ปัจจัยเสี่ยง
ปัจจัยเสี่ยงที่อาจส่งผลให้เป็นซีสต์ในรังไข่
ปัจจัยเสี่ยงที่อาจส่งผลให้เป็นซีสต์ในรังไข่ มีดังนี้
- มีประวัติเป็นซีสต์ในรังไข่มาก่อน
- การใช้ยาโคลมีฟีน (Clomiphene) ซึ่งเป็นยาที่ช่วยให้ตกไข่ อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดซีสต์ในรังไข่ได้
- การตั้งครรภ์ หากภายในรังไข่มีไข่ตกค้างอยู่ในระหว่างการตั้งครรภ์ อาจพัฒนาไปสู่ซีสต์ได้
- เยื่อบุโพรงมดลูกเจริญผิดที่ เยื่อบุโพรงมดลูกอาจเกาะติดกับรังไข่และพัฒนากลายเป็นซีสต์
การวินิจฉัยและการรักษา
ข้อมูลในที่นี้ไม่มีเจตนาให้ใช้ทดแทนคำแนะนำทางการแพทย์ ควรปรึกษาคุณหมอทุกครั้งเพื่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม
การวินิจฉัยซีสต์ในรังไข่
วิธีการวินิจฉัยซีสต์ในรังไข่ มีดังนี้
- อัลตราซาวด์อุ้งเชิงกราน โดยใช้คลื่นเสียงความถี่สูงสร้างภาพโครงสร้างของมดลูกและรังไข่ เพื่อหาตำแหน่งของซีสต์ในรังไข่
- การสอดกล้อง คุณหมออาจผ่าตัดแผลเล็กบริเวณหน้าท้องเพื่อสอดกล้องเข้าไปยังรังไข่เพื่อตรวจหาซีสต์
- การตรวจเลือด ในกรณีที่ผู้ป่วยเป็นซีสต์ในรังไข่ชนิดแข็ง คุณหมออาจขอเก็บตัวอย่างเลือด เพื่อตรวจสอบว่ามีความเสี่ยงเป็นโรคมะเร็งรังไข่ เนื้องอกมดลูก หรือเนื้องอกเยื่อบุโพรงมดลูกหรือไม่ ก่อนที่จะดำเนินการรักษาในลำดับถัดไปตามความเหมาะสม
- การทดสอบการตั้งครรภ์ หากมีอาการของซีสต์รังไข่ และผลทดสอบการครรภ์เป็นบวกอาจหมายความว่ามีความเสี่ยงเป็นซีสต์คอร์ปัสลูเทียม ซึ่งจำเป็นต้องตรวจหาซีสต์ในรังไข่ด้วยวิธีอื่นร่วมด้วย
การรักษาซีสต์ในรังไข่
ปกติแล้วซีสต์ในรังไข่บางชนิดเช่น Follicular cyst, Corpus luteal cyst สามารถหายไปได้เองโดยไม่จำเป็นต้องเข้ารับการรักษา แต่หากซีสต์ในรังไข่มีขนาดใหญ่ขึ้น คุณหมออาจรักษาซีสต์ด้วยวิธีดังต่อไปนี้
- ยาคุมกำเนิด อาจช่วยยับยั้งการตกไข่เพื่อไม่ให้เกิดซีสต์ในรังไข่เพิ่มขึ้น
- การผ่าตัด เพื่อกำจัดซีสต์ในรังไข่ออก โดยคุณหมออาจใช้เทคนิคการผ่าตัดแบบส่องกล้องด้วยการกรีดผิวหนังบริเวณท้องน้อยและสอดกล้องขนาดเล็กเข้าไปพร้อมกับอุปกรณ์ผ่าตัด วิธีนี้อาจเหมาะสำหรับผู้หญิงที่มีซีสต์ในรังไข่ขนาดเล็ก แต่สำหรับผู้หญิงที่มีซีสต์ในรังไข่ขนาดใหญ่และมีอาการเจ็บปวด คุณหมออาจทำการกรีดแผลบริเวณท้องให้ใหญ่ขึ้นเพื่อง่ายต่อการผ่าตัด บางกรณีอาจจำเป็นต้องทำการผ่าตัดนำรังไข่ออกทั้งหมด
คุณหมออาจจำเป็นต้องติดตามผลการรักษาด้วยการอัลตราซาวด์ เพื่อตรวจสอบว่าซีสต์ในรังไข่หายไปหรือมีแนวโน้มกลับมาเป็นซ้ำอีกหรือไม่
การปรับไลฟ์สไตล์และการดูแลตัวเอง
การปรับไลฟ์สไตล์และการดูแลตัวเองเพื่อป้องกันซีสต์ในรังไข่
ไม่มีวิธีการดูแลตัวเองเพื่อป้องกันซีสต์ในรังไข่ได้แต่สามารถตรวจสุขภาพสม่ำเสมอเพื่อการวินิจฉัยได้อย่างรวดเร็ว อาจทำได้ด้วยการเข้ารับการตรวจสุขภาพประจำปี และตรวจสุขภาพอุ้งเชิงกรานสม่ำเสมอ รวมถึงสังเกตว่าประจำเดือนมาปกติหรือไม่ หากประจำเดือนมาไม่สม่ำเสมอ ประจำเดือนขาด ประจำเดือนมามากและน้อยเกินไป ควรเข้าพบคุณหมอเพื่อรับการวินิจฉัยทันที เพราะอาจเป็นสัญญาณเตือนของซีสต์ในรังไข่หรือความผิดปกติอื่น ๆ ได้
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย