- 88 เปอร์เซ็นต์ ตั้งครรภ์ด้วยเซลล์ไข่จากรังไข่ของตัวเอง
- 78 เปอร์เซ็นต์ คลอดบุตรที่โรงพยาบาล
- 61 เปอร์เซ็นต์ บริโภคฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน (Testosterone) ทดแทน ก่อนการตั้งครรภ์เพื่อสร้างหรือคงลักษณะของเพศชาย เช่น เสียงที่ทุ้มใหญ่ มวลกล้ามเนื้อที่มากกว่าเพศหญิง หนวดหรือเส้นขนบนร่างกายที่ดกกว่าเพศหญิง
- 50 เปอร์เซ็นต์ ได้รับการดูแลก่อนคลอดโดยคุณหมอ
ผู้ชายข้ามเพศที่ไม่ผ่าตัดแปลงเพศและยังคงมีรังไข่และมดลูกอยู่ภายในระบบสืบพันธุ์จึงสามารถตั้งครรภ์ได้
การปลูกถ่ายมดลูก อาจทำให้ผู้ชายท้องได้จริงหรือไม่
มีการสันนิษฐานว่า การผ่าตัดปลูกถ่ายมดลูก (Uterine Transplantation) อาจช่วยให้ผู้ชายตั้งครรภ์ได้ อย่างไรก็ตาม การผ่าตัดปลูกถ่ายมดลูกยังเป็นเพียงทฤษฎี และปัจจุบันนี้ยังไม่มีหลักฐานใด ๆ ที่ยืนยันว่าการผ่าตัดปลูกถ่ายมดลูกสามารถทำให้ผู้ชายตั้งครรภ์ได้จริง
ทั้งนี้ หากการผ่าตัดปลูกถ่ายมดลูกได้รับการพิสูจน์ว่าอาจสามารถทำให้ตั้งครรภ์ได้จริงในอนาคต ขั้นตอนที่จะทำให้เพศชายสามารถมีบุตรได้จะประกอบด้วยกระบวนการ ดังนี้
- เข้ารับการพิจารณาจากคุณหมอเพื่อตรวจและวินิจฉัยความพร้อมทั้งทางกายภาพ อารมณ์ จิตใจ และทำแบบทดสอบทางจิตวิทยา ก่อนเข้ารับการผ่าตัด
- การบริโภคยากดภูมิคุ้มกัน หลังการปลูกถ่ายมดลูกสำเร็จและตลอดช่วงเวลาตั้งครรภ์ เพื่อป้องกันร่างกายปฏิเสธสิ่งแปลกปลอมอย่างมดลูกที่ถูกปลูกถ่ายเข้าสู่ร่างกาย
- การบริโภคฮอร์โมนเพศหญิง เอสโตรเจน (Estrogen) และโปรเจสเตอโรน (Progestogen) หลังการผ่าตัด เพื่อกระตุ้นให้มดลูกสร้างเยื่อบุโพรงมดลูกขึ้นมารองรับตัวอ่อนที่เกิดขึ้นและอาศัยอยู่ในครรภ์
อย่างไรก็ตาม กระบวนการตั้งครรภ์นั้นมีความซับซ้อนและละเอียดอ่อนอย่างมาก นอกเหนือจากความพร้อมด้านร่างกายที่ในอนาคตอาจมีความเป็นไปได้ว่า ผู้ชายท้องได้จากการผ่าตัดปลูกถ่ายมดลูก แต่ยังมีเรื่องของการดูแลครรภ์ ภาวะแทรกซ้อน ความเข้าใจในการเปลี่ยนแปลงของร่างกาย และพันธุกรรม ที่ส่งผลต่อความปลอดภัยและสุขภาพของทารก ดังนั้น ผู้ชายท้องได้ไหม ยังคงต้องมีการศึกษาและทดลองเพิ่มเติมเพื่อความปลอดภัยต่อสุขภาพเป็นสำคัญ
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย