หนังหุ้มปลายตีบ เกิดจากอะไร
หนังหุ้มปลายตีบ เป็นภาวะที่เกิดจากผิวหนังบริเวณปลายองคชาตหดตัวจนไม่สามารถรูดให้เปิดได้ตามปกติ สามารถเกิดได้กับผู้ชายได้ทุกวัย แต่มักพบในเพศชายวัยเด็กเล็กและเด็กวัยเรียน หนังหุ้มปลายของเด็กผู้ชายมักไม่หดกลับจนกว่าจะอายุ 5-7 ขวบ ภาวะหนังหุ้มปลายตีบอาจทำให้ส่วนปลายองคชาตโป่งหรือพองขณะปัสสาวะ และอาจทำให้เกิดอาการเจ็บบริเวณปลายองคชาต มีอาการอักเสบ รู้สึกเจ็บขณะปัสสาวะ เจ็บขณะองคชาตแข็งตัว หรือเจ็บขณะมีเพศสัมพันธ์ โดยเฉพาะหากเป็นผู้ที่หนังหุ้มปลายตึงแน่นมากกว่าปกติ
สาเหตุที่ทำให้หนังหุ้มปลายตีบ อาจมีดังนี้
- สุขอนามัยไม่ดี การดูแลสุขอนามัยบริเวณอวัยวะเพศที่ไม่ดี เช่น ล้างไม่สะอาด ไม่ซับให้แห้งหลังอาบน้ำหรือปัสสาวะ อาจทำให้หนังหุ้มปลายตีบ ทั้งยังทำให้ระคายเคืองและติดเชื้อได้
- ปัญหาสุขภาพผิว เช่น โรคผิวหนังอักเสบ (Eczema) โรคสะเก็ดเงิน โรคไลเคน พลานัส (Lichen planus) ซึ่งเป็นการอักเสบของผิวหนังที่ก่อให้เกิดผื่นคัน โรคไลเคน สเคิลโรซุส (Lichen Sclerosus) ซึ่งเป็นโรคผิวหนังอักเสบที่ส่งผลต่อผิวหนังบริเวณอวัยวะเพศ
- สาเหตุโดยธรรมชาติ เป็นภาวะหนังหุ้มปลายตีบที่เรียกว่า ภาวะหนังหุ้มปลายตีบทางสรีรวิทยา (Physiologic Phimosis) ที่เกิดขึ้นตั้งแต่แรกเกิด ซึ่งอาจดีขึ้นเมื่ออายุได้ 5-7 ขวบ
- การติดเชื้อ การติดเชื้อและการอักเสบอาจทำให้หนังหุ้มปลายเกิดแผลเป็น และอาจทำให้ผิวหนังยืดหยุ่นได้น้อยลง เมื่อเนื้อเยื่อบริเวณหนังหุ้มปลายแข็งตัวและไม่อ่อนนุ่มจะทำให้ดึงกลับได้ยาก
- อายุ เมื่ออายุมากขึ้น หนังหุ้มปลายอาจสูญเสียความยืดหยุ่นที่เคยมี นอกจากนี้ อวัยวะเพศอาจไม่แข็งตัวบ่อยเหมือนในวัยหนุ่ม จึงอาจทำให้เกิดหนังหุ้มปลายตีบได้
- ภาวะสุขภาพ เช่น โรคเบาหวาน เป็นโรคที่อาจทำให้เกิดการติดเชื้อที่ปลายองคชาตหรือปลายองคชาตอักเสบ (Balanitis) และนำไปสู่ภาวะหนังหุ้มปลายตีบได้
- การบาดเจ็บ บางครั้งหนังหุ้มปลายตีบอาจเกิดจากการดึงและยืดหนังหุ้มปลายอย่างรุนแรง จนทำให้เนื้อเยื่อฉีกขาดและเกิดการอักเสบได้
ความคิดเห็นทั้งหมด
แบ่งปันความคิดเห็นของคุณ
ร่วมแสดงความคิดเห็นของคุณกับ Hello คุณหมอ
สมัครสมาชิก หรือ เข้าสู่ระบบ เพื่อร่วมการพูดคุย