบรับประทานยาทันทีที่นึกได้เช่นกัน ซึ่งทำให้ต้องรับประทานยา 2 เม็ดในหนึ่งวัน และควรคุมกำเนิดโดยใช้ถุงยางอนามัยร่วมด้วยเป็นเวลา 7 วัน
ยาคุมพรีม และการใช้ร่วมกับยาชนิดอื่น
ยาคุมพรีมอาจออกฤทธิ์ได้น้อยลงหรือส่งผลให้ประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดลดลง เมื่อรับประทานร่วมกับตัวยาดังต่อไปนี้
ยารักษาโรคลมชัก เช่น ไพรมิโดน (Primidone) เฟนิโทอิน (Phenytoin) ยารักษาวัณโรค เช่น ไรแฟมพิซิน (Rifampicin) ไรฟาบูติน (Rifabutin) ยารักษาโรคเอดส์ เช่น เนลฟินาเวียร์ (Nelfinavir) อีฟาวิเรนซ์ (Efavirenz) ยาปฏิชีวนะอื่น ๆ เช่น แอมพิซิลลิน (Ampicillin) เตตร้าซัยคลิน (Tetracycline) กริซีโอฟุลวิน (Griseofulvin) ยาคุมพรีม ก่อให้เกิดผลข้างเคียงอย่างไรบ้าง
เมื่อใช้ยาคุมพรีม ผลข้างเคียงที่อาจพบได้ ประกอบด้วย
คลื่นไส้ อาเจียน ปวดศีรษะ มวนท้อง คัดตึงเต้านม น้ำหนักเพิ่มขึ้นหรือลดลง ความต้องการทางเพศเพิ่มขึ้นหรือลดลง มีอาการซึมเศร้า หากใช้ยาเป็นระยะเวลานาน